ไหปีศาจ - บทที่ 373 ภูเขาเทียนเฉิน
บทที่ 373 ภูเขาเทียนเฉิน
บทที่ 373
ภูเขาเทียนเฉิน
สามวันต่อมาลั่วอู๋ได้ไปพบทูตเฉียนหลง
เขากำลังมองหารองเจ้าสำนัก
แม้ว่ารองเจ้าสำนักมักจะมาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน แต่เมื่อต้องการพบกับท่านรองเจ้าสำนักจริงๆ เหล่านักเรียนก็พบว่าพวกเขาไม่รู้ว่ารองเจ้าสำนักนั้นอยู่ที่ไหน
ที่สำนักเฉียนหลงนั้นไม่มีสำนักงานของรองเจ้าสำนัก
ทูตเฉียนหลงนั้นตรงไปตรงมาเช่นกัน เขาไม่ได้ถามจุดประสงค์ของลั่วอู๋ แต่พาลั่วอู๋ทะลวงช่องว่างมิติเข้าไปยังห้องโถงหลิงหยานในทันที
สถานที่แห่งนี้ ยกเว้นทูตเฉียนหลงระดับสูง ไม่มีใครสามารถเข้าออกไปได้อย่างอิสระ
อย่างไรก็ตามเมื่อ ลั่วอู๋ แสดงความปรารถนาที่จะขอเข้าพบรองเจ้าสำนัก ทูตเฉียนหลงก็ไม่ลังเลที่จะพาเข้าเขามา เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับคำสั่งบางอย่างมาจากรองเจ้าสำนัก
หลี่หวู่หยวน ให้ความสำคัญกับ ลั่วอู๋ มาก
ห้องโถงหลิงหยานนั้นยังดูเคร่งขรึมเหมือนเช่นเคย รูปแกะสลักของสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิทุกชนิดตั้งตระหง่านแสดงถึงศักดิ์ศรีและแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด
มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผลอะไร หากผู้คนจะชอบใช้รูปปั้นดินของสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิ เพื่อขับไล่วิญญาณชั่วร้าย
แม้ว่ามันจะไม่ได้มีแรงกดดันวิญญาณของตัวเอง แต่ก็สามารถทำให้ผีระดับต่ำตกใจกลัวได้อยู่ดี
รองเจ้าสำนักหลี่หวู่หยวนยืนอยู่บนแท่นสูงของห้องโถง หลิงหยาน ข้างหลังของเขาไม่ได้สูงเท่าไหร่นัก ทำให้ดูรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว
หลี่หวู่หยวน มองขึ้นไปที่ด้านบนของห้องโถงหลิงหยาน และเมื่อลั่วอู๋มองขึ้นไป เขาก็พบว่ามีสัญลักษณ์แปลก ๆ มากมาย สลักอยู่ด้านบนของห้องโถงคล้ายกับพื้นผิวบนเสาผนึกในนรกมนตรา
“คุ้น ๆ ไหม?” หลี่หวู่หยวน หันกลับมา
ลั่วอู๋พยักหน้า “มันคล้ายกับพื้นผิวของเสาผนึก”
“ไม่เลว” หลี่หวู่หยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ถ้าต้องการจะรักษาเสาผนึกให้คงไว้ได้ตลอดไป ก็ต้องมีศูนย์กลางอันแข็งแกร่ง ซึ่งเจ้าสำนักก็พบว่ามันคือสถานที่นี้ ที่ใช้ตั้งห้องโถงหลิงหยาน”
ลั่วอู๋ตกใจมาก
นี่คือจุดเริ่มต้นในการสร้างสำนักเฉียนหลง
อย่างไรก็ตามสำนักเฉียนหลงเพิ่งก่อตั้งมานานเพียง 1,000 ปี ในขณะที่นรกมนตรามีอยู่มานานกว่า 8000 ปี ช่วงช่องว่างของเวลานั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยงั้นเหรอ
“หากห้องโถงหลิงหยานพังทลายลงเสาผนึกก็จะสูญเสียรากฐาน ทำให้ตราผนึกของนรกมนตราจะถูกปลดออก” หลี่หวู่หยวน กล่าว
ลั่วอู๋งงงวย
ทำไมจู่ๆรองเจ้าสำนักถึงมาพูดเรื่องนี้กับตัวเอง
จู่ๆ หลี่หวู่หยวนก็ถาม “เจ้าได้ไปที่นรกมนตรามาระยะหนึ่งแล้ว ลองพูดถึงความรู้สึกของเจ้าเกี่ยวกับนรกมนตราให้ข้าฟังหน่อยสิ”
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อากาศขุ่น ลมปราณบริสุทธิ์เบาบาง พลังวิญญาณอันชั่วร้ายน่าขยะแขยงเต็มไปหมด สภาพแวดล้อมเลวร้าย ปีศาจส่วนใหญ่ค่อนข้างกระหายเลือดพวกมันเต็มไปด้วยความก้าวร้าว ทั่วทั้งนรกมนตราตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายเต็มไปด้วย กฎอันป่าเถื่อน กล่าวได้ว่ามันเป็นสถานที่ที่เลวร้ายมาก”
“ตอบได้ไม่เลว” หลี่หวู่หยวน กล่าวอย่างจริงจัง “นรกมนตราเป็นสถานที่น่าขยะแขยงที่ผู้คนต้องการจะกำจัดมันให้ได้โดยเร็ว”
ลั่วอู๋กะพริบตาและไม่พูด
เขาเห็นถึงความเกลียดชังอันลึกซึ้งในดวงตาของ หลี่หวู่หยวนได้อย่างชัดเจน
“เลิกพูดถึงมันกันดีกว่า” หลี่หวู่หยวนเปลี่ยนสีหน้าไปเริ่มยิ้ม รอยยิ้มและความธรรมดา ๆ อันอ่อนโยนและเบาบางกลับมาสู่ตัวเขา “ข้าจะทำอะไรให้เจ้าได้บ้าง”
“สามเดือนต่อจากนี้ ข้าต้องการออกจากสำนักเฉียนหลงและเดินทางไปที่หุบเขามรณะ แต่ข้าไม่รู้ว่าหุบเขามรณะอยู่ที่ไหน”
“ไม่มีปัญหา ๆ สำนักเฉียนหลงมีพิกัดเชิงพื้นที่ของหุบเขามรณะ ข้าสามารถส่งเจ้าไปที่นั่นได้” หลี่หวู่หยวน กล่าวเบา ๆ
ลั่วอู๋ไม่คาดคิดว่ารองเจ้าสำนักจะพูดแบบนี้
โดยทั่วไปแล้ว สำนักเฉียนหลงไม่อนุญาตให้นักเรียนเข้าออกได้ตามความประสงค์
“ นอกจากนี้ข้าอยากสมัครเข้าร่วมการฝึกที่ภูเขา เทียนเฉินด้วย” ลั่วอู๋ กล่าว
หลี่หวู่หยวน มองไปที่ ลั่วอู๋ ด้วยความประหลาดใจ
ภูเขาเทียนเฉินอยู่ที่ริมสำนักเฉียนหลง ซึ่งเป็นขอบห้วงมิติ มันอันตรายมาก หากตกลงไปในช่องว่างมิติก็อาจจะไม่ได้กลับมาอีก
นอกจากนี้ยังมีสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังมากมาย เพราะเดิมทีสถานที่แห่งนั้นถูกใช้เป็นสถานที่ในการทดลอง
แม้ว่าจะไม่มีสัตว์วิญญาณระดับเพชร แต่ก็มีสัตว์วิญญาณหลายตัวที่อยู่จุดสูงสุดของระดับทองขั้นสูง สัตว์วิญญาณที่อ่อนแอไม่สามารถอยู่รอดได้ที่นั่น
“เจ้าเพิ่งกลับมาจากนรกมนตรา เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบเข้าไปในสถานที่อันตรายเช่นนั้นทันทีทันใดหรอก” หลี่หวู่หยวน กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ในการฝึกฝนพัฒนาตนเอง สิ่งที่ควรใส่ใจผสมผสานไปกับการฝึกฝนก็คือการพักผ่อน
แทนที่จะตอบคำถามลั่วอู๋พูดออกมาอย่างจริงจัง “ข้าอยากไปจริง ๆ”
ในเมื่อเห็น ลั่วอู๋ ยืนยัน หลี่หวู่หยวน ก็ไม่ได้คัดค้าน
หลังจากนั้นลั่วอู๋ก็เดินจากไป เหลือเพียง หลี่หวู่หยวน เท่านั้นที่ยังแหงนมองไปยังลวดลายลึกลับบนผนังห้องโถง หลิงหยานอย่างเงียบ ๆ ไม่นานนักจากในห้องโถงหลินหยานก็ส่งเสียงกระซิบอันแผ่วเบาออกมา
“ผู้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากในหมื่นปีจะมีปรากฏขึ้น กลับปรากฏขึ้นมาบ่อยครั้ง และสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิเองก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน โลกที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมา ทำไมเจ้ายังไม่ตาย เจ้าควรตายได้แล้ว!”
คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโกรธ
ชื่อของเขาคือ หลี่หวู่หยวน
เขาพูดถึงนรกมนตรา ซึ่งเป็นนรกขุมลึกที่สุดจริง ๆ
……
……
ลั่วอู๋ ได้เดินทางไปที่ภูเขาเทียนเฉิน
ตามที่รองเจ้าสำนักได้กล่าวไว้ มันตั้งอยู่ที่ขอบของช่องว่างห้วงมิติจริง ๆ ภูเขาล้อมรอบพื้นห้วงมิติอันปั่นป่วน เมื่อก้าวเข้าไปในนั้นทุกอย่างจะถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยพลังอันรุนแรงของห้วงอวกาศ
บนภูเขานี้มีสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังอยู่มากมาย
ที่นี่เคยเป็นสถานที่สำหรับนักเรียนที่จะได้ทำให้สัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งยอมรับในตัวพวกเขา
นั้นก็เพราะนักเรียนในสำนักเฉียนหลง มักจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ขั้นสูงในหมู่ผู้คนทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาจึงมีความต้องการสูงมากสำหรับสัตว์วิญญาณคู่พันธะ
ไม่มีใครยินดีที่จะทำสัญญากับสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งไม่พอกับความต้องการ
อย่างไรก็ตามจำนวน สัตว์วิญญาณที่หายากและทรงพลังนั้นมีไม่มาก เมื่อเวลาผ่านไปสัตว์วิญญาณ ที่หายากทั้งหมดในภูเขาเทียนเฉิน ก็ถูกจับไป
นั่นก็เพราะในการทำพันธสัญญาวิญญาณนั้น ระดับมิติวิญญาณของผู้ใช้พลังวิญญาณและศักยภาพของสัตว์วิญญาณไม่จำเป็นต้องเท่ากัน
ที่ต้องระวังเป็นพิเศษก็คือสัตว์วิญญาณเหล่านี้ที่เหลือรอดอยู่ไม่ได้หายากพอที่จะถูกจับไป ดังนั้นพวกมันจึงอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน ซึ่งหมายความว่าพวกมันต่างก็มีมิติวิญญาณที่สูงส่ง
สัตว์วิญญาณเหล่านี้ต่างไปถึงขีดจำกัดทางศักยภาพของพวกมันแล้ว
“มาเถอะต้าหวง”
ลั่วอู๋เรียกต้าหวง
นี่คือสนามทดสอบที่เตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับต้าหวง
ผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะยังอยู่ในรังไหม ส่วนตวนซีมีพรสวรรค์ที่ไม่จำเป็นต้องฝึกฝน ลั่วอู๋จึงมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อช่วยฝึกให้กับต้าหวง
ที่นี่มันเป็นของขอบของห้วงมิติ แม้ว่าพื้นที่ขนาดใหญ่จะถูกกลืนหายไป มันก็จะไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คน ทักษะกลืนกินสวรรค์นั้นไม่ได้จำกัด อยู่ที่การกลืนกินเลือดเนื้อของสิ่งมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว
แม้ว่ามันจะกลืนกินพื้นที่เข้าไป ต้าหวงก็ยังสามารถนำพลังวิญญาณนั้นมาหล่อเลี้ยงตัวเองและพัฒนามิติวิญญาณได้
ที่นี่มีสัตว์วิญญาณมากมาย
[กลืนกิน] เป็นหนึ่งในทักษะที่ทรงพลังที่สุดสำหรับการพัฒนาสัตว์วิญญาณผ่านสมรภูมิ แต่ลั่วอู๋แทบจะไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ได้ใช้มันจริง ๆ
แน่นอนว่าเมื่อทักษะ กลืนกิน ได้พัฒนาเป็นทักษะ กลืนกินสวรรค์ผลของมันย่อมเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า
“กรร!”
ต้าหวงคำรามและเข้าสู่สถานะต่อสู้อย่างรวดเร็ว
ทักษะ [กลืนกินสวรรค์] ถูกใช้งาน
ต้าหวงฉีกพื้นที่ขอบส่วนใหญ่ของสำนักเฉียนหลง จากนั้นกลืนเข้าไปในร่างของมัน
แม้ว่าความมืดมิดกลืนกินจะมีผลกระทบเป็นหลุมดำอันน่ากลัว แต่หากเทียบกับผลกระทบในวันนี้ มันสามารถทำให้ผู้คนที่เห็นเย็นไปถึงหลังได้เลย
“ โชคดีที่มิติวิญญาณของต้าหวงไม่ได้สูงมาก และสำนักเฉียนหลงก็ใหญ่พอที่จะให้มันกลืนส่วนปลาย แบบนี้คงไม่มีใครรู้แน่” ลั่วอู๋คิด
“อย่ามัวแต่กลืนพวกพื้นที่เข้าไปอย่างเดียวสิ เลือดเนื้อต่างหากเป็นยาชูกำลังที่ดีที่สุดในการพัฒนามิติวิญญาณ” ลั่วอู๋ มองไปที่ภูเขาเทียนเฉินขนาดใหญ่และหัวเราะ “มากับข้า”
“ โฮ่ง!”
ต้าหวงเดินตามเขามาติดๆ
ชายหนึ่งคนและสุนัขหนึ่งตัวก้าวขึ้นไปบนภูเขาเทียนเฉิน
นี่คือประสบการณ์ของ ลั่วอู๋ และ ต้าหวง
ยิ่งความเชี่ยวชาญในทักษะระดับ SS สูงขึ้นเท่าไหร่ การฝึกให้เชี่ยวชาญมากกว่าเดิมก็ยิ่งยากขึ้น เหมือนกับทักษะ [รวมพลเทวดา] ของเขาที่ความเชี่ยวชาญเพิ่มขึ้นเป็น 25% และต้องใช้เวลาอย่างมากในการฝึกฝนให้เพิ่มขึ้นไปมากกว่านั้น
ตอนนี้ลั่วอู๋ต้องพัฒนาตัวเองให้ได้โดยด่วน
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะฝึกฝนทักษะ กลืนกินสวรรค์และลมหายใจมังกร สองทักษะที่มีพลังทำลายล้าง มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องฝึกฝนมัน