ไหปีศาจ - บทที่ 395 ดาบสังหารเก็งจิน
บทที่ 395 ดาบสังหารเก็งจิน
บทที่ 395
ดาบสังหารเก็งจิน
ณ พื้นที่ใจกลางของหุบเขามรณะ ในห้องโถงอันมืดมนและรกร้างไร้ชีวิตชีวาราวกับแดนแห่งความตาย
ทันใดนั้นชายสวมเสื้อคลุมสีดำผู้มีบรรยากาศอันน่ากลัวปรากฏขึ้นต่อหน้าพรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสาม
ลมปราณอันสง่าผ่าเผยของพวกเขาทั้งสามคนลดลงในทันที
แรงกดดันที่ไม่มีใครในที่นี้สามารถเทียบได้ทำให้ใบหน้าขององค์หญิงเจียโรวเปลี่ยนไปอย่างมาก
อีกฝ่ายทรงพลังมากกว่าที่พวกเขาคาดไว้
บางทีคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาอาจจะไปถึงมิติวิญญาณระดับเพชรแล้วก็เป็นได้ หากเทียบกับผู้คนที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถต่าง ๆ ในอาณาจักรเขาก็คงเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอยู่ในอันดับต้น ๆ
ชายคนนี้น่าจะเป็นเจ้าแห่งหุบเขามรณะไม่ผิดแน่
ทางด้านตัวลั่วอู๋เองนั้นดูเหมือนจะไม่ได้กังวลเท่าไหร่ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถต้านทานแรงกดดันนี้ได้ แต่เขาก็ยังคงดูสงบนิ่ง “ข้ามีชื่อว่า ลั่วอู๋ มาที่นี่เพื่อตามหาภูตไห เจ้าพอจะบอกข้าเกี่ยวกับเขาได้ไหม?”
ฉิงชา ไม่คาดคิดเลยว่า ประโยคแรกที่เขาจะพูดออกมาคือประโยคนี้
หากอีกฝ่ายพูดเรื่องอื่น ฉิงชา คงจะไม่เก็บมันมาใส่ใจ
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถึงภูตไห เขาอดไม่ได้ที่จะคิดทบทวนและถามกลับไป
“เจ้ารู้จักภูตไหงั้นเหรอ ?” ฉิงชา ถามด้วยเสียงอันเย็นชา
ลั่วอู๋พยักหน้า “ใช่ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำกับเขา”
ฉิงชา เงียบลงไป
ภูตไหนั้นเป็นชื่อที่เขาต้องหวาดกลัว
ไม่ไกลนัก เหล่าสัตว์ประหลาดในชุดคลุมสีดำหลายร้อยตัว ก็เดินเข้ามาอย่างช้าๆ ด้วยลมปราณอันรุนแรงราวกับว่าประตูนรกนั้นได้ถูกเปิดออกมา มีเหล่าสัตว์ประหลาดนับร้อยเดินเข้ามาอย่างน่าสยดสยอง
เหวินเสี่ยวมองไปที่ฉิงชา หัวใจของเขากำลังเต้นอย่างรุนแรง
อีกฝ่ายจะบอกตำแหน่งของภูตไหให้พวกเขาได้รู้หรือไม่
“ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองอย่างพวกเจ้าเนี่ยนะ คู่ควรที่จะได้พบกับภูตไห? ” ทันใดนั้น ฉิงชาก็ขยับตัว พลังวิญญาณความมืดอันน่ากลัวพรั่งพรูออกมา จนท้องฟ้าและปฐพีต้องสั่นสะเทือน “ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะจะได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหน แต่พวกเจ้าได้ฆ่าสัตว์ประหลาดตัวน้อยของพวกเรา วันนี้จะเป็นวันที่พวกเจ้าจะต้องนรก”
ถ้าภูตไห รู้จักกับผู้ใช้พลังวิญญาณเหล่านี้ เดี๋ยวเขาก็ออกมาห้ามฉิงชาเอง
ดังนั้นจะมันจึงไม่มีปัญหาอะไรหากฉิงชาจะฆ่าพวกเขาทั้งสามคนทิ้ง
ขณะเดียวกันด้านหลังของเขา กลุ่มคนสวมเสื้อคลุมสีดำก็รีบวิ่งขึ้นมา
“หลบไปไอ้แก่ ข้าจะฆ่าพวกมันเอง”
“มันทำลายความหวังข้า ข้าอยากให้พวกมันมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างทรมานก่อนค่อยตาย”
“ฉิงชา ไอ้แก่ หยุดเถอะ พวกมันเป็นของข้า ข้าต้องการดึงวิญญาณของพวกมันมาจุดโคมไฟ เผาวิญญาณของมันให้มอดไหม้ทรมานเป็นเวลาหมื่นปี”
เสียงขบฟันดังขึ้นมาทีละคน
สีหน้าของลั่วอู๋เปลี่ยนไป
คนพวกนี้กำลังบ้าคลั่ง
เนื่องจากเขาได้ลงมือฆ่าหยีเทียนเฉิน พวกมันจึงเกลียดเขามาก
ไม่ต้องพูดถึงฉิงชาเลย แค่ชายในชุดคลุมสีดำเพียงคนใดคนหนึ่ง ก็แข็งแกร่งมากพอที่จะสามารถตบพรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคนให้ตายได้พร้อม ๆ กัน
ลั่วอู๋พูดอย่างรีบร้อน “เขากำลังจะตายอยู่แล้วข้าถึงได้ลงมือ ช่วยบอกพวกข้าหน่อยได้ไหมว่าภูตไหอยู่ที่ไหน?”
“ไม่” ฉิงชา กล่าวอย่างเย็นชา
พลังวิญญาณอันน่ากลัวพุ่งขึ้นไปข้างหน้า เหมือนกระแสน้ำที่ล้นตลิ่งอย่างไม่มีใครเทียบได้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังวิญญาณดังกล่าว พรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามก็ดูเหมือนคนอ่อนแอไปเลย
“วิ่งเร็ว” องค์หญิงเจียโรวกล่าวด้วยเสียงสั่น
ลมปราณของเหวินเสี่ยวสั้นลงมาก ในช่วงเวลาอันสำคัญ ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน เขาพร้อมแล้วที่จะปล่อยให้ด้านมืดของตัวเองเข้าครอบงำร่างกายอีกครั้ง
ใครจะไปคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาได้เข้าสู่ใจกลางของหุบเขามรณะ
ลั่วอู๋หายใจเข้าลึก ๆ เขาหยิบหินทะลวงมิติออกมาแล้วค่อยๆบดมัน หากเขาไม่มีแผนเอาตัวรอดเขาก็คงไม่กล้าที่พาองค์หญิงเจียโรว และเหวินเสี่ยวมาด้วย
“ฉับ”
พื้นที่ห้วงมิติฉีกขาดออกจากกันในทันที
แรงดึงดูดห้วงมิติที่อธิบายไม่ได้อุบัติขึ้น
ฉิงชา หัวเราะเยาะ “หินทะลวงมิติงั้นเหรอ ? เจ้าคิดว่าจะสามารถหนีรอดจากพวกข้าไปด้วยหินทะลวงมิติจริงๆหรือ?”
ลั่วอู๋ยักไหล่
เขาไม่ได้วางแผนที่จะหนี เพราะหินทะลวงมิตินี้ นั้นเป็นของที่ผู้บัญชาการหลิงหลงมอบให้กับเขา มันไม่ได้มีผลเพื่อส่งพวกเขาไปยังอีกสถานที่หนึ่ง แต่มีผลในการเรียกผู้บัญชาการ หลิงหลงออกมาต่างหาก
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น มันเป็นเสียงสบถอันเกียจคร้านของหญิงสาว ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของการต่อสู้อันรุนแรงในสนามรบ
“ ที่นี่มันบ้าอะไรกัน!”
ผู้บัญชาการหลิงหลงปรากฏตัวขึ้น
นางไม่ได้สวมชุดเกราะเปลวไฟ แต่สวมเพียงแค่กระโปรงยาวบาง ๆ คิ้วอันคมกริบบัดนี้ดูมีอำนาจน้อยกว่าปกติและ อ่อนโยนกว่า
ผู้บัญชาการหลิงหลงขมวดคิ้วและมองไปรอบ ๆ “หมอกพิษอันรุนแรง ความมืดมิดที่ดูไร้ชีวิต ที่นี่คือหุบเขามรณะงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว ท่านผู้บัญชาการหลิงหลง” ลั่วอู๋โค้งมือคำนับของนางหลาย ๆ ครั้ง
“ฮึ่ม ในที่สุดเจ้าก็เต็มใจที่จะยอมใช้หินทะลวงมิติที่ข้ามอบให้สินะ มันช่างอึดอัดจริง ๆ ที่ต้องติดหนี้คนอื่น” ผู้บัญชาการ หลิงหลงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ เจ้าต้องการให้ข้าช่วยกวาดล้างหุบเขามรณะงั้นเหรอ?”
ลั่วอู๋ยังไม่พูดอะไร เขาชี้ไปทางคนที่กำลังโกรธตรงมุมนั้น
ผู้หญิงคนนี้มาจากที่ไหนกัน ?
นางกล้าเพียงใดถึงได้พูดออกมาว่าจะกวาดล้างหุบเขามรณะให้ราบคาบ
“ ปากกล้าเสียจริง ตายซะ!”ฉิงชาคำรามเสียงต่ำ
ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นใคร แต่ในเมื่อนางเข้ามาที่นี่ก็ตายไปซะ
ผู้บัญชาการหลิงหลงยกขาเตะไปที่ร่างของฉิงชาอย่างไร้ความปรานี “ไปให้พ้น เจ้าไปมีเรื่องอะไรมางั้นเหรอ ?”
ปัง
ฉิงชา ถูกเตะออก เขาลอยกระเด็นออกไปหลายลี้
ในขณะนั้นกลุ่มของเหล่าสัตว์ประหลาดในชุดคลุมสีดำที่กำลังพุ่งเข้ามาหาลั่วอู๋ก็เปลี่ยนทิศทาง พวกเขาเองก็ได้ยินคำพูดของผู้บัญชาการหลิงหลง
“ช่างเป็นพลังที่งดงามจริงๆ ไม่เหมือนคนที่กำลังจะตายเลย!”
“นั่นเป็นสิ่งที่เราเสาะแสวงหา”
“คิดจะกวาดล้างหุบเขามรณะ งั้นเหรอ ไอ้บ้า”
“ฉิงชาถูกเตะกระเด็นออกไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่เลวเลย”
“ไม่ว่านางจะเป็นตัวอะไร แค่ฆ่านางให้ได้ก็พอ”
“ฆ่านาง ช่างเป็นร่างกายที่แข็งแกร่งและสวยงาม เหมาะสมที่สุดสำหรับการทดลอง”
สัตว์ประหลาดเหล่านี้ไม่กลัว สวรรค์และพิภพใด ๆ พวกเขาไม่กลัวแม้แต่เทพเจ้า เพราะพวกเขานั้นไม่สามารถตายได้ พวกเขาเป็นเหมือนผีอมตะ ที่ตะโกนภาษาแปลก และลมหายใจอันเหม็นฟุ้ง
เมื่อพวกเขาพบตัวตนที่พวกเขาเสาะแสวงหา พวกเขาก็มักจะลงมือฆ่า
หากอีกฝ่ายเป็นตัวตนที่รับมือได้ยาก เหล่าสัตว์ประหลาดก็จะเปิดเผยความลับส่วนหนึ่งของการเป็นอมตะให้กับอีกฝ่ายได้รู้ เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้มาเข้าร่วมกับพวกเขาในหุบเขามรณะก่อนที่เขาจะตาย
ด้วยที่เรื่องนี้เป็น “ความลับ” ผู้คนที่สามารถเอาชีวิตรอดจากหุบเขามรณะได้อย่างปลอดภัย จึงไม่เต็มใจที่จะบอกผู้อื่นเกี่ยวกับความลึกลับของการเป็นอมตะที่พวกเขารู้ให้กับคนภายนอก
แต่เมื่อพวกเขาหมดอายุขัย และมายังหุบเขามรณะ พวกเขาก็จะพบว่าความอมตะที่ว่านั้นเป็นเพียงคำสาป
ในเวลานั้นก็จะมีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น ว่าพวกเขาจะยอมรับคำสาป หรือตาย
แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เมื่อหยีเทียนเฉินได้ตายลงไป เหล่าสัตว์ประหลาดจึงจมอยู่ในความโกรธ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้โกรธแบบนี้มานานหลายร้อยปี หลายพันปี แต่ความสิ้นหวังหลังจากที่ความหวังพังทลาย ก็ทำให้จิตใจอันเย็นชาของพวกเขารู้สึกโกรธ
พวกเขาแค่ต้องการฆ่าเท่านั้น
“ฆ่าเด็กพวกนั้นก่อนแล้วค่อยฉีกผู้หญิงเป็นชิ้น ๆ ” เสียงของพวกเขาเหมือนผีร้ายโหยหวน
ดวงตาของผู้บัญชาการหลิงหลงกวาดไปที่ศัตรูทั้งหมด นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “มันไม่ง่ายเลยนะเนี่ย มีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับจักรพรรดิ เกือบหนึ่งโหล ส่วนที่เหลือล้วนมีความแข็งแกร่งระดับเพชร”
ความแข็งแกร่งนี้เรียกได้เพียงพอที่จะทำให้คนทั้งอาณาจักรต้องตกตะลึง
“แต่ช่างปะไร” ดวงตาของผู้บัญชาการหลิงหลงปกคลุมไปด้วยความไม่แยแส “พวกนี้ก็แค่ กลุ่มหนูสกปรกที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด”
“ข้ากำลังปกป้องเด็กคนนี้อยู่ พวกเจ้าต้องการจะเปลี่ยนใจถอยไปกันหน่อยไหม ?”
นางค่อยๆชักดาบดาบเลือดเดือดออกมา จากนั้นพลังวิญญาณอันน่ากลัวก็ถูกแผ่กระจายออกไป
หัวใจของลั่วอู๋สั่นสะท้าน
ดาบเลือดเดือดในมือของผู้บัญชาการหลิงหลงอย่างน้อยก็สูงถึงระดับสวรรค์ หรืออาจสูงกว่านั้น มันทรงพลังยิ่งกว่าดาบระบำแห่งความตายของเขาหลายขุม
นางต้องฆ่าผู้แข็งแกร่งไปแล้วกี่คนถึงจะพัฒนามาถึงระดับนี้ได้
ทันทีที่ถูกเรียกว่าหนูสกปรก เหล่าสัตว์ประหลาดต่างก็พากันโกรธ พวกเขาปลดปล่อยพลังวิญญาณของตัวเองออกมาอย่างไม่ออมมือ แทบจะทำให้ทั่วทั้งหุบเขามรณะเกิดแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงที่สุดในโลก
“ ดาบสังหารเก็งจิน!”
ผู้บัญชาการหลิงหลงไม่ได้แยแสกับเสียงนั้น ด้วยพลังและบารมีที่ไม่มีใครเทียบได้บนโลกของนาง แม้ว่านางจะไม่ได้สวมชุดเกราะ แต่นางก็ยังคงมีพลังระดับทลายสวรรค์ได้เหมือนกับเหล่าปีศาจในตำนาน
เมื่อนางใช้ทักษะดาบออกมา คมดาบและคลื่นพลังวิญญาณสีทองก็หลั่งไหลออกมาในเวลาเดียวกัน
ดาบนั้นกวาดไปทั่วห้องโถงอันมืดมิด
ทำให้เหล่าผู้ที่ใช้พลังแห่งความมืดมิดทั้งหมดถูกฟาดฟันจนหมดสิ้น
“อา”
เหล่าสัตว์ประหลาดหลายร้อยคนที่พุ่งเข้ามาโจมตีถูกตัดร่างขาดออกเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยดาบกระจัดกระจายกันไป เป็นเศษกระดูกสีขาวลอยไปทั่วท้องฟ้า
เสียงของพวกมันโหยหวนจากการที่ร่างกาย หัวใจและปอดถูกฉีกขาด ราวกับอยู่ในนรก