ไหปีศาจ - บทที่ 384 การปรากฏตัวของหยีเทียนเฉิน
บทที่ 384 การปรากฏตัวของหยีเทียนเฉิน
บทที่ 384
การปรากฏตัวของหยีเทียนเฉิน
มนุษย์เป็นตัวตนกลุ่มแรกที่ให้กำเนิดแก่นวิญญาณอัน “บิดเบี้ยว” จากจิตใจที่โสมม
ต่อมาก็ได้มีการค้นพบว่าสภาพแวดล้อมและพืชต่าง ๆ เช่นสมุนไพรและดอกไม้เองสามารถทำให้กำเนิดแก่นวิญญาณได้ด้วยเช่นกัน พวกมันจึงถูกเรียกว่า “ภูต” ไม่ก็ “อสูร”
บางคนจึงคิดว่าภูตและก็อบลินเป็นของชนิดเดียวกัน เพราะพวกมันเกิดมาด้วยวิธีการในลักษณะเดียวกัน
ตัวอย่างเช่นภูตดอกไม้เป็นสัตว์วิญญาณที่เกิดขึ้นจากดอกไม้อมตะ
อย่างไรก็ตามหลายคนก็ปฏิเสธหลักการนั้น เนื่องจากภูตมักเกิดมาจากพลังวิญญาณอันเบาบางในอากาศ แม้ว่าภูตดอกไม้นั้นจะเกิดจากดอกไม้ แต่มันก็ไม่ได้เกิดจากดอกไม้ชนิดเดียว
แต่อสูรมักจะมีร่างกายเป็นของตัวเองในตอนที่เกิดมา
ด้วยเหตุนี้ผู้คนเข้าใจว่าสัตว์วิญญาณที่กำเนิดขึ้น ด้วยวิธีเหล่านี้ไม่ว่าจะมีร่างกายหรือไม่ มันก็ถือว่าจัดอยู่ในกลุ่มของภูต และอสูร
ดอกไม้พิษขนาดใหญ่ข้างหน้าพวกเขาเองก็เช่นกัน มันไม่ได้ถือว่าเป็นดอกไม้อีกต่อไป มันมีแก่นวิญญาณ และถือว่าเป็นสัตว์วิญญาณ
ภูตดอกไม้สามารถควบคุมดอกไม้ทั้งหมดได้ แต่มันไม่สามารถควบคุมสัตว์วิญญาณตัวอื่นได้
หมอกสีขาวลอยออกมาและใบหน้าของลั่วอู๋มืดครึ้ม
เห็นได้ชัดว่าหมอกสีขาวนี้มีพิษ
“ ต้าหวง!”
ลั่วอู๋คำรามเรียกต้าหวงออกมา
ต้าหวงกลายเป็นสุนัขสีเงินตัวใหญ่ในทันที มันอ้าปากอันดุร้ายของมันแล้วใช้ทักษะ “กลืนกินสวรรค์” ก่อนที่หมอกสีขาวจะเข้าปกคลุมพวกเขา
เสียงเหมือนเนื้อที่ถูกฉีกออกดังขึ้น จากนั้นก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่
ไม่ใช่เพียงแค่หมอกพิษ แต่ทั้งพื้นที่นั้นถูกกลืนหายไป
ลั่วอู๋ไม่ต้องการใช้ทักษะสุ่มสี่สุ่มห้าเท่าไหร่ เพราะมันใช้พลังวิญญาณมาก หากเขาใช้มันเพื่อจัดการกับปัญหาเล็ก ๆ มันก็จะเหมือนเขาเหมือนฆ่าไก่ด้วยดาบ
แต่ตอนนี้มันเป็นสถานการณ์จำเป็นที่เขาต้องใช้มัน
ในกรณีที่เขาไม่รู้วิธีจัดการปัญหา เขาก็ควรใช้วิธีที่รอบคอบเช่นนี้ในการจัดการ
ลั่วอู๋จ้องมองไปที่ดอกไม้พิษขนาดใหญ่และตรวจสอบข้อมูลของมัน
เผ่าพันธุ์: ดอกพิษเลื่องชื่อ
ระดับ: ทอง
มิติวิญญาณ: ระดับทอง มิติ 7
ทักษะ: ระเบิดพิษ (ระดับ A), การเจริญเติบโต (ระดับ A), กลืนกิน (ระดับ A),ดอกไม้เริงระบำ (ระดับ A), หมอกพิษขาว (ระดับ S)
พื้นเพ: สัตว์วิญญาณ ซึ่งเกิดโดยดอกไม้ที่กลายเป็นพิษร้ายแรง เพราะดูดซึมหมอกพิษมากเกินไป
ลั่วอู๋ คิดในใจ มันคือสัตว์วิญญาณจริง ๆ ไม่ใช่แค่ดอกไม้ยักษ์ที่มีรูปร่างแปลก ๆ ทั่วไป
เหวินเสี่ยวประหลาดใจแล้วถามว่า “ต้าหวงของเจ้าจะเป็นอะไรไหม ? หมอกพิษสีขาวนั่นมันดูอันตรายมาก มันไม่ง่ายเลยที่จะกลืนพิษทั้งหมดลงไปแบบนั้น”
“อย่ากังวลไปเลย มันไม่เป็นไรหรอก” ลั่วอู๋ตอบ
ต้าหวงยังคงดูสง่างามและทรงพลัง
ทักษะการกลืนกินสวรรค์นั้นสามารถย่อยสิ่งที่กลืนกินเข้าไปได้โดยไม่สนใจว่ามันคืออะไร แล้วเปลี่ยนสิ่งนั้นให้กลายเป็นพลังวิญญาณที่มีประโยชน์มาหล่อเลี้ยงตนเองโดยไม่ส่งผลเสีย
“อ้า!” ภูตดอกไม้ดูโกรธมาก มันโบกคฑาในมือเหมือนกำลังตั้งคำถามกับดอกไม้พิษยักษ์ เนื่องจากต้นกำเนิดของพวกมันมีความคล้ายคลึงกัน ดังนั้นภูตดอกไม้จึงใจดีกับดอกไม้พิษขนาดใหญ่นั้น
แต่ใครจะคิดว่าอีกฝ่ายจะปล่อยพิษใส่กลับมา
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าดอกไม้พิษนั้นไม่ได้สนใจภูตดอกไม้ มันพ่นหมอกพิษสีขาวซีดออกมาอีกครั้ง โดยที่ไม่มีใครได้ตั้งตัว
ภูตดอกไม้ชี้คฑาของมันไปที่ดอกไม้พิษ มันร้องออกมาด้วยเสียงที่คล้ายกับเด็ก
พลังวิญญาณลึกลับถูกปล่อยออกมา
ทักษะระดับ s [ฝังดอกไม้] ถูกใช้งาน
มันเกิดมาเพื่อควบคุมดอกไม้ มันจึงมีพลังในการสร้างสรรค์และทำลายล้างพลังชีวิตของพืชพรรณ
ร่างของดอกพิษเลื่องชื่อสั่นสะท้านและจากนั้นก็เหี่ยวเฉาลงทันที กลีบดอกไม้ขนาดใหญ่ของมันเหี่ยวและร่วงลง จากนั้นร่างของมันก็เหี่ยวเฉาและร่วงลงสู่พื้น
ลั่วอู๋ประหลาดใจ “เป็นทักษะที่ทรงพลังมาก”
ภูตดอกไม้เป็นเพียงแค่ระดับทอง มิติ 2 แต่มันสามารถฆ่าดอกพิษเลื่องชื่อ ซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณระดับทอง มิติ 7 ได้ในครั้งเดียว
“แน่นอนสิ” องค์หญิงเจียโรวรู้สึกภาคภูมิใจ พลางกล่าว “ทักษะฝังดอกไม้ นั้นมีผลมากต่อสัตว์วิญญาณที่มีลักษณะร่างกายแบบนี้”
“ อืม งั้นก็คงต้องพึ่งพาเจ้าแล้วสินะ” ลั่วอู๋มองไปรอบ ๆ จากนั้นใบหน้าของเขาก็ดูหนักอึ้งเล็กน้อย
องค์หญิงเจียโรว ดูสับสน “เจ้าหมายถึงอะไร”
“มองไปรอบ ๆ ตัวเองสิ”
ดวงตาของ องค์หญิงเจียโรว กวาดไปรอบ ๆ ตัวนาง จากนั้นใบหน้าของนางก็ดูเคร่งเครียด
เนื่องจากพลังของภูตดอกไม้ขององค์หญิงเจียโรวเมื่อครู่ได้กำจัดดอกพิษเลื่องชื่อที่บังเส้นทางออกไป ตอนนี้พวกเขาจึงเห็นดอกพิษเลื่องชื่ออีกหลายร้อยดอกที่อยู่รอบ ๆ
พวกมันแกว่งไปมาและเคลื่อนตัวเข้าหาพรรคพวกลั่วอู๋
ข่าวดีมีเพียงอย่างเดียวก็คือพวกมันเคลื่อนไหวได้ช้า
ลั่วอู๋กระซิบ“ ข้าเกรงว่าดอกพิษเลื่องชื่อตัวก่อนหน้านี้จะเป็นเหมือนยาม พวกมันจึงโจมตีผู้รุกรานทั้งหมดอย่างไม่เลือกหน้า”
“แล้วจะให้ทำยังไงเล่า ?” องค์หญิงเจียโรวถาม
พวกเขาถูกล้อมรอบไปด้วยสัตว์วิญญาณระดับทองหลายร้อยตัว นี่เป็นเรื่องยุ่งยากมาก
ลั่วอู๋หัวเราะ “ทักษะฝังดอกไม้ของภูตดอกไม้ของเจ้า มันมีผลเป็นอย่างมากในการยับยั้งพวกมัน ดังนั้นต่อจากนี้ไปคือเวลาในการสำแดงเดชของเจ้าแล้ว”
องค์หญิงเจียโรว กลอกตาของนาง
มันไม่มีทางเลือกอื่น นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกนางในการรอดไปจากที่นี่
“ให้ตายเถอะ” องค์หญิงเจียโรวใช้การผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณ จากนั้นลมปราณของนางก็พุ่งทะยานขึ้น นางได้แต่พึมพำกับดอกพิษเลื่องชื่อ “ฝังดอกไม้!”
……
การกำจัดพวกมันทั้งหมดด้วยทักษะฝังดอกไม้ กินเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง
องค์หญิงเจียโรวรู้สึกหมดแรงและเหนื่อยมาก อย่างไรก็ตามนางก็สามารถจบเรื่องนี้ได้ในท้ายที่สุด แม้ตอนนี้นางจะถูกล้อมรอบด้วยศพของดอกพิษเลื่องชื่อก็ตามที
“เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ?” ลั่วอู๋หัวเราะ
องค์หญิงเจียโรวเหงื่อออกมากเสียจนเครื่องสำอางที่ใช้แต่งหน้าหมดสภาพ เสื้อผ้าขาดและไม่เหลือภาพลักษณ์เดิม นางกลืนยาที่พกติดตัวลงคอไป “เหนื่อยมาก ข้าเหนื่อยมากจนยกแขนไม่ขึ้นเลยล่ะ”
“ยินดีด้วยที่เจ้าเพียงคนเดียวสามารถจัดการกับสัตว์วิญญาณระดับทองหลายร้อยตัวได้” ลั่วอู๋ กล่าว
เมื่อมองไปรอบ ๆ องค์หญิงเจียโรวรู้สึกพึงพอใจ
นี่คือความรู้สึกของการชนะการต่อสู้อันหนักหน่วง
องค์หญิงเจียโรว ยิ้มอย่างมีความสุข นางรู้สึกเหมือนบรรลุบางอย่างที่ยอดเยี่ยม
ลั่วอู๋มองไปรอบ ๆ หากเป็นเขาที่ต้องเผชิญหน้ากับดอกพิษเลื่องชื่อนับร้อย แต่เขาคงต้องใช้พลังวิญญาณมหาศาล และสารพัดวิธีการเพื่อทำลายล้างพวกมันทั้งหมด
นับได้ว่าการตัดสินใจพาองค์หญิงเจียโรวมาที่นี่ด้วยนั้นถูกต้อง
ภูตดอกไม้มีความได้เปรียบเมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์วิญญาณแบบนี้จริง ๆ
“ฮึ่ม ถือว่าไม่เลวเลยที่พวกเจ้าสามารถฆ่าทหารยามทั้งหมดได้ ไม่แปลกใจเลยที่พวกเจ้ากล้าเข้ามายังหุบเขามรณะแห่งนี้” มีเงาของชายคนหนึ่งเดินออกมาจากหมอกสีดำ
ชายคนนี้เฝ้าดูพรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคนอยู่สักพักหนึ่งแล้ว
เมื่อพวกเขาได้ฟังคำพูดชายลึกลับ พวกเขาก็พอจะเดาได้ว่าดอกพิษเลื่องชื่อเหล่านี้ ดูเหมือนจะถูกปลูกขึ้นมาโดยผู้คนในหุบเขามรณะเพื่อต่อต้านคนนอก
ไม่แปลกใจที่มีทำไมจึงเพียงไม่กี่คนที่สามารถเดินทางออกจากหุบเขาแห่งความตายได้อย่างปลอดภัย พวกมันเหล่านี้อันตรายมากจริงๆ
ร่างในเงามืดค่อย ๆ เดินออกมาอย่างช้าๆ
เขาเป็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำ รูปร่างผอมและดูมืดมน เขามีรอยสักตะขาบสีม่วงที่แขน ซึ่งเหมือนกับว่ามันมีชีวิตอยู่และแทรกซึมเข้าไปในร่างเขา
“ดูเหมือนนี่จะเป็นการทดลองที่ไม่เลวเลย” ปากของชายหนุ่มแสดงให้เห็นถึงรอยยิ้มที่ดูชั่วร้าย
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่มุมปากของชายหนุ่มคนนั้นก็แข็งทื่อขึ้น ทันทีที่เขาจับจ้องไปที่ลั่วอู๋ ตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและลมปราณของเขาก็หนักอึ้งขึ้น
“เป็นเจ้าอย่างนั้นเหรอ!” ชายหนุ่มคำราม
เนื่องจากหมอกสีดำชายหนุ่มจึงไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของคนเหล่านี้ผู้บุกเข้ามายังหุบเขามรณะในตอนแรก
แต่ตอนนี้เขาสามารถเห็นมันได้อย่างชัดเจน
เขาได้เห็นใบหน้าของคนที่เขาอยากจะฆ่าตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน
“เจ้ารู้จักข้างั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
“ มองดูสิว่าข้าเป็นใคร!” ชายหนุ่มถอดเสื้อคลุมสีดำออก เผยให้เห็นใบหน้าอันซีดเซียวไร้สีเลือด
ลั่วอู๋ได้แต่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ ๆ จำไม่ได้เลยเจ้าเป็นใครกัน?”
“แก… ข้ามีชื่อว่าหยีเทียนเฉิน ข้าเคยเข้าร่วมการทดสอบของสำนักเฉียนหลงอยู่ครั้งหนึ่ง”
ลั่วอู๋มองอย่างสงสัย
การทดสอบของสำนักเฉียนหลง?
นั่นก็ผ่านมานานมากแล้ว
ใบหน้าของหยีเทียนเฉินมืดมน เขาพลิกมือของตนเองเผยให้เห็นแมลงสีทองที่มีปีกหนากำลังคลานออกมาจากแขนเสื้อของเขา จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็เย็นชาลง “ลองนึกดูดี ๆ สิ”
“โอ้ เริ่มนึกออกแล้ว ๆ ขอเวลาข้าสักเดี๋ยว”
หยีเทียนเฉินโกรธและต้องการจะฆ่าลั่วอู๋ เขาคำรามอย่างดุร้าย “ตอนนั้นในป่า! เจ้าฆ่าข้า”
“อ่าา ข้าจำได้แล้ว” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้านี่เอง เจ้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน?”
หยีเทียนเฉิน แทบกระอักเลือดออกมาจากปากของเขา
เจ้าบ้าเอ๊ย!
ข้าคือคนจากหุบเขามรณะ