ไหปีศาจ - บทที่ 346 เปิดประตูมิติ
บทที่ 346 เปิดประตูมิติ
บทที่ 346 เปิดประตูมิติ
ฉูจงฉวนกำลังรอลั่วอู๋อยู่ด้านนอกของบ้านพัก
เขามาพร้อมกับหลินยูหลัน
ช่วงนี้ พวกเขามักจะออกไปด้วยกัน หลินยูหลันนั้นเป็นคนอ่อนโยนเสมอมา แต่ทุกอย่างจะแย่มากหากทำให้นางต้องระเบิดความโกรธออกมา
“ ลั่วอู๋ ไปกันเถอะ พวกเราต้องเดินทางไปยังนรกมนตรา ” ฉูจงฉวนพูดด้วยความกล้าหาญ แม้ว่าจะมีคนเคยเดินทางเข้าไปแล้วกว่าพันคน
“ ข้ากังวลจัง ” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม
“ แน่อยู่แล้ว ข้าแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้พบสัตว์วิญญาณตัวที่ 3 ของข้า ” ฉูจงฉวนตั้งมั่น
ขณะนั้นหลินยูหลันก็พูดออกมา “ เจ้าไม่ต้องการปีศาจเสน่ห์หรอก ”
ฉูจงฉวนทรุดลงในทันที
“ เจ้าน่าจะลองคิดดูใหม่อีกทีนะ ” ฉูจงฉวนพูดด้วยความเศร้า
หลินยูหลันพยักหน้า “ หลังจากข้าพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ไม่แน่นอน! สัตว์วิญญาณชนิดนี้ไม่ได้แข็งแกร่ง และยังเชี่ยวชาญศิลปะแห่งความลุ่มหลงอีกด้วย มันจะทำให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องรู้สึกสูญเสียพลังวิญญาณในการต่อสู้ จนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ ท่านคือความภาคภูมิใจของข้าและความหวังของตระกูลฉู ดังนั้น ท่านจะต้องไม่ทำตัวเปล่าประโยชน์? ”
“ สิ่งนั้นมันไม่สำคัญสำหรับข้า ตราบใดที่ข้ายังมีเจตจำนงที่กล้าแกร่งพอ… ” ฉูจงฉวนอธิบาย
หลินยูหลันมองไปที่เขา “ ผู้ที่ต้องการปราบปีศาจเสน่ห์เพื่อที่จะตามหาสัตว์วิญญาณที่มีคุณสมบัติตรงตามต้องการ จะบอกว่าตนเองนั้นมีความแน่วแน่มากพอแล้วหรือ ”
ฉูจงฉวนรู้สึกแย่
หลินยูหลันก้าวไปข้างหน้า นางสัมผัสไปที่แก้มของ ฉูจงฉวน แล้วจูบเขาด้วยความรัก “ ที่รักสัญญากับข้าว่าท่านจะไม่เลือกปีศาจเสน่ห์ ตกลงไหม? ”
“ ตกลง ”
เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินยูหลัน ฉูจงฉวนนั้นไม่สามารถต่อต้านนางได้เลย เขาพ่ายแพ้ให้กับนางเสมอ
เมื่อมองไปที่พวกเขา ลั่วอู๋ก็รู้สึกขำขัน
“ ฉูจงฉวนผู้ที่มีความโรแมนติกในตำนาน กลับอยู่ในกำมือของผู้หญิงงั้นหรือ ” ลั่วอู๋หัวเราะ
ฉูจงฉวนกลอกตาไปมา เพราะเขาไม่สามารถปฏิเสธได้
ไม่ช้า พวกเขาก็เดินทางมาถึงที่นัดหมายของสำนักเฉียนหลง
รองเจ้าสำนักหลี่หวู่หยวน และทูตเฉียนหลงทั้ง 3 คนก็กำลังรออยู่ ณ ที่แห่งนั้น
ผู้ที่เข้าร่วมการฝึกอบรมในมิติทั้ง 9 คน
“ ไปกันเถอะ ”
ดวงตาของหลี่หวู่หยวนเปลี่ยนเป็นสีเงิน จากนั้นก็ได้มีสิงโตร่างยักษ์ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของเขา แผ่แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวราวกับจะครอบคลุมผืนทะเลอันกว้างใหญ่
สิงโตยักษ์คำรามขึ้นบนท้องฟ้าราวกับว่าเป็นการแสดงความเป็นราชา
สัตว์วิญญาณ ระดับเพชร สิงโตจอมผงาด
“ โฮก! ” ด้วยเสียงคำรามของสิงโต ทั่วโลกและห้วงมิติก็เกิดการสั่นสะเทือน
ห้วงมิติพังทลายลงอย่างกะทันหันทำให้ประตูห้วงมิติขนาดใหญ่ลึกลับและคาดเดาไม่ได้ซึ่งหนึ่งในนั้นมืดราวกับว่าไม่มีแสงสว่าง คลื่นเสียงอันน่ากลัวแผ่ขยายทั่วห้วงมิติเป็นชั้น ๆ
ทั่วห้วงมิติเริ่มพลังทลายลง จนเกิดเป็นช่องว่างอันลึกลับและคาดเดาไม่ได้ขนาดใหญ่ หนึ่งในนั้นมืดมิด ราวกับว่าไม่มีแสงสว่างอยู่เลย
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกตกใจ
นั่นคือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในสำนักอย่างงั้นหรือ?
สิงโตจอมผงาด ว่ากันว่าเสียงคำรามของมันสามารถแผ่ขยายไปยังดินแดนเทพเจ้าและปีศาจทั้ง 10 แห่งได้ภายในเวลา 9 วัน มันมีรูปแบบการสังหารถึง 2 รูปแบบ มีทั้งความเวทนาและความแข็งแกร่งอันลึกลับ
จากนั้น ทูตเฉียนหลงทั้ง 3 คนที่อยู่ตรงนั้น ก็ได้ปลดปล่อยลมปราณอันรุนแรงไปทั่วทั้งสำนักเฉียนหลง พวกเขาได้ปล่อยพลังวิญญาณแสงสีขาวลึกลับเข้าไปยังประตูห้วงมิติ
ว่ากันว่า ที่แห่งนั้นคือสถานที่ที่เจ้าสำนักของสำนักเฉียนหลงพำนักอยู่ในขณะนี้
เดิมที ประตูห้วงมิตินั้นไม่ได้ครอบคลุมทั่วนรกมนตรา มันจึงต้องการพิกัดของห้วงมิติ
หลังจากนั้น หลี่หวู่หยวนก็ได้คำรามออกไปถึง 7749 ครั้ง โดยในแต่ละครั้งทำให้ห้วงมิติเกิดการสั่นสะเทือน และเสียงคำรามครั้งสุดท้ายที่ดังออกไปแทบจะทำให้ประตูห้วงมิติพังทลาย
“ยิ่งการเข้าสู่สถานที่นั้นยากลำบากแค่ไหน ก็ยิ่งสร้างทางสู่ห้วงมิตินั้น ยากขึ้นเท่านั้น ดูเหมือนว่านรกมนตราแห่งนี้จะเป็นสถานที่ที่คนทั่ว ๆ ไปไม่ควรจะไปเลยจริง ๆ ” ลั่วอู๋ตกใจกลัว
ในที่สุด ภายใต้การควบคุมของรองเจ้าสำนักหลี่หวู่หยวน ทางเดินห้วงมิติก็เริ่มมีความมั่นคงยิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนว่าเขาเองก็เหนื่อยมากเช่นกัน
“ นรกมนตราเป็นสถานที่ที่ถูกผนึก ถ้าหากพวกเจ้าต้องการเข้าสู่นรกมนตราแล้วล่ะก็ พวกเจ้าอาจจะเป็นนักเรียนกลุ่มแรกที่เข้าได้เข้าสู่นรกมนตราในรอบ 100 ปีเลยทีเดียว ” หลี่หวู่หยวนกล่าว
เห็นได้ชัดว่าแม้ก่อนหน้านี้ทางสำนักจะมีการฝึกอบรมในมิติ แต่พวกเขาก็ไม่ได้เดินทางเข้าสู่นรกมนตรา
เพราะมันอันตรายเกินไป
“ ไปกันเถอะ ” หลี่หวู่หยวนสะบัดมือ ลั่วอู๋ และคนอีก 9 คนได้เดินเข้าไปในประตูห้วงมิติ
นักเรียนคนอื่นได้มองมาที่พวกเขาด้วยสายอิจฉา
แม้ว่าการไปสถานที่ลึกลับเช่นนี้จะอันตรายมาก แต่มันก็มั่นใจได้ว่าจะเป็นการเก็บเกี่ยวทรัพยากรและการฝึกฝนที่ดี
เมื่อมองไปที่พวกเขาทั้งหมดแล้ว องค์หญิงเจียโรวก็พูดขึ้น “ การฝึกอบรมในมิติ มันคงน่าจะสนุกน่าดู แต่ที่ข้าต้องการจะไปคือดินแดนเซียนโบราณหมื่นอมตะมากกว่า ”
ตั้งแต่ในตอนที่นางยังเป็นเด็ก นางถูกเติมเต็มไปด้วยความรักใคร่ของเหล่าภูต ดังนั้น นางจึงมีแต่ความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับดินแดนเซียนโบราณหมื่นอมตะ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นถิ่นกำเนิดของเหล่าภูต
“ ข้าคงจำเป็นต้องผ่านการฝึกฝนในสำนักเฉียนหลงเสียก่อน แต่มันก็น่าเบื่ออยู่ดี เมื่อต้องอยู่เพียงคนเดียวที่นี่ มันคงจะดีกว่านี้ถ้าข้าไปหาหลี่หยิน ฮิฮิ ”
องค์หญิงเจียโรวไปยังบ้านพักของลั่วอู๋
……
……
สำนักขององค์จักรพรรดิ
องค์จักรพรรดิเดินมาพร้อมกับองครักษ์และสาวใช้รอบตัวเขา เขามีดวงตาอันคมเข้มและคิ้วที่ขมวด กิริยาท่าทางของเขาแสดงให้เห็นถึงความมีอำนาจของจักรพรรดิผู้มีพลังสามารถควบคุมโลกทั้งใบได้
เมื่อเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาก็พูดออกมาว่า “ทำไมเจ้าถึงไม่โผล่ออกมาล่ะทูตเฉียนหลง? ”
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่น ห้วงมิติเกิดการบิดเบี้ยว
จากนั้นทูตเฉียนหลงที่สวมหน้ากากมังกรทองก็ปรากฏตัวขึ้นในสำนักของจักรพรรดิ
“ ท่านองค์จักรพรรดิ ” ทูตเฉียนหลงที่สวมหน้ากากมังกรทองกล่าวทักทาย
องค์จักรพรรดิพูดด้วยเสียงเย็นชา “ เกี่ยวกับเจียโรว ข้าคิดว่าสำนักเฉียนหลงควรอธิบายเรื่องนี้กับข้าก่อนสักหน่อยมิใช่หรือ? ”
“ องค์หญิงเจียโรวได้เข้ามายังสำนักเฉียนหลงด้วยวิธีการปกติ ” ทูตเฉียนหลงกล่าว “ มันถูกกำหนดโดยกฏระเบียบของสำนักเอาไว้แล้ว โปรดให้อภัยแก่ข้าด้วย ”
เดิมที องค์จักรพรรดิคิดว่าเจียโรวเพียงแค่หลบหนีมาเที่ยวเล่น
ใครจะไปคิดว่านางจะแอบไปเข้าร่วมสำนักเฉียนหลงอย่างลับ ๆ
“ ข้าไม่ได้สนใจกฏระเบียบ ” สายตาขององค์จักรพรรดิเปลี่ยนไป ทันใดนั้น สัตว์วิญญาณรูปร่างมังกรก็ปรากฏตัวออกมา ราวกับมีมังกรขนาดใหญ่สิงอยู่ในร่างของเขา
ทูตเฉียนหลงตกใจ
แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะถูกคำสาปรุมเร้า แต่เขาก็ยังสามารถต่อสู้เป็นปกติธรรมดาได้อยู่ดี
ดูเหมือนว่าองค์จักรพรรดิจะอยู่ในมิติวิญญาณระดับสูง ที่แม้แต่คำสาปในตำนานระดับสูงก็ไม่สามารถระงับพละกำลังของเขาได้ และแน่นอนว่าเพราะแบบนั้น เขาจึงควรค่าแก่การถูกยกย่องให้เป็นองค์จักรพรรดิ
ทันใดนั้น ร่างขององค์จักรพรรดิก็หายไป ไม่กี่นาทีต่อมาองค์จักรพรรดิก็ปรากฏตัวต่อหน้าทูตเฉียนหลงที่สวมหน้ากากมังกรทองและคว้าคอของเขาขึ้นมา
เพียงแค่เขาบีบเบา ๆ เขาก็สามารถบดขยี้อีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
“ องค์จักรพรรดิ ท่านคิดจะทำอะไรน่ะ? ” ทูตเฉียนหลงที่สวมหน้ากากมังกรทองกล่าว
องค์จักรพรรดิพูดด้วยเสียงทุ้ม “ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่ร่างจริง เจ้าจงกลับไปบอกหลี่หวู่หยวนว่า อย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเจียโรวโดยเด็ดขาด ข้าไม่ได้ต้องการฝ่าเข้าไปยังสำนักเฉียนหลง เพราะข้าเคารพท่านเทพผู้พิทักษ์ แต่พวกเจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถทำลายกำแพงห้วงมิติของสำนักเฉียนหลงลงได้จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ? ”
ในเวลาต่อมา หน้ากากมังกรทองของทูตเฉียนหลงก็ถูกบีบจนแตกออกเป็นเศษทอง
“หืม” องค์จักรพรรดิไม่ได้มองไปที่เศษทองที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น แต่กลับมองไปข้างหน้าด้วยสายตาอันสง่างาม
นางเองก็มีอายุตั้ง 18 ปีแล้ว
บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรอันตรายเกิดขึ้นกับนางก็ได้
เขาควรจะผ่อนคลายลงสักเล็กน้อย และเลิกระแวงมากจนเกินไป
เขาติดหนี้องค์หญิงเจียโรวอยู่ และมันก็คงไม่ใช่เรื่องแย่อะไร หากจะปล่อยให้นางได้ทำตามใจชอบซะบ้าง
ณ อีกมุมหนึ่งด้านหน้าของพระราชวัง กองเศษทอง ค่อย ๆ หลอมรวมกันจนเป็นรูปร่างของทูตเฉียนหลงที่สวมหน้ากากมังกรทองอีกครั้ง ณ ตอนนี้เขาก็จดจำแทบทุกอย่างที่ต้องรายงานได้เป็นอย่างดี
บรรยากาศรอบข้างสงบลง
เขาช่างคู่ควรกับทักษะในตำนานอย่าง “ จักรพรรดิมังกรพิพากษา ” จริง ๆ
“ ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมท่านรองเจ้าสำนักถึงยืนกรานที่จะรับองค์หญิงเจียโรวเข้ามากันนะ? ” ทูตเฉียนหลงรู้สึกสับสน
ในตอนที่องค์หญิงเจียโรวได้เข้ามาสู่สำนักเฉียนหลง หลี่หวู่หยวนย่อมเป็นคนแรกที่รู้เรื่องนั้น
ทั้ง ๆ ที่องค์จักรพรรดิได้เคยสั่งห้ามไปแล้วว่าไม่ให้องค์หญิงเจียโรวเข้าร่วมกับสำนักเฉียนหลง แต่รองเจ้าสำนักก็ไม่ได้มีท่าทีจะสนใจคำสั่งห้ามเสียนั้นเลย
ท่านรองเจ้าสำนักคิดจะระงับคำสั่งขององค์จักรพรรดิด้วยกฏระเบียบอย่างงั้นเหรอ?
เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ