ไหปีศาจ - บทที่ 366 เรื่องประหลาดใจ
บทที่ 366 เรื่องประหลาดใจ
บทที่ 366
เรื่องประหลาดใจ
สิบวันต่อมา ในที่สุด พรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคนก็ได้กลับมาถึงจุดนัดหมายเดิม
เมื่อพวกเขากลับมาถึงสถานที่รวมพลในตอนแรก พวกเขาก็ได้รู้ถึงความชาญฉลาดในการเลือกตำแหน่งวางช่องห้วงมิติ
จุดนี่อยู่ติดกับเหวและมีภูมิประเทศอันสูงชัน มีอุปสรรคมากมายที่ทำให้มันถูกหลบจากสายตา อีกทั้งยังเหมาะสำหรับเหล่านักเรียนในการทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของนรกมนตรา
นอกจากนี้ความหนาแน่นของพลังวิญญาณอันชั่วร้ายก็ไม่ได้สูงนัก ทำให้โดยพื้นฐานแล้วจะไม่มีปีศาจระดับแข็งแกร่งมาแถว ๆ นี้ ดังนั้นมันจึงทำให้เหล่านักเรียนสามารถหลีกเลี่ยงการปะทะกับปีศาจที่แข็งแกร่งเกินกว่าจะรับมือไหว ในตอนที่พวกเขาเข้าสู่นรกมนตรา
ตราบใดที่ระมัดระวังก็จะสามารถอยู่แถว ๆ นี้ได้สบาย ๆ
ระยะเวลาการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ของลั่วอู๋นั้นกินเวลาเกือบสองเดือนกว่า ๆ
ประสบการณ์ในช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเขาได้ผ่านการต่อสู้มามากมาย ลมปราณของพวกเขาได้พัฒนาขึ้น มันควบแน่นขึ้นและบรรยากาศของพวกเขาก็เปลี่ยนไปมาก
แน่นอนว่าประสบการณ์การต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน ย่อมเป็นการฝึกฝนที่ดีที่สุด
พวกเขาได้กลับไปที่ช่องว่างห้วงมิติ ที่ตอนนี้ช่องว่างมิติเดิมได้กลายเป็นเพียงรอยแตกเล็ก ๆ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้หากไม่ได้สังเกตอย่างรอบคอบ
หินนำทางส่องแสงสว่างเล็กน้อย ทันใดนั้นรอยแยกห้วงมิติก็แตกออก ทำให้พลังอันแข็งแกร่งของห้วงมิติเอ่อล้นออกมา
จากนั้นรองเจ้าสำนักหลี่หวู่หยวนปรากฏตัวขึ้น
“ดีมาก ดีจริง ๆ ที่พวกเจ้าทั้งสามคนยังมีชีวิตอยู่” หลี่หวู่หยวน พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและมองไปที่ลั่วอู๋ “เจ้าจะได้รับสิ่งที่เจ้าต้องการหรือยัง?”
“ได้แล้ว ขอบคุณท่านมาก” ลั่วอู๋โค้งคำนับ
หลี่หวู่หยวน เตือนอย่างเคร่งขรึม “จำเอาไว้ด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในนรกมนตราไม่ควรถูกแพร่กระจายออกไปภายนอก”
ลั่วอู๋รู้ดีว่ารองเจ้าสำนักกังวลเรื่องอะไร หากข้อมูลในนรกมนตรานั้นถูกแพร่กระจายออกไป มันย่อมจะทำให้เกิดความตื่นตระหนก นอกจากนี้ยังมีความลับบางอย่างที่พวกเขารู้มาอีก
“พวกเราเข้าใจดี” ลั่วอู๋พยักหน้าแล้วพูดต่อ “ข้าสงสัยว่าคนอื่น ๆ กลับมากันหรือยัง?”
แม้ว่าการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในนรกมนตรา จะสามารถอยู่ได้นานถึงหกเดือน แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติแล้ว ไม่มีใครคิดจะอยู่นานขนาดนั้นแน่
นั่นก็เพราะสภาพแวดล้อมของนรกมนตรานั้นอันตรายมาก มันยากที่จะรับประกันได้ว่า พวกเขาจะไม่ดูดซับพลังวิญญาณอันชั่วร้ายเข้ามามากเกินไป หากพวกเขาอาศัยอยู่ในนรกมนตรานานเกินไปมันจะส่งผลกระทบต่อการฝึกฝนมิติวิญญาณในอนาคต
หลี่หวู่หยวน ถอนหายใจเล็กน้อย “เหว่ยเฉิงโฉวได้รับบาดเจ็บสาหัส เขากลับไปก่อนตั้งแต่เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ตามฝั่งของทางสำนักหม่าเฉิน, เฉียนเหอเสียชีวิต, ไห่เซอ และ ทูหยานกลับในสภาพอาการบาดเจ็บสาหัส จินฉันได้กลืนสมุนไพรวิญญาณลึกลับทำให้พลังวิญญาณของเขาก็พุ่งสูงขึ้นมากถึง สองระดับมิติวิญญาณ อย่างไรก็ตามอารมณ์ของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างมาก รวมถึงสภาพร่างกายของเขาเองก็เปลี่ยนไป พลังวิญญาณของเขากลายเป็นพลังวิญญาณอันชั่วร้าย ซึ่งขณะนี้เหล่าอาจารย์ของสำนักเฉียนหลงนั้นกำลังพยายามช่วยเขาอยู่”
ลั่วอู๋ตกตะลึง
เขาไม่คาดคิดว่าผลลัพธ์ของการเก็บเกี่ยวประสบการณ์จะน่าเศร้าได้ถึงขนาดนี้
มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง 3 คน และเสียชีวิต 1 คน ส่วนอีกคนก็ได้พบกับอาการประหลาดดังกล่าว ที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ดีเลยจริงๆ
แม้แต่พวกเขาทั้งสามที่เดินทางไปด้วยกันเองก็ยังต้องก็พบกับวิกฤตระดับมหาประลัยหลายต่อหลายครั้ง
“แล้วหยู่เฮาล่ะ?” ลั่วอู๋ ถาม
เขาพูดถึงคนอื่น ๆ แต่ยังไม่ได้พูดถึงหยู่เฮาเลย
หลี่หวู่หยวน ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ข้าไม่ได้รับข่าวสารใด ๆ จากหยู่เฮา ตอนนี้เขาไปไกลเกินกว่าการรับรู้ของข้า ข้าจึงไม่รู้สึกถึงสถานการณ์ของเขา แต่ก็สามารถรับประกันได้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่”
ลั่วอู๋รู้สึกโล่งใจ
มันดีมาแล้วที่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่
ถึงจะยังไม่รู้ว่าเขาต้องการฝึกอีกนานแค่ไหนก็เถอะ
“พวกเจ้าพร้อมที่จะกลับกันรึยัง?” หลี่หวู่หยวนถาม
ทั้งสามพยักหน้า
ประสบการณ์และการเก็บเกี่ยวของพวกเขานั้นคุ้มค่ามากแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อ
“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะพาพวกเจ้ากลับให้ทันที” หลี่หวู่หยวน เตรียมที่จะส่งทั้งสามคนกลับสู่สำนักเฉียนหลง เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วมองไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก
พรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคนต่างมองหน้ากัน
ฝันร้าย กำลังแอบมองพวกเขามาจากข้างหลังหิน ด้วยดวงตาอันเบิกกว้างและซุกซน เช่นเดียวกับเด็กที่ไม่ได้รู้เกี่ยวกับโลกใบนี้
“ นี่มัน..ฝันร้ายงั้นเหรอ?” หลี่หวู่หยวนพยายามระบุตัวตนของมัน ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะแปลกใจเล็กน้อย
ลั่วอู๋ทำอะไรไม่ถูก
ทำไมเจ้าตัวน้อยนี่ถึงยังตามพวกเขามาอีก
ลั่วอู๋เล่าเรื่องฝันร้ายให้รองเจ้าสำนักฟัง จากนั้นหลี่หวู่หยวนก็หัวเราะออกมา “ฝันร้ายไม่ใช่สัตว์วิญญาณที่ชั่วร้ายหรอก มันเป็นเพียงแค่สัตว์วิญญาณที่ซุกซนและซุกซน ในอดีตบางคนจากสำนักเฉียนหลงสามารถเอาชนะฝันร้ายได้ ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก”
ฉูจงฉวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถามว่า “ท่านหมายถึงนักฆ่าลัทธิเต๋าที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอาณาจักรเมื่อ 300 ปีก่อนรึเปล่า?”
“มีความรู้ไม่เลวนี่นา” หลี่หวู่หยวน พยักหน้า
นักฆ่าลัทธิเต๋ามีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อ 300 ปีก่อน เขามีทักษะในการลอบสังหารอันน่ากลัว และมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับทองขั้นสูง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าไม่มีใครรอดจากการลอบสังหารของเขาได้แม้จะเป็นถึงระดับของจักรพรรดิวิญญาณก็ตาม
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาเชี่ยวชาญด้านการลอบฆ่า แต่เขาก็ไม่ใช่คนกระหายเลือด
แม้ว่าเขาจะรับหน้าที่ลอบฆ่า แต่เขาก็ฆ่าเฉพาะคนที่สมควรจะถูกฆ่าเท่านั้น
เขาเองก็มาจากสำนักเฉียนหลง ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนจำนวนมาก อย่างไรก็ตามเขาก็ได้หายตัวไป ในเวลาไม่นานหลังจากที่เขาได้มีชื่อเสียงอันเลื่องลือ เขาได้ทิ้งตำนานแสดงให้เห็นว่าจะไม่มีใครเหนือกว่าเขาได้ในโลกของนักฆ่า
แต่ฉูจงฉวนไม่ได้คาดคิดเลยว่าสัตว์วิญญาณของนักฆ่าลัทธิเต๋าจะเป็น ฝันร้าย
“มันเป็นสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังมากงั้นหรือ?”ลั่วอู๋ถาม
หลี่หวู่หยวน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนสิ แม้ว่าฝันร้ายจะไม่เป็นที่รู้จัก แต่มันก็เป็นหนึ่งในสัตว์วิญญาณที่มือสังหารต้องการตัวมากที่สุด ในบรรดาสัตว์วิญญาณที่ผู้คนไม่ค่อยได้รู้จักกัน”
เจ้าตัวน้อยตัวนี้มีพลังอันแข็งแกร่งมาก พวกเราต้องหาทางเอามันกลับไปให้ได้
ลั่วอู๋หยิบดอกไม้แห่งพันธนาการสีดำออกมาและใช้ทักษะสื่อสารวิญญาณ เพื่อตะโกนว่า “เจ้าต้องการสิ่งนี้ใช่หรือไม่? ถ้าเจ้ามากับข้า ข้าจะมอบมันให้กับเจ้า”
แม้ฝันร้ายอยากจะได้ดอกไม้แห่งพันธนาการสีดำ แต่มันก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปใกล้เขา มันกลับทำหน้าเยาะเย้ยและหัวเราะเบา ๆ เหมือนแกล้งคนสำเร็จ
จู่ ๆ คลื่นพลังวิญญาณอันคลุมเครือก็ไหลเข้ามา โดยมีความหมายว่า เจ้าเป็นคนไม่ดีข้าจะไม่ไปกับเจ้า
ลั่วอู๋หายใจไม่ออก
เจ้าปล้นข้าดอกไม้แห่งพันธนาการสีดำจากข้าไปสามกลีบ แล้วบอกว่าข้าเป็นคนไม่ดีเนี่ยนะ?
หลี่หวู่หยวน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่าเสียแรงเปล่าเลยน่า มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถทำให้ฝันร้ายยอมรับได้ และมันก็ไม่เกี่ยวข้องกับสถานะของความแข็งแกร่งด้วย”
“ แล้วเงื่อนไขคืออะไรล่ะ?” ทุกคนคนไม่เข้าใจ
หลี่หวู่หยวน หัวเราะ “ข้าเองก็ไม่รู้ เกรงว่าจะมีเพียงคนที่ได้รับการยอมรับจากฝันร้ายเท่านั้นที่จะรู้เรื่องนี้”
ทั้งสามจึงไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยมันไปก่อน
ลั่วอู๋มองไปที่ฝันร้ายจากระยะไกลแล้วตะโกน “ข้าจะไปแล้วนะ จากนี้เจ้าจะไม่ได้กลีบดอกไม้แห่งพันธนาการสีดำอีกแล้วในอนาคต ลาก่อน!”
ฝันร้าย ต่อสู้กับความอยากในใจของมัน แต่มันก็ยังไม่เข้าไปใกล้ลั่วอู๋ มันนอนอยู่บนก้อนหินด้วยอารมณ์เศร้าและดูเบื่อหน่าย
ลั่วอู๋ถอนหายใจ เดิมทีเขาอยากจะเอามันกลับไปเป็นของขวัญให้กับหลี่หยิน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาคงจะไม่มีทางทำแบบนั้นได้ คงต้องรอให้หลี่หยินมาลองด้วยตัวเองในโอกาสครั้งต่อไป
ซึ่งแน่นอนว่าทางท่านรองเจ้าสำนักเองก็คงจะไม่จับมันเช่นกัน เขาต้องข่มพลังของตนเอาไว้
ทั้งสามก้าวเข้าไปในประตูห้วงมิติแล้วจากไป
แสงประหลาดแล่บกะพริบขึ้นมา ไม่นานนักทั้งสามคนก็กลับมาถึงสำนักเฉียนหลง ทว่าเบื้องหน้าของพวกเขากลับยังคงมืดมิด
“ไม่จริงน่า พวกเราข้ามห้วงมิติไม่สำเร็จงั้นเหรอ มันล้มเหลวสินะ” ฉูจงฉวนร้องอย่างประหลาดใจ “พวกเรายังอยู่ในนรกมนตรางั้นเหรอ?”
หลี่หวู่หยวน กลอกตาของเขา “ไม่ มันแค่เป็นเวลากลางคืน”
“ ……”
ฉูจงฉวน ยิ้มอย่างเชื่องช้า
“พวกเจ้าคงจะเหนื่อยกันมาก กลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ซะ” หลี่หวู่หยวนพูดแล้วเดินจากไป
“ งั้นข้าไปก่อนนะ” ฉูจงฉวน ยืดเอวออกและหัวเราะ “ข้าไม่ได้นอนหลับสบาย ๆ มาหลายวันแล้ว และ หลินยูหลันเองก็คงจะต้องคิดถึงข้ามากแน่ ๆ”
ฉูจงฉวน เดินจากไป
มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก การพรากจากกันเล็กน้อยนั้นย่อมดีกว่าการหารักครั้งใหม่
ทางด้านเหวินเสี่ยวเองก็เดินจากไปเช่นกัน เขาควรจะไปเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางไปยังหุบเขามรณะ
ลั่วอู๋มองไปที่สำนักเฉียนหลงอันคุ้นเคยราวกับว่ามันเป็นชีวิตที่แตกต่าง
เขาอยากจะกลับมาก่อนเวลานัดแล้วทำให้หลี่หยินประหลาดใจ
สาวใช้ซื่อบื้อของเขา เขาไม่รู้ว่าตอนนี้นางจะรู้สึกอย่างไร
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาต้องแยกจากกันเป็นเวลานานขนาดนี้
ไม่นานนักลั่วอู๋ก็กลับไปที่บ้านพักของเขาและเปิดประตูออก ข้างในนั้นไม่มีแสงใด ๆ เลย
ลั่วอู๋รู้สึกผิดมาก
มันคงเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับหลี่หยินที่ต้องเฝ้าบ้านพักหลังนี้คนเดียวหลังจากที่เขาออกเดินทางไป
“ ทำให้นางประหลาดใจดีกว่า” ลั่วอู๋มีความคิดอันกล้าหาญ เขาคิดจะใช้ประโยชน์จากค่ำคืนนี้แอบเข้าไปในห้องของ หลี่หยิน
บนหลังคานั้นมีแมวผี เสี่ยวหลวน นอนอยู่ มันรู้สึกตัวอย่างรวดเร็วถึงตัวตนของลั่วอู๋ อย่างไรก็ตามมันทำเพียงแค่หาว ไม่ได้สนใจอะไรเขาแล้วจึงหลับต่อไป
ข้างในห้องนั้นเรียบง่าย แต่ก็สะอาดมาก ทุกอย่างดูสบายตา แถมยังอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจาง ๆ ซึ่งเป็นกลิ่นที่ดีเลยทีเดียว
ลั่วอู๋พุ่งเข้ามาใกล้เตียงเพื่อไม่ให้เผลอไปรบกวนหลี่หยินก่อนเวลา เขาไม่ได้ปลดปล่อยพลังวิญญาณของเขาออกมาเลยแม้แต่น้อย
เขาสังเกตเห็นใบหน้าของหญิงสาวอันนุ่มนวลและเรียบเนียนอยู่ใกล้ ๆ
“นายน้อยของเจ้ากลับมาแล้ว” ด้วยรอยยิ้มในใจลั่วอู๋กระซิบข้างหูของหญิงสาวและหายใจเบา ๆ
หญิงสาวตื่นขึ้นมาในทันที
ลั่วอู๋ไม่ได้รับปฏิกิริยาของความประหลาดใจแบบที่เขาคาดเอาไว้ เขาได้รับการต้อนรับด้วยเสียงกรี๊ด “อ๊า !!! มีผู้บุกรุก”
เสียงนี้มัน ?
ความคิดแวบเข้ามาในใจของ ลั่วอู๋ เสียงนี้มันไม่เหมือนกับของหลี่หยิน
จากนั้นก่อนที่เขาจะได้ตอบสนองอะไร เขาก็ถูกตบหน้าดังเพี้ยะ
เพี๊ยะ
มันชัดเจนมากว่าไม่ใช่หลี่หยิน