ไหปีศาจ - บทที่ 376 ปล่อยองค์หญิงเดี๋ยวนี้
บทที่ 376 ปล่อยองค์หญิงเดี๋ยวนี้
บทที่ 376
ปล่อยองค์หญิงเดี๋ยวนี้
องค์หญิงเจียโรวไม่สามารถต้านทานพลังของอีกฝ่ายได้ แม้ว่านางจะไม่เต็มใจ แต่นางก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากรอความช่วยเหลือจากหลาย ๆ คนที่อยู่เบื้องหลังหนิงฮัว
หนิงฮัวหยิบหินทะลวงมิติที่หายากมากออกมา ไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้ว่าเขาได้มันต้องมาจากองค์จักรพรรดิ
“ขอ พระองค์ทรงพระเจริญ” หนิงฮัว กล่าวอย่างใจเย็น
องค์หญิงเจียโรว กัดฟัน ขณะจ้องมองไปที่เขา
ทันใดนั้นเสียงอันกล้าหาญก็ดังขึ้นมา “เฮ้ เจ้าไม่รู้รึไงว่าไม่มีใครอยากไปกับคนพาลอย่างเจ้าหรอก”
สายตาของผู้คนต่างถูกดึงดูดไปยังต้นเสียงในทันที
หญิงสาวสวมชุดสีขาวผลักฝูงชนเข้ามา นางมีใบหน้าอันสวยงามระดับที่ว่าความงามนั้นไม่สามารถเก็บซ่อนเอาไว้ได้ นางไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าด้วยซ้ำ ในมือของนางมีแส้ยาวที่พันไว้รอบเอว และอารมณ์ของนางก็ดูดุร้าย
หญิงสาวนี้คือหลินยูหลัน
นางอยู่ในสำนักเฉียนหลงมานานแล้ว จนผู้คนต่างรู้ที่มาของนาง
นางมาจากหมู่บ้านตงเทียน ในภูเขาเทียนหวัง แห่งมณฑลหลิงเป่ย พ่อของนางเป็นจอมโจรที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมโจรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก สถานะนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าการเป็นลูกหลานของตระกูลชนชั้นสูง
หนิงฮัว มองไปที่ หลินยูหลัน เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้า ข้าได้รับราชโองการจากองค์จักรพรรดิ ให้พาองค์หญิงกลับวัง”
“นางบอกว่า นางไม่ต้องการจะไป เจ้าไม่เข้าใจรึไง! ปล่อยให้องค์หญิงเดี๋ยวนี้” หลินยูหลันจ้องมองไปที่เขาพร้อมตะโกน
“ เจ้ากล้าฝ่าฝืนราชโองการงั้นหรือ?”
หลินยูหลัน มองเขาเหมือนคนงี่เง่า “เจ้าโง่รึเปล่า ? พ่อของข้าเป็นจอมโจร เจ้าคิดว่าข้าจะสนราชโองการของจักรพรรดิรึไง?”
หนิงฮัว และอีกหลาย ๆ คนต่างก็พูดไม่ออก
นั่นคือเรื่องจริง
หลินกุย เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชร เขามีมีดวิญญาณแปดเล่มที่สามารถผ่าภูเขาและทะเลได้ ด้วยพลังของมีดวิญญาณเหล่านี้เองที่ทำให้เขาสามารถก้าวสู่การเป็นจอมโจรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้
คนที่คิดจะจับเขาทุกคนต่างก็ต้องหมดหวัง ไม่ว่าจะพยายามล้อมหรือปราบปรามก็เปล่าประโยชน์ เขาและพรรคพวกสามารถหนีได้ทันทีที่ได้รับข่าว
หากมีเรื่องกับนาง ใครจะรู้ว่ากลุ่มโจรเหล่านั้นจะบ้าคลั่งกันได้ขนาดไหน
ที่สำคัญที่สุดคือแม้ว่าหมู่บ้านตงเทียน จะไม่สนใจราชโองการของจักรพรรดิ แต่พวกเขาก็มีความเชี่ยวชาญในงานของตนเองมาก พวกเขาเรียกเก็บแค่ค่าคุ้มครองและไม่มีความคิดที่จะทำร้ายคนทั่วไป
กลับกันแล้วพวกเขาเนี่ยแหละที่คอยยับยั้งการปรากฏตัวของกลุ่มโจรต่าง ๆ รอบข้างและคอยปกป้องกองคาราวาน
การดำรงอยู่ของกลุ่มโจรในหมู่บ้านตงเทียนนั้นมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย และทางราชสำนักเองก็ไม่ได้โง่พอที่จะยอมเสียกำลังคนและทรัพยากรไปเพื่อการปราบโจร
หนิงฮัว มองไปที่ หลินยูหลัน อย่างเย็นชา “แล้วถ้าข้าไม่ยอมปล่อยนางไปล่ะ?”
“ไม่งั้นเหรอ ? ถ้างั้นข้าก็จะสู้กับเจ้า” ดวงตาของ หลินยูหลันจ้องมองกลับไป นางเรียกนกยูงฮัวเที่ยนออกมาในทันที แสงพลังวิญญาณหลากสีถูกแผ่ออกไปปกคลุมทั่วท้องฟ้า
ความแข็งแกร่งของหลินยูหลันนั้นไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใด นกยูงฮัวเที่ยนนั้นมีทักษะระดับ SS [แสงเทพห้าสี] ว่ากันว่ามันสามารถใช้โจมตีทะลุทะลวงหลากหลายได้ถึงหมื่นวิธี ซึ่งเป็นทักษะที่ทรงพลังอย่างมาก
ในอันดับรายชื่อเฉียนหลงนั้น หลินยูหลัน อยู่ในอันดับที่สิบ อีกทั้งประสิทธิภาพในการต่อสู้ของนางเองก็ยอดเยี่ยมมาก
อดีตสิบอันดับแรกของรายชื่อมีทั้งผู้ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจนต้องถูกปิดออกไป ยกเว้น ลั่วอู๋ และ เอ๋าเฉียนจุน ซึ่งคะแนนการประเมินสูงเกินกว่าจะสั่นคลอน ในขณะที่คนอื่น ๆ ทั้งหมด ต่างตกจากสิบอันดับแรกกันไปแล้ว
ในมุมมองของหลินยูหลัน
ฉูจงฉวนเป็นผู้ชายของนาง ส่วนลั่วอู๋เป็นดั่งพี่ชายของนาง และองค์หญิงเจียโรวเป็นผู้หญิงของพี่ชายของนาง
ดังนั้นมันไม่มีปัญหาที่จะนับว่าองค์หญิงเจียโรวเป็นคนของนางเช่นกัน
และหลินยูหลัน ปกป้องคนของตัวเองอย่างเต็มที่
แม้องค์หญิงเจียโรวและหลินยูหลันจะยังไม่ได้คุ้นเคยกันเท่าไหร่ แต่ถ้าหากองค์หญิงเจียโรวรู้ว่าหลินยูหลันคิดอะไรอยู่ นางคงจะโกรธจนกระอักเลือดออกมา
ใครคือผู้หญิงของลั่วอู๋กัน !!
หนิงฮัวก็หัวเราะออกมา เขามองไปที่หลินยูหลันด้วยแววตาอันเศร้าหมอง “ก็มาสิ ข้าจะทำหน้าที่ของข้าให้สำเร็จ”
การต่อสู้ครั้งใหญ่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
พวกเขาทั้งสองคนใช้การผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณพร้อม ๆ กัน
หลินยูหลันที่รวมเข้ากับพลังวิญญาณของนกยูงฮัวเที่ยนเต็มไปด้วยความผันผวนของแสงสว่างทั้งห้าสี ทำให้ทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสี
แต่ทางด้านของหนิงฮัวนั้นทำให้ทุกคนตกใจ
ด้านหลังเขาปรากฏเงาขนาดใหญ่ของเล่กุย เงานั้นน่ากลัวและรบกวนจิตใจของผู้คนโดยรอบเป็นอย่างมาก
ใบหน้าของหนิงฮัวดุร้ายขึ้น เสียงฟ้าร้อง และสายฟ้าอันน่าสะพรึงน่ากลัวผ่าลงบนร่างกายของเขา พร้อมกับพลังวิญญาณอันทรงพลังที่แผ่ออกมาจากร่าง
แรงกดดันมหาศาลพุ่งเข้ามาที่ใบหน้าของเขา ทำให้ลมปราณของหลินยูหลันลดลงไปเล็กน้อย
ทุกคนต่างรู้สึกได้
เล่กุยตัวนั้นอยู่ในระดับทองขั้นสูง.
ผู้คนต่างมึนงงว่ามันเป็นไปได้อย่างไร มิติวิญญาณของ หนิงฮัวนั้นไม่ได้เกินไปกว่าระดับทอง มิติ4 แต่แล้วทำไมเขาถึงได้มีสัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูง มิติ1
อีกทั้งยังสามารถควบคุมพลังของสายฟ้าได้อีกด้วย
มิติวิญญาณแต่ล่ะขั้นล้วนหมายถึงพลังที่เพิ่มขึ้น พลังของเล่กุยในตอนนี้ย่อมแข็งแกร่งเหนือกว่าผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงส่วนมาก
ทุกคนจึงไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าทำไมเล่กุยของ หนิงฮัว ถึงมีมิติวิญญาณสูงขนาดนี้
มิติวิญญาณของสัตว์วิญญาณนั้น ไม่ควรจะสูงกว่าของผู้ใช้พลังวิญญาณที่เป็นเจ้าของมากถึงขนาดนี้ เพราะความแตกต่างของพลังที่มากเกินไป จะทำให้การทำให้สัตว์วิญญาณเชื่องเป็นเรื่องยาก
การทำพันธสัญญาระหว่างสัตว์วิญญาณและผู้ใช้พลังวิญญาณนั้นมีแนวโน้มที่จะดำเนินไปพร้อม ๆ กัน โดยมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยระหว่างมิติวิญญาณของทั้งสองฝ่าย
เล่กุยตัวนี้เพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับทองขั้นสูงในเวลาเพียงครึ่งปีอย่างนั้นเหรอ?
หนิงฮัวรู้สึกพึงพอใจอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
มันคือความรู้สึกว่าเขามีอำนาจอยู่ในกำมือ
เขาได้ฝึกฝนอย่างหนัก ไม่เพียงแค่พัฒนามิติวิญญาณของเขาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังรวมถึงการพัฒนามิติวิญญาณของ เล่กุยอีกด้วย
ที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดก็คือสภาพของเล่กุย สภาพแก่นวิญญาณของมันพัฒนาขึ้นในอัตราที่รวดเร็วมาก
แม้จะมีอุปสรรคบ้าง แต่มันก็สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของระดับทอง และกลายเป็นสัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูงได้ในที่สุด
หนิงฮัวไม่รู้ว่าทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ตั้งแต่มันได้รับการปรับแต่งเล่กุยตัวนี้ก็แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก
ราวกับว่ามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในแก่นวิญญาณ
มันเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ที่ช่วยทำให้ความเร็วในการฝึกฝนของมันเร็วขึ้น จนไปถึงระดับทองขั้นสูง
หนิงฮัวไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่แท้จริง เขารู้สึกว่านี่เป็นพรของเทพเจ้าที่ประทานให้กับเขา เป็นของขวัญที่เขาได้รับจากการฝึกฝนอย่างหนัก
“จงสยบแทบเท้าซะ” หนิงฮัวกล่าวอย่างไม่แยแส
ทักษะ ระดับ S [กลองศึกสายฟ้า]
ทันใดนั้นกลองสายฟ้าขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เสียงตะลุมพุกและเสียงกลองของกลองสงครามดังขึ้น ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความเดือดพล่าน
ตูม!
ตูม!
เสียงดังเหมือนกับค้อนกระแทกอย่างแรงในหัวใจของ หลินยูหลัน ทำให้นางสูญเสียความกล้า แม้ว่านางจะมีแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี แต่นางก็ไม่สามารถต้านทานพลังนี้ได้
มิติวิญญาณของพวกเขาห่างกันเกินไป
แน่นอนว่ามันไม่จบเพียงแค่นั้น ทุกครั้งที่เสียงกลองสายฟ้าดังขึ้น สายฟ้าสีม่วงก็จะฟาดผ่าลงมาแยกออกโจมตี แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีอย่างไร้ความปรานี
“อ๊าา”
หลินยูหลัน กระอักเลือดออกมา
ขาของหลินยูหลันหมดแรงในทันที นางต้องอาศัยความเพียรพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะคุกเข่าลงบนข้างหนึ่งและพยุงร่างกายของนางเอาไว้
ฝูงชนต่างตกอยู่ในความเงียบงัน
แม้แต่คนที่อยู่ใกล้ ๆ กับหนิงฮัว ก็ไม่อาจแสดงสีหน้าอันเบื่อหน่ายได้อีก
หนิงหลิงหลิงตกใจมากเมื่อเห็นความสามารถของ หนิงฮัว เขาแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้ยังไง ?
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ.” หนิงฮัวมองขึ้นไปบนฟ้าและหัวเราะ ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาก็สามารถเอาชนะอันดับที่ 10 ของรายชื่อเฉียนหลงได้ นี่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก ความหดหู่ในใจของเขาที่สะสมมามากกว่าหนึ่งปีถูกกวาดหายไปในพริบตา
หนิงฮัว มองไปที่ องค์หญิงเจียโรวและหัวเราะด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิง โปรดมั่นใจเถอะ แม้ว่าท่านจะไม่อยากกลับไป ข้าก็จะพาท่านกลับไปเอง”
ใบหน้าของ องค์หญิงเจียโรว แสดงสีหน้าอันเศร้าหมอง ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้อย่างไร
ทันใดนั้นเสียงประชดประชันก็ดังมาแต่ไกล
“เหอะ ระดับเจ้าเนี่ยนะ ที่สามารถเปรียบเทียบได้กับเอ๋าเฉียนจุน”
แม้ว่าใครจะทำให้ความเจ็บปวดที่ขาของหนิงฮัวเจ็บแปล๊บขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ยังคงสามารถที่จะคงความสงบสุขุมเอาไว้ได้ แต่เมื่อได้ยินเสียงนี้เขากลับโกรธมาก
เขามองออกไปในระยะไกล
เมื่อได้ยินเสียงนี้หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เมื่อต้องนึกถึงเจ้าของเสียง
ลั่วอู๋!
ลั่วอู๋มาที่นี่แล้ว
ใบหน้าของ องค์หญิงเจียโรวแสดงให้เห็นถึงร่องรอยของความสุข
“ในที่สุด เจ้าก็ออกมาเสียที” หนิงฮัวหายใจเข้าลึก ๆ ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความโกรธ
ถ้าไม่ใช่เพราะลั่วอู๋ เขาจะได้รับความอัปยศอดสูขนาดนั้นได้อย่างไร
ชายคนนี้เป็นสาเหตุของเรื่องร้าย ๆ ทั้งหมด
“แน่นอนสิว่าข้าต้องมา ถ้าข้ายอมให้เจ้าทำร้าย หลินยูหลันจนได้รับบาดเจ็บไปมากกว่านี้ ข้าเกรงว่า ฉูจงฉวน คงจะรีบกลับมาจัดการข้าเป็นแน่”
ลั่วอู๋เดินออกไปอย่างใจเย็น โดยมีสุนัขขนสีเงินที่ดู หล่อเหลาและสง่างามเดินตามมา
นี่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก
เพราะลั่วอู๋นั้นแทบจะไม่แสดงสัตว์วิญญาณของเขาออกมาเลย
สุนัขยักษ์ตัวนี้ให้ความรู้สึกแปลก ๆ แก่ผู้คนโดยรอบ เห็นได้ชัดว่าลมปราณของมันไม่ได้รุนแรง แต่กลับทำให้พวกเขารู้สึกใจสั่น
องค์หญิงเจียโรว กัดฟันพลางบ่นในใจ นางเองก็เจ็บเหมือนกัน จะไม่สนใจนางหน่อยเหรอ ?
แต่ในวินาทีต่อมาคำพูดของลั่วอู๋ทำให้หัวใจขององค์หญิงเจียโรวสั่นสะท้าน จนเกิดความอ่อนโยนและความคิดมากมายไหลวนอย่างอธิบายไม่ถูก
น้ำเสียงของลั่วอู๋ทุ้มต่ำ “ในเมื่อองค์หญิงเจียโรว ไม่ต้องการที่จะไป ก็ไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะพานางออกไป ต่อให้เป็นเทพเจ้าหรือองค์จักรพรรดิก็ทำแบบนั้นไม่ได้”
ฝูงชนต่างคำรามอย่างดุเดือด
ลั่วอู๋ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ!
ที่กล้าพูดแบบนั้นออกมา
ต่อให้เป็นเทพเจ้าหรือองค์จักรพรรดิก็ทำแบบนั้นไม่ได้ ? ถ้าองค์จักรพรรดิได้ยิน ท่านต้องบดขยี้เจ้าเป็นชิ้น ๆ ด้วยนิ้วเดียวแน่