ไหปีศาจ - บทที่ 344 หยิบขึ้นมา
บทที่ 344 หยิบขึ้นมา
บทที่ 344
หยิบขึ้นมา
ทันทีที่ลั่วอู๋เดินออกมายังสนามหญ้า เสี่ยวไป่ที่รอแทบไม่ไหวก็กระโจนขึ้นไปหาเขา
แม้ว่ามิติวิญญาณของเสี่ยวไป่จะยังไม่ถึงมิติวิญญาณระดับทอง แต่พละกำลังในการต่อสู้ของมันก็ยังคงน่ากลัว อย่างไรก็ตามลั่วอู๋สามารถหลบเลี่ยงมันไปได้ และซ่อนตัวจากระยะสายตาของมัน
“หยุดเถอะ เสี่ยวไป่!” หลี่หยินตะโกน
เสี่ยวไป่นอนลงบนพื้นอย่างน่าสงสาร จมูกของมันลอยขึ้นราวกับว่ามันไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ร่างกายของมันสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง
หลี่หยินลูบร่างของเสี่ยวไป่เบา ๆ และปลอบมันที่หู
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว “มันต้องการอะไร?”
“ข้าถามมันแล้วเจ้าค่ะ แต่มันกำลังมีอารมณ์ตื่นเต้นและคลุมเครือมาก” “ ดูเหมือนว่ามันรู้สึกว่าอยากกินนายน้อยเจ้าค่ะ”
“หา?” ลั่วอู๋ดูสับสนงงงวย
มันเป็นมังสวิรัติไม่ใช่เหรอ? มันไม่ควรอยากจะกินเขาสิ ถึงแม้ว่ามันจะอยากกินเนื้อก็ตามที
ลั่วอู๋คิดอยู่พักหนึ่งแล้วถาม “มันเริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตั้งแต่ตอนที่นายน้อยเดินทางกลับมาเจ้าค่ะ” หลี่หยินตอบกลับ
ลั่วอู๋อดสงสัยไม่ได้ มันไม่เคยเป็นแบบนี้ในเวลาปกติ แล้ววันนี้ไหงมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ? วันนี้เขาดูน่าอร่อย งั้นเหรอ ?
มันไม่ควรเป็นแบบนี้
ทำไมกันนะ
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่นานก่อนที่เขาจะนึกออกถึงบางเรื่อง วันนี้เขาซื้อของวัตถุพลังวิญญาณสามชิ้นมาจากคฤหาสน์หวู่หยู่กลับมาด้วย ซึ่งเสี่ยวไป่นั้นไม่เคยกลิ่นพวกมันมาก่อน
หรือว่าจะเป็น
ลั่วอู๋หยิบหญ้าพระจันทร์สีเงิน ยูนิคอร์นแห่งถ้วยทอง และผ้าไหมห้วงมิติออกมา แสงสีเงินเปล่งประกายออกมาเช่นเดียวกับแสงของดวงดาว
เสี่ยวไป่ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง ทำให้มันรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น มันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะพุ่งไปหาลั่วอู๋ จนแม้แต่หลี่หยินก็ไม่สามารถหยุดมันเอาไว้ได้
“ไม่ต้องหยุด ปล่อยให้มันเข้ามา” เมื่อเห็นท่าทางของเสี่ยวไป่ ลั่วอู๋ก็เริ่มมีความคิดหนึ่งอยู่ในใจ
มันไม่อยากกินเขา มันแค่อยากกินของที่เขานำกลับมาด้วยต่างหาก กระต่ายแห่งแดนสาบสูญมีประสาทความรู้สึกไวต่อกลิ่นมาก แม้ว่าของต่างๆเหล่าจะถูกเก็บไว้ในไหปีศาจ แต่มันก็ยังสามารถดมกลิ่นที่หลงเหลืออยู่ได้
หลี่หยินปล่อยเสี่ยวไป่ไป จากนั้นเสี่ยวไป่ก็เข้าตะครุบจับหญ้าพระจันทร์สีเงินเข้าปากไปในทันที โดยที่ไม่ได้เหลียวมองไปอีกสองอย่างเลยแม้แต่น้อย มันเคี้ยวอาหารอย่างมีความสุข
กระต่ายย่อมต้องกินหญ้า มันเป็นเรื่องที่แน่นอน
อย่างไรก็ตามปกติแล้วเสี่ยวไป่ มักจะกินอาหารที่มีพลังวิญญาณและไม่ค่อยสนใจสมุนไพรวิญญาณสักเท่าไหร่
“หญ้าพระจันทร์สีเงิน หนึ่งใบมีค่าใช้จ่าย 14000 คะแนน” ลั่วอู๋ถอนหายใจ
คงจะโกหกถ้าหากเขาจะพูดว่าเขาไม่ได้รู้สึกเสียดาย
สัตว์วิญญาณนั้นสามารถใช้ยารวบรวมพลังวิญญาณเป็นอาหารในการเลี้ยงดูได้
สัตว์วิญญาณระดับเงิน ต่อให้หรูหรามากแค่ไหนก็กินยาเพียงแค่สี่หรือห้าเม็ดต่อวัน ด้วยคะแนน 14000 คะแนนนี้ ลั่วอู๋สามารถซื้อยารวบรวมพลังวิญญาณได้เป็นจำนวนมาก
หลังจากได้กินหญ้าพระจันทร์สีเงินเข้าไป อารมณ์ของเสี่ยวไป่ก็กลับมาเป็นปกติ มันได้กลับมาเชื่องตามเดิม อย่างไรก็ตามขนสีขาวราวกับหิมะของมันนั้นเริ่มมีขนสีเงินปะปนมาเล็กน้อย ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกมาก
ลั่วอู๋รู้สึกได้ชั่วขณะว่าสถานะของเสี่ยวไป่นั้นยังไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ลมปราณของมันมีการควบแน่นมากขึ้น ราวกับว่ามันกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ชัดเจนเกิดขึ้น
เสี่ยวไป่เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่ ลั่วอู๋ ด้วยความคาดหวังในสายตาของมัน ความหมายนั้นชัดเจนในตัวเอง
“อยากได้มากกว่านี้งั้นเหรอ” “เจ้ารอข้าก่อนนะ ข้าจะไปซื้อมันมาให้อีก” ลั่วอู๋พูดอย่างช่วยไม่ได้
“นายน้อยสมุนไพรวิญญาณนั่นมันแพงมากไม่ใช่เหรอเจ้าคะ ? อย่าซื้อมันมาเพิ่มอีกเลย เสี่ยวไป่เจ้ามันโลภเกินไป”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร มันไม่ได้แพงขนาดนั้น” ลั่วอู๋ส่ายหัว
มิติวิญญาณของหลี่หยินนั้นได้รับการยกระดับเป็นระดับเงิน มิติ 10 แล้ว แต่แมวผีและราชากระต่ายแห่งแดนสาบสูญนั้นยังคงอยู่ในระดับเงิน มิติ 7และ 8 ในขณะนี้
ความแข็งแกร่งของนางอยู่ที่อันดับต่ำสุดของสำนักเฉียนหลง
ลั่วอู๋ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับศักยภาพของหลี่หยิน แต่เสี่ยวไป่นั้นแตกต่างออกไป เพราะท้ายที่สุดแล้วมันเป็นเพียงแค่กระต่ายแห่งแดนสาบสูญกลายพันธุ์ ซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณที่อ่อนแอที่สุด
นอกจากทักษะทะลวงมิติแล้ว ทักษะอื่น ๆ ล้วนธรรมดาจนเกินไป ทำให้ในแง่มุมอื่น ๆ มันนั้นอ่อนแอ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อประสิทธิภาพโดยรวมของหลี่หยิน
ลั่วอู๋ไม่กล้าใช้ความสามารถ การแก้ไขคุณสมบัติ กับเสี่ยวไป่ เพราะถ้าหากทักษะทะลวงมิติหายไปล่ะก็ คงได้ร้องไห้จนแทบตายแน่
“ ถ้าเจ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปสักหน่อย หลังจากที่ได้กินสมุนไพรวิญญาณราคาแพงของข้าแล้วล่ะก็ ข้าจะเคี่ยวเจ้าให้หนักเอง”
ลั่วอู๋มาถึงคฤหาสน์หวู่หยู่อย่างโกรธ ๆ
“เจ้าของร้าน ขอหญ้าพระจันทร์สีเงินให้ข้าอีกสัก 20 ต้นที” ลั่วอู๋ตบลงที่โต๊ะ
เจ้าของร้านหันมามองแล้วพูดว่า “มีเหลือเพียงแค่ 17 ต้นเท่านั้น และเจ้าสามารถซื้อได้มากสุดแค่วันล่ะ 11 ต้น เพราะเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุในราชวังไป่ฉิง ต้องการสมุนไพรวิญญาณชนิดนี้เป็นครั้งคราว”
“สิบเอ็ดต้น ก็สิบเอ็ดต้น”
ลั่วอู๋จ่ายไป 154,000 คะแนน แล้วรับหญ้าพระจันทร์สีเงินกลับมา 11 ต้น จากนั้นจึงรีบกลับไปที่บ้านพัก
เสี่ยวไป่และหลี่หยินต่างกระตือรือร้นที่จะได้เห็น ลั่วอู๋กลับมา มันรีบเข้าไปประจบเขา วิ่งวนไปรอบ ๆ ตัวเขา ขนสีเงินบนร่างกายของมันกะพริบไปทั่วอย่างสดใส
“เจ้าเอานี่ไป มันอยู่ที่นี่แล้ว” ลั่วอู๋หยิบหญ้าพระจันทร์สีเงินออกมา
เสี่ยวไป่ รู้สึกตื่นเต้นที่ได้แทะหญ้าพระจันทร์สีเงิน มันกลืนหญ้าพระจันทร์สีเงินลงไปที่เดียว 4 ต้น จากนั้นขนสีเงินบนร่างกายของมันก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย
ตอนนี้เสี่ยวไป่ดูเหมือนกับแท่งสีเงินขนาดใหญ่
เมื่อมันได้กินหญ้าพระจันทร์สีเงินไปครบ 5 ต้น เสี่ยวไป่ก็ดูเหมือนจะพอใจแล้ว มันค่อยๆนอนลงตรงนั้นอย่างสบาย ๆ ราวกับว่าพร้อมแล้วที่จะนอนหลับ
“นอนหลับทันทีที่อิ่มเลยเรอะ เฮ้ ตอบสนองอะไรให้ข้าบ้างสิ”ลั่วอู๋รีบปลุกมัน
เสี่ยวไป่ลืมตาขึ้นด้วยความงงงวย จากนั้นก็กวาดก้นของมัน ปล่อยก้อนอุจจาระสีเงินโหลนึงออกจากร่างกาย
จากนั้นเสี่ยวไป่ก็หลับตาลงอย่างสบาย ๆ และนอนหลับไป
จิตใจของลั่วอู๋กำลังกระโดดโลดเต้นด้วยความโกรธ
“หลี่หยินไปเอามีดมาให้ข้า คืนนี้เราจะกินเนื้อกระต่ายกัน” ลั่วอู๋กัดฟัน
หลี่หยินมองไปที่อุจจาระสีเงินของเสี่ยวไป่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นแล้วจึงเรียกลั่วอู๋มาดูด้วยความสงสัย “นายน้อยเจ้าคะ โปรดมาดูอุจจาระของเสี่ยวไป่ที มันแปลกมาก”
“มันมีอะไรดี” ลั่วอู๋บ่นแล้วจึงเดินไปมองไปก้อนอุจจาระสีเงินด้วยความสงสัยเล็กน้อย “แหวะ นี่มันคืออะไร?”
เดิมทีอุจจาระของเสี่ยวไป่ นั้นมีสีดำแต่คราวนี้มันกลับมีชั้นสีเงินเคลือบอยู่ และไม่มีกลิ่นเหมือน ดูเหมือนกับลูกเหล็กก้อนเล็ก ๆ
ลั่วอู๋คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอานิ้วของเขาดีดมัน เปิดก้อนสีเงิน ซึ่งมีพลังวิญญาณห้วงมิติอันรุนแรงพวยพุ่งออกมา
“มันแปลกมาก ข้าจะลองเอาไปถามผู้รู้ดู” ลั่วอู๋ห่ออุจจาระสีเงินด้วยผ้าอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ไปที่คฤหาสน์ หวู่หยู่อีกรอบ
เจ้าของร้านของคฤหาสน์หวู่หยู่รู้สึกรำคาญเล็กน้อย “ทำไมเจ้ายังต้องมาที่นี่อีก นี่มันรอบที่สามแล้วนะ เจ้าต้องการซื้ออะไรก็ซื้อมันทั้งหมดในครั้งเดียวไม่ได้รึยังไง?”
“คราวนี้ข้าไม่ได้มาซื้อของ เจ้าช่วยระบุได้ไหมว่านี่มันคืออะไร?” ลั่วอู๋กล่าว
เจ้าของร้านเป็นคนใจร้อน แต่เมื่อลั่วอู๋เปิดห่อผ้าออกมา ตาของเขาก็สว่างขึ้นแล้วมองไปที่ก้อนกลมสีเงินอย่างระมัดระวัง
“นี่มันแปลกมาก มันคืออะไรกัน?”
เจ้าของร้านหยิบก้อนกลมเล็ก ๆ สีเงินขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เขาเอามันขึ้นมาดมจากนั้นก็เล่นในมืออย่างระมัดระวัง “ดูเหมือนนี่จะเป็นวัตถุพลังวิญญาณที่ไม่เคยมีใครพบมาก่อน มันประกอบด้วยพลังอันแข็งแกร่งของห้วงมิติ ซึ่งดูเหมือนจะสามารถใช้ในการสร้างเส้นทางข้ามมิติได้ ”
เขามีความรู้มากพอที่จะเป็นเจ้าของร้านคฤหาสน์หวู่หยู่ได้ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ที่มาที่ไปของก้อนกลมสีเงินนี้ แต่เขาก็สามารถเดาผลการใช้งานของมันได้ตามการรับรู้ของเขา
“อย่างไรก็ตามพลังวิญญาณห้วงมิติของก้อนกลมสีเงินนี้ยังหยาบเกินไป คาดว่าเส้นทางข้ามมิติที่สร้างโดยก้อนกลมสีเงินนี้คงจะยังไม่มั่นคงเท่าไหร่ และไม่เพียงพอที่จะให้สิ่งมีชีวิตเขาออกผ่านช่องทางนั้นได้ แต่มันก็ยังคงเป็นของดีที่หาได้ยาก”
เจ้าของร้านเส้นก้อนสีเงินแล้วถามอย่างตื่นเต้นว่า “เจ้าได้สิ่งนี้มาจากที่ไหน?”
“โอ้ กระต่ายน่ะ”
“อะไรนะ ?” ใบหน้าของเจ้าของร้านเปลี่ยนไป
ลั่วอู๋มองเขาอย่างแปลก ๆ “แน่นอนมันเป็นอุจจาระของกระต่าย หรืออาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้”
เจ้าของร้านตัวสั่น
มีเสียงคำรามดังไปทั่วคฤหาสน์หวู่หยู่
“ออกไปจากที่นี่ซะ!”
โลกสั่นสะเทือน จากนั้นลั่วอู๋วิ่งหนีไปพร้อมก้อนกลมสีเงิน
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเจ้าของร้านของคฤหาสน์หวู่หยู่จะน่ากลัวได้ขนาดนี้ แท้จริงเขาเป็นดั่งเสือหรือไม่ก็มังกรที่กำลังหลับอยู่