ไหปีศาจ - บทที่ 386 พิษที่ร้ายแรงที่สุดบนโลก
บทที่ 386 พิษที่ร้ายแรงที่สุดบนโลก
บทที่ 386
พิษที่ร้ายแรงที่สุดบนโลก
เมื่อหยีเทียนเฉินเผยราชาแมลงกินวิญญาณออกมา ลั่วอู๋ก็ได้แอบเรียกตวนซีให้จดจำและรอที่จะแปลงร่างเป็นมัน
แมลงกินวิญญาณนั้นจะเชื่อฟังแมลงกินวิญญาณที่มีระดับสูงกว่า ซึ่งตามธรรมชาติแล้วพวกมันย่อมเชื่อฟังราชาแมลงกินวิญญาณที่อยู่ใกล้ที่สุด
แต่ลั่วอู๋ไม่ได้ทำการโจมตีในทันที เขาเลือกที่จะรอโอกาสในการสวนกลับ
เพียงแต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าโอกาสสวนนั้นจะมาเร็วถึงขนาดนี้
หยีเทียนเฉินคิดว่าตนเองสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้ เขาจึงเรียกแมลงกินวิญญาณทั้งหมดออกมาให้พวกมันทุกตัวรุมเข้าไปโจมตีพรรคพวกลั่วอู๋
ซึ่งลั่วอู๋เองก็กำลังรอจังหวะนี้อยู่ เพื่อที่เขาจะได้ชิงการควบคุมของพวกมันทั้งหมดลงมา โดยไม่ต้องเกรงใจอีกฝ่ายอีก
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะใช้พวกมันต่อกรกับหยีเทียนเฉิน เพราะอีกฝ่ายเองก็มีราชาแมลงกินวิญญาณอยู่ในครอบครองเช่นกัน ทำให้หยีเทียนเฉินนั้นยังมีโอกาสที่จะยึดการควบคุมกลับไปได้หากเขาใช้พวกมัน
ดังนั้นลั่วอู๋ จึงรวบรวมแมลงกินวิญญาณทั้งหมดลงไปในมิติไห
หัวใจของหยีเทียนเฉินกำลังเจ็บปวดเหมือนเลือดไหลหยดออกมา
เขาใช้ความพยายามและเวลาอันยาวนานในการขยายพันธุ์แมลงกินวิญญาณให้มีจำนวนมากถึงขนาดนี้
แต่ตอนนี้พวกมันทั้งหมดได้หายไปแล้ว
ทำไม? ทำไมอีกฝ่ายถึงได้มีราชาแมลงกินวิญญาณ เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้! มันเป็นไปไม่ได้!
“ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้จะมีคนบอกว่าข้าไม่มีทางเอาชนะด้วยวิธีแบบเดิมซ้ำสองได้สินะ” ลั่วอู๋มองไปที่หยีเทียนเฉินด้วยท่าทางล้อเลียน
เมื่อได้ยินเช่นนี้หยีเทียนเฉินก็โกรธจนตาแดง
เขาอยากจะฆ่าอีกฝ่ายมาก
“ลั่วอู๋ แก!” หยีเทียนเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความโกรธเกรี้ยว “ข้าจะฆ่าเจ้า!”
หนทางเดียวในการชิงเหล่าแมลงกินวิญญาณกลับมา ก็คือการฆ่าลั่วอู๋
หยีเทียนเฉินนั้นยังสามารถล้างความอัปยศอดสูทั้งหมดในใจเขาได้ด้วยการฆ่าเขา
“มาสู้กันเลยดีกว่า” ดวงตาของลั่วอู๋เป็นประกาย
อีกฝ่ายนั้นเป็นคนที่อาศัยอยู่ในหุบเขามรณะ และจากคำพูดของเขา เขามีความสัมพันธ์กับคนแปลกประหลาดเหล่านั้นในหุบเขามรณะ บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่สำคัญมากก็เป็นได้
การจับหยีเทียนเฉินอาจจะช่วยให้พวกเขาได้รู้เรื่องของภูตไห
ไม่ว่าการกระทำเช่นนี้จะถือว่าพวกเขาได้ไปรุกรานเหล่าสัตว์ประหลาดเก่าแก่ในหุบเขามรณะหรือไม่ แต่พวกเขาเองก็ล้วนเป็นคนที่มาจากสำนักเฉียนหลงจึงไม่ต้องไปกลัวอะไรให้มาก
“ข้าจะทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานจากพิษทุกชนิด วิญญาณและศพของเจ้าจะต้องพังพินาศไปตลอดกาล และเจ้าจะไม่มีวันได้รับการปลดปล่อย!” ดวงตาของหยีเทียนเฉินฉายแววแห่งความบ้าคลั่งและความเคียดแค้น
หลังจากที่หยีเทียนเฉินพูดแบบนั้นออกมาด้านหลังของเขาก็เกิดหมอกพิษหนาห้าสีสั่นไหวกระจายออกไป ในหมอกเหล่านั้นแฝงไปด้วยรังสีของการฆ่าฟัน
ปฏิกิริยาแรกของลั่วอู๋คือเขานึกถึง นกยูงฮัวเที่ยน แต่ในวินาทีต่อมาเขาปฏิเสธการคาดเดาของเขา
เพราะเขารู้สึกได้ถึงวิกฤตที่ทำให้เขากลัวจนตัวสั่น มันน่าจะเป็นสัตว์วิญญาณที่มีพิษบางชนิด
แน่นอนหยีเทียนเฉิน คำราม “ออกมาสัตว์นรกพิษห้าสี”
หยีเทียนเฉิน เรียกคางคกพิษขนาดใหญ่ออกมา ผิวหนังของคางคกนั้นเต็มไปด้วยถุงพิษอันน่าขยะแขยง ซึ่งเต็มไปด้วยหมอกพิษห้าสี
คางคกตัวนี้มีหน้าตาดุร้าย และสามารถลุกขึ้นเดินได้เหมือนคน
“ โก๊ะ! โก๊ะ”
เสียงกบคำรามดังอึกทึก
อาการหนาวสั่นของลั่วอู๋นั้นไม่ใช่เพราะสัตว์นรกพิษห้าสีแข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะมันน่าขยะแขยง
เผ่าพันธุ์: สัตว์นรกพิษห้าสี
ระดับ: ทองขั้นสูง
มิติ : ระดับทอง มิติ 8
ทักษะ: หมื่นพิษรุกราน (ระดับ S), พิษร้ายทลายพิภพ (ระดับSS), กลืนกิน (ระดับ A), ควบคุมพิษ (ระดับ A), สะเทือนปฐพี(ระดับ A), พิษติดต่อ (ระดับ S)
พื้นเพ: สิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดในดินแดนแห่งพิษ มันสามารถปล่อยพิษอันร้ายแรงออกมาได้ด้วยถุงพิษที่เต็มไปด้วยพิษนับหมื่นชนิด
นอกจากนี้ด้วยทักษะ พิษติดต่อ หากใครสัมผัสเข้าร่างกายของสัตว์นรกพิษห้าสีก็จะต้องติดพิษร้ายแรง
ใบหน้าของลั่วอู๋จมลง”ช่างเป็นสัตว์วิญญาณที่ประหลาดจริงๆ”
ด้วยความสามารถของทักษะ พิษติดต่อ และพิษร้ายทลายพิภพที่มันมี มันเทียบเท่ากับการปิดผนึกการต่อสู้ในระยะประชิดของคู่ต่อสู้ออกไปโดยสมบูรณ์ เว้นแต่ว่าอีกฝ่ายจะสามารถต้านพิษของสัตว์นรกพิษห้าสีได้
“ลงนรกไปซะ” หยีเทียนเฉินใช้การผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณ
ทักษะ [ควบคุมพิษ] ถูกใช้งาน
นิ้วของ หยีเทียนเฉิน เกลี่ยไปเบา ๆ จากนั้นหมอกสีดำก็ไหลเวียนบีบอัดเข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้สีของมันเข้มขึ้นเรื่อย ๆ
ความเข้มข้นของหมอกพิษจะทำให้ความเป็นพิษของมันเพิ่มขึ้นหลายเท่า
แม้ว่าทักษะ ควบคุมพิษจะอยู่ในระดับ A แต่มันก็อันตรายมากหากใช้ในหุบเขามรณะ
หมอกพิษพุ่งเข้ามาหาพวกเขาทั้งสามราวกับว่ามันมีชีวิต
ราชาแมลงกินวิญญาณของหยีเทียนเฉินนั้น หากไม่มีแมลงกินวิญญาณผู้ใต้บังคับบัญชาความแข็งแกร่งของเขาก็จะลดลงไปอย่างมาก อย่างไรก็ตามด้วยพลังของสัตว์นรกพิษห้าสีเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะกลบส่วนนั้น และทำให้เขามีพลังเทียบเท่ากับผู้มีพรสวรรค์ระดับแนวหน้า
ลั่วอู๋รีบใช้การผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณอย่างรวดเร็ว
กลืนกินสวรรค์
เงาเสมือนจริงของสุนัขยักษ์สีเงินอ้าปากขึ้นและใช้คลื่นพลังกลืนกินอันทรงพลังของมัน กลืนกินหมอกพิษเข้าไปในทันที
“ไม่เลว แต่เจ้าจะใช้ทักษะนั้นไปได้อีกสักกี่ครั้งกัน?” หยีเทียนเฉินคำรามและควบคุมหมอกพิษต่อไป
การควบคุมพิษเป็นเพียงทักษะระดับ A เท่านั้น มันจึงไม่จำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณมาก อีกทั้งยังสามารถใช้ต่อเนื่องกันได้อย่างรวดเร็ว และสามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่องหลาย ๆ ครั้ง
ต่างจากกลืนกินสวรรค์ของลั่วอู๋ เขาทำแบบนั้นไม่ได้
พลังวิญญาณที่ต้องใช้นั้นมหาศาลมาก
ลั่วอู๋ส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา ร่างกายของเขาเปล่งแสงสว่างอันไม่มีที่สิ้นสุดออกมา
“คิดว่าข้าจะกลัวเจ้ารึไง”
เงาของภูตสงครามปรากฏอยู่ข้างหลังเขา พร้อมกับดาบระบำแห่งความตายก็ถูกนำออกมา เขาห่อหุ้มมันด้วยแสงอันแข็งแกร่งให้มันกลายเป็นดาบแห่งการพิพากษา
“ มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะมีพิษร้ายแค่ไหน ในเมื่อนี่เป็นการต่อสู้ข้าก็ต้องสู้”
ลั่วอู๋คำรามและตวัดดาบของเขา
ทักษะระดับ S [แสงแห่งวันพิพากษา]
ทันใดนั้นแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ก็เปล่งออกมาราวกับว่าเทพเจ้าสถิตลงมาสู่พื้นดินอย่างสง่าผ่าเผย หมอกพิษก็ถูกบังคับให้สลายไปจนหมดด้วยพลังนี้
ความสามารถนี้มีผลสามารถช่วยยับยั้งหมอกพิษไว้ได้
อย่างไรก็ตามด้วยที่สถานที่นี้เต็มไปด้วยหมอกพิษ เขาจึงไม่สามารถมั่นใจได้ว่าพิษนั้นไม่ได้เข้ามาในร่างกาย แต่มันก็สามารถกระจายและลดทอนบรรเทาหมอกพิษอันรุนแรงให้ลดลงไปได้บ้าง
“ ฮึ่ม เจ้ากล้าสู้ในระยะประชิดงั้นเหรอ?” หยีเทียนเฉินหัวเราะอย่างดุเดือดจากนั้นก็รีบวิ่งถอยไป
ทันทีที่ลั่วอู๋เข้าใกล้หยีเทียนเฉินเขาก็รู้สึกได้ถึงพิษอันน่าสยดสยองในเส้นวงจรพลังวิญญาณ ดูเหมือนว่าทักษะ พิษติดต่อของมันจะไม่จำเป็นต้องสัมผัสด้วยซ้ำ
แม้ว่าจะอยู่ใกล้แค่ไหนก็ถือว่าอยู่ในระยะของพิษ
“พล่ามอะไรของเจ้า! หายไปซะ!”
“สงคราม สงคราม สงคราม!”
เลือดของลั่วอู๋เดือดพล่านไปทั่วร่างกายของเขา พลังวิญญาณแห่งภูตสงครามระงับการแพร่กระจายของพิษ เจตจำนงในการต่อสู้ของเขาไม่ย่อท้อราวกับจะถล่มสวรรค์
[ดาบแห่งการทำลายล้าง]
ลั่วอู๋ยกดาบขึ้นและสับมันลง พลังแห่งการทำลายล้างพุ่งเข้าใส่ศัตรู ทำให้หมอกพิษถูกสั่นคลอนด้วยพลังอันน่ากลัวจนห้วงมิติสั่นสะเทือน
หยีเทียนเฉินตกใจ
ช่างเป็นพลังใจในการต่อสู้อันน่ากลัว
ถ้าลั่วอู๋ทำแบบนี้ แม้ว่าเขาจะชนะหยีเทียนเฉิน เขาก็ต้องติดพิษและตายลงอยู่ดี
หยีเทียนเฉินไม่เคยคิดว่าจะมีใครกล้าเพิกเฉยต่อผลของทักษะ พิษติดต่อ โดยการพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้
ดาบระบำแห่งความตายสับลงบนร่างของ หยีเทียนเฉิน แม้ว่าร่างกายของเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยผิวหนังคางคกหนาซึ่งแข็งอย่างหาที่เปรียบมิได้ และทุกครั้งที่เขาถูกฟันถุงพิษก็จะแตกออก
พิษกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
แต่ลั่วอู๋ก็ไม่ได้สนใจ แสงในมือของเขานั้นเกือบจะกลั่นตัวเป็นสสาร เขาอาบดาบระบำแห่งความตายด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์แล้วใช้มันฟาดฟันกำจัดพิษทั้งหมด
เพียงไม่กี่อึดใจต่อมาหยีเทียนเฉินก็ทนต่อไปไม่ไหว
“บ้าที่สุด! บ้าที่สุด” หยีเทียนเฉินยังคงมีแววตาอันโหดร้าย ลั่วอู๋นั้นคนบ้ามากพอที่จะเข้ามาจู่โจมเขาเช่นนี้ พลังในการต่อสู้อันบ้าคลั่งบังคับให้เขาต้องยอมใช้ทักษะไพ่ตายออกไป
“แน่จริงก็เข้ามาสิ!”
ทักษะระดับ SS พิษร้ายทลายพิภพ
เดิมทีเขาไม่ต้องการใช้มันเพราะมันมีขอบเขตมีขนาดใหญ่เกินไป และความเป็นพิษนั้นก็รุนแรงเกินไป จนเขาไม่สามารถควบคุมมันได้ มันอาจจะเปลี่ยนพื้นที่ทั้งหมดให้กลายเป็นทางตันสำหรับเขาได้ด้วยซ้ำ
แม้ว่าสัตว์วิญญาณในหุบเขามรณะจะมีความทนทานต่อพิษสูง แต่พวกมันก็ไม่สามารถทนพิษของพิษร้ายทลายพิภพได้ เพราะนี่คือพิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลก
แต่หยีเทียนเฉินในตอนนี้ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น
ตูม
สารพิษห้าสีอันน่ากลัวพุ่งออกมาพร้อมกับพลังวิญญาณอันน่ากลัว ทุกอย่างโดยรอบเริ่มสึกกร่อนและพังทลายลง
“ทุกคนต้องตาย ทุกคนที่นี่จะต้องตาย” แววตาอันบ้าคลั่งปรากฏขึ้นในดวงตาของ หยีเทียนเฉิน
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
เขารู้ว่าทั้งเหวินเสี่ยวและองค์หญิงเจียโรวยังอยู่ข้างหลังเขา
ในเวลานี้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะคิดหนี
ลั่วอู๋กัดฟัน “ในเมื่อหลบไม่ได้ก็ต้องไปต่อ! กลืนกินสวรรค์”
พลังแห่งการกลืนกินอันน่าหวาดกลัวปรากฏขึ้นอีกครั้ง
พิษทั้งหมดไหลย้อนกลับผสมผสานเข้ากับความว่างเปล่าของทักษะกลืนกินสวรรค์ ราวกับว่ามันเป็นพลังวิญญาณที่ระเบิดออกมาจากความว่างเปล่าเพื่อทำลายโลกทั้งใบ
หยีเทียนเฉิน สั่นสะท้าน พลังของทักษะกลืนกินสวรรค์นั้นรุนแรงเกินกว่าที่เขาคาด
แต่เขาก็ยังหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง: “ฮ่าฮ่า บ้า เจ้ามันบ้าไปแล้ว เจ้าคิดว่ากลืนสวรรค์ของเจ้ามันไร้เทียมทานรึไง อา! เจ้ากล้ากลืนพิษของข้าไปได้อย่างไรกัน?”
กลืนกินสวรรค์นั้นไม่ได้ไร้เทียมทาน
มันมีขีด จำกัด ของตัวเองอยู่
ยังมีทักษะอีกหลากหลายทักษะที่มีคุณสมบัติอันน่ากลัวเช่นทักษะพิษร้ายทลายพิภพอยู่ แม้ว่าลั่วอู๋จะใช้กลืนกินสวรรค์ แต่มันก็ยังเป็นอันตรายอยู่ต่อไป
เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถย่อยพิษร้ายทลายพิภพได้เลย
ร่างกายของลั่วอู๋เริ่มสั่นเทาใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวซีด ผิวหนังของเขาเริ่มมีถุงพิษหลากสีปรากฏขึ้นเหมือนคางคก
แม้ว่าเขาจะสามารถระงับเลือดแห่งสงครามได้ แต่เขาก็ไม่สามารถระงับการระบาดของสารพิษได้
พิษใหม่และพิษเก่ากระจายออกไปพร้อมกัน.
“เจ้าหัวเราะอะไรกัน ล้มลงไปได้แล้ว” ลั่วอู๋โยนดาบระบำแห่งความตายออกจากมือของเขาเขาใส่ศัตรู
ใช่แล้ว ทางหยีเทียนเฉินเองก็มาถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน
การโจมตีของภูตสงครามนั้นรุนแรงมาก และอีกฝ่ายก็โจมตีโดนเขาหลายต่อหลายครั้ง นอกจากนี้เขายังได้ใช้พลังวิญญาณไปมากกับทักษะพิษร้ายทลายพิภพ หยีเทียนเฉินจึงใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแล้ว
ดาบระบำแห่งความตายแทงทะลุท้องของหยีเทียนเฉินไป จนเขาร่วงล้มลงไปบนพื้น
หยีเทียนเฉิน กระอักเลือดออกจากปากของเขา ความมีชีวิตชีวาของเขาหายไปอย่างรวดเร็ว เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์บนดาบระบำแห่งความตายแผดเผาบาดแผลของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นอกจากนี้ที่ร้ายแรงที่สุดก็คือดาบระบำแห่งความตายได้ทำการดูดเลือดและพลังวิญญาณ ซึ่งทำให้เขาอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังหัวเราะออกมาได้ “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าตายแล้ว ถ้าเจ้าไม่ได้อยู่ในระดับทองขั้นสูง ยังไง ๆ ตอนนี้เจ้าก็ไม่รอดแล้ว”
หากลั่วอู๋ยังไม่ได้ไปถึงมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูงมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถยับยั้งพิษที่หยีเทียนเฉินปล่อยออกมาได้