ไหปีศาจ - บทที่ 397 ข้าจะทำอะไรได้บ้าง
บทที่ 397 ข้าจะทำอะไรได้บ้าง
บทที่ 397
ข้าจะทำอะไรได้บ้าง
ณ ห้องโถงใจกลางหุบเขามรณะ
ส่วนด้านบนสุดของห้องโถงนั้นเป็นเวทีกว้าง มีชายชราคนหนึ่งมองลงไปที่ฉากการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยดาบพลังวิญญาณพวยพุ่งออกมาจากในระยะไกล หัวใจของเขายังคงสงบและใบหน้าของเขาก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
มีสุนัขตัวน้อยสีแดงนั่งยองๆที่เท้าของเขาส่งเสียงเห่า ต่ำ ๆ สองครั้ง
ชายชราไม่ได้สนใจมัน แต่สายตาของเขาจ้องมองไปที่พรรคพวกที่ลั่วอู๋ทั้งสามคน เขาแค่สงสัยว่าทำไมจู่ๆเด็ก ๆ พวกนี้ถึงได้อยากพบเขา
“ รวมพลเทวดา , ลมหายใจมังกร และ กลืนกินสวรรค์ เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา” ชายชราพึมพำ
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่แวบเดียวก็ตาม
เขาสามารถมองเห็นทักษะไพ่ตายทั้งสามของลั่วอู๋ได้
อย่างไรก็ตามด้วยสถานะของเขา เขาจะไม่เสียเวลาไปใส่ใจกับเด็กน้อยเหล่านี้
ในอาณาจักรทั้งหมดนั้น นอกเหนือจากบรรพบุรุษแห่งภูเขาแห้งแล้ง ท่านหม่าเฉิน คาดว่าคงมีเพียงจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ เฮา ที่กำลังเดินทางอยู่ในต่างมิติเท่านั้น ที่จะสามารถเทียบเคียงกับเขาได้
ส่วนผู้หญิงที่เต็มไปด้วยจิตสังหารด้านล่างนั้น
ทำได้แค่เพียงทำให้ชายชรารู้สึกประหลาดใจ แต่มันก็แค่นั้น
“เจ้ายังไม่ตายงั้นเหรอ ?” ชายชราพึมพำด้วยเสียงต่ำ แต่เมื่อมองจากรูปลักษณ์ของเขาดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พูดกับผู้บัญชาการหลิงหลง
หลังจากนั้นครู่หนึ่งชายชราก็ส่ายหัวและหันไปอีกทาง
“ไปกันเถอะ”
สุนัขสีแดงเดินตามชายชราจากไปอย่างช้าๆ
……
……
“อา” ฉิงชา คำรามด้วยความโกรธร่างกายของเขาสั่น พยายามจะดิ้นรน แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างกับไร้ผล
พลังวิญญาณอันน่ากลัวของดาบสังหารเก็งจินกลายเป็นดาบปิดผนึกตอกพวกเขาลงกับพื้น
มันน่ากลัวมากสำหรับเหล่าโครงกระดูกสีขาวที่ต้องพยายามดิ้นรนเช่นนี้
“เป็นไปไม่ได้น่า แรงกดดันระดับนี้” ฉิงชา ดูเหมือนจะไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะสามารถปิดผนึกพวกเขาลงได้ เพราะคนที่ปิดผนึกพวกเขาได้นั้นจะต้องมีความแข็งแกร่งระดับจักรพรรดิวิญญาณ
แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะมีพลังวิญญาณมาก แต่นางก็ยังคงห่างไกลจากระดับจักรพรรดิวิญญาณ
ดวงตาของฉิงชาเป็นประกายแสงสีเขียวและคำรามอย่างดุร้าย”นี่มันพลังระดับจักรพรรดิวิญญาณ เจ้าเป็นใครกัน … ”
พรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคนต่างตกใจ แล้วมองไปทางผู้บัญชาการหลิงหลง
จักรพรรดิวิญญาณ?
เป็นไปไม่ได้ จักรพรรดิวิญญาณนั้นมีเพียงแค่สองคนทั่วทั้งทวีป เขาจะบอกว่าผู้บัญชาการหลิงหลงเป็นคนที่สามงั้นหรือ?
“มันไม่ใช่ธุระของเจ้า” ผู้บัญชาการหลิงหลงกลอกตาสีขาว แล้วเตะหัวฉิงชาบินลอยออกไป
กะโหลกสีขาวกระเด็นกลิ้งไปมา
ผู้บัญชาการหลิงหลงเหลือบมองไปที่พรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคน “พวกเจ้าเชื่อเขารึไง”
“ข้าเชื่อในสิ่งที่ท่านพูด” ลั่วอู๋กะพริบตา
“ ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้บัญชาการหลิงหลงหัวเราะออกมา “การกำเนิดของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับจักรพรรดิวิญญาณ นั้นสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งทวีป มันไม่สามารถซ่อนได้ หากมีระดับจักรพรรดิวิญญาณคนที่สาม จะไม่มีใครรู้ไปได้อย่างไร?”
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง มันก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายกล่าว
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับจักรพรรดิวิญญาณที่แข็งแกร่งจะยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้อื่นได้อย่างไร? แม้ว่าผู้บัญชาการของหน่วยสยบมังกรจะมีสถานะสูง แต่นางก็ยังคงต้องเชื่อฟังคำสั่งขององค์จักรพรรดิ
ลั่วอู๋คิดว่าคงจะเป็นเพราะสิ่งที่ผู้บัญชาการหลิงหลงเคยกล่าวไว้ สัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดของนางนั้นถูกปิดผนึกเอาไว้ในร่างของนางและไม่สามารถเรียกออกมาได้ตามต้องการ
หรือว่ามันจะเป็น
สัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิ?
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
สัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดินั้นหายากมากและเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอื่น
ในประวัติศาสตร์การพัฒนาของมนุษย์ในเวลาหลายหมื่นปี ผู้ใช้พลังวิญญาณที่มีอำนาจทรงพลังจำนวนมากได้โผล่ขึ้นมาในแต่ละยุค รวมแล้วราว ๆ 1,000 หรือ 800 คน
อย่างไรก็ตามสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดินั้นถือกำเนิดขึ้นมาเพียง 20 หรือ 30 ตัว ในช่วงหลายหมื่นปีที่ผ่านมา ทั้งหมดนั้นต่างก็สร้างความปั่นป่วนอันยุ่งเหยิงขึ้นมาตลอดช่วงระยะเวลานั้น
มันเป็นเรื่องยากที่มนุษย์จะสามารถปราบสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิได้
มีเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณระดับจักรพรรดิวิญญาณเท่านั้นที่จะสามารถเอาชนะสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิได้
นี่เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ทราบโดยทั่วไป
แม้ว่าในทางทฤษฎีแล้วผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชร สามารถทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิได้ แต่ก็ไม่เคยมีตัวอย่างเช่นนั้นมาก่อนในประวัติศาสตร์
ลั่วอู๋อดคิดไม่ได้ว่าสัตว์วิญญาณที่ถูกปิดผนึกไว้ในร่างของผู้บัญชาการหลิงหลงนั้นอยู่ในระดับจักรพรรดิ?
“เจ้ากำลังทำอะไร ? เจ้าอยากจะให้ข้าจัดการสัตว์ประหลาดพวกนี้ทั้งหมดงั้นเหรอ?” จู่ๆผู้บัญชาการหลิงหลงก็พูดขึ้น
ลั่วอู๋ตื่นขึ้นมาจากห้วงความคิด
เรื่องธุระต้องมาก่อน
ลั่วอู๋ ถาม ฉิงชา “ภูตไหอยู่ที่ไหน?”
ในขณะนี้หัวของ ฉิงชา ได้กลิ้งคลานกลับมาด้วยตัวเอง จากนั้นก็เข้ารวมกับร่างกายอีกครั้ง
“ ไม่รู้สิ” ฉิงชา ขี้เกียจที่จะใส่ใจกับ ลั่วอู๋ ความสนใจของเขาอยู่ที่ผู้บัญชาการหลิงหลง
ลั่วอู๋ฟันฉิงชาด้วยดาบ แต่กลับมีเสียงสะท้อนออกมาดังลั่น ศีรษะของ ฉิงชา ยังคงอยู่และไม่ได้ถูกตัดออกตามที่เขาคาดไว้
“เฮ้อ … ” ลั่วอู๋เขินเล็กน้อย
เขาอยากจะทำมันได้บ้าง
เขาไม่ได้คาดคิดว่าความแตกต่างในระดับความแข็งแกร่งระหว่างพวกเขาห่างกันมากถึงขนาดนี้ ถึงขั้นที่ลั่วอู๋ไม่สามารถทำร้ายเขาได้
ฉิงชามองดูลั่วอู๋อย่างเหยียดหยาม“ เด็กน้อย เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ด้วยพละกำลังของเจ้า คิดว่าตัวเองสามารถทำร้ายข้าได้รึไง?”
ลั่วอู๋หายใจไม่ออกไปครู่หนึ่ง
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้จริง ๆ
ลั่วอู๋ต้องการจะถามคนอื่น แต่คนอื่น ๆ ก็ดูจะไม่รู้เรื่อง ดุร้ายเกินไป หรือไม่ก็ไม่คิดจะให้ความสนใจลั่วอู๋เลย
“ไปให้พ้นซะ!”
“ขยะแบบเจ้า ไม่คู่ควรมาคุยกับข้า”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!
“ เจ้ามันไม่มีค่า”
สัตว์ประหลาดเหล่านี้ช่างหยิ่งผยอง
ลั่วอู๋ทำอะไรไม่ถูก
สัตว์ประหลาดเหล่านี้นั้นเป็นอมตะ พวกเขาไม่มีความกลัวใด ๆ เลย
“ให้ข้าลองพยายามดู” เหวินเสี่ยวพยายามใช้ทักษะ ชำระล้าง และ แสงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีผลในการยับยั้งคุณสมบัติด้านมืดและสิ่งมีชีวิตอมรณา
แสงไฟส่องสว่าง
เหล่าสัตว์ประหลาดคำรามด้วยความโกรธ
“หยุดได้แล้วเจ้าเด็กบ้า”
“เอาออกไป เอาออกไป”
“เจ้าเด็กบ้า ถ้าหลุดออกไปได้ ข้าจะกินเจ้าทั้งเป็น”
“โอ้ ช่างเป็นแสงที่น่ารังเกียจ”
ตามที่คาดไว้สัตว์ประหลาดเหล่านี้รังเกียจแสงศักดิ์สิทธิ์ แต่สิ่งที่ทำให้เขางงก็คือ พวกเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงในร่างกายใด ๆเลย
พวกเขาแค่โกรธ แต่ก็ไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ
เหวินเสี่ยวตกตะลึงนี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“ อย่าเสียเวลาเลยน่า” ฉิงชา หัวเราะเยาะ “แสงใด ๆ ก็ไม่อาจทำร้ายเราได้ พวกข้าไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดมาเป็นเวลานานแล้ว แสงศักดิ์สิทธิ์แค่ทำให้พวกข้ารู้สึกไม่สบายตัว”
ลั่วอู๋เข้าใจได้ในทันที
มันเหมือนเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง แสงศักดิ์สิทธิ์นั้นรั้งแต่จะทำให้พวกเขาโกรธเปล่า ๆ มันไม่สามารถทรมานอะไรพวกเขาได้
“มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” ผู้บัญชาการหลิงหลงเอาเท้าเหยียบลงบนศีรษะของฉิงชาจนแตก “เฮ้ เจ้ารีบบอกลั่วอู๋เร็ว ๆ สิว่าภูตไหอะไรนั่นอยู่ที่ไหน”
หัวที่ถูกเหยียบจนแตกถูกรวมเข้าด้วยกันอีกครั้ง จากนั้น ฉิงชาก็เยาะเย้ย “เจ้าผนึกพวกเราได้ แต่เจ้าก็ไม่สามารถฆ่าพวกเราได้อยู่ดี ในเมื่อเจ้าไม่สามารถทำให้ข้ารู้สึกเจ็บปวดได้ทำไมข้าต้องบอกเจ้า?”
“ผู้บัญชาการหลิงหลงกัดฟัน” เจ้าเชื่อไหมว่าข้าจะผนึกเจ้าไว้ที่นี่เป็นเวลา 100 ปี 1,000 ปี 10,000 ปี! ”
“ก็ตามใจสิ” ฉิงชา ไม่เคลื่อนไหวอย่างสมบูรณ์
คิดว่าข้าจะเหงา? คิดว่าข้าจะเหงางั้นเหรอ?
อะไรคือความแตกต่างระหว่างการถูกปิดผนึกอยู่ที่นี่ กับการจมอยู่ในงานวิจัยของพวกเขา? มันน่าเบื่อ สิ้นหวังและจมอยู่ในความมืดไม่ได้ต่างกัน
“เราหาเขากันเองก็ได้” เหวินเสี่ยวกัดฟันแล้วกางปีกศักดิ์สิทธิ์หกปีกข้างหลังเขาบินขึ้นไปที่ด้านบนห้องโถงแห่งหุบเขามรณะอย่างรวดเร็ว
เขาไม่สามารถรอได้อีก
“เหวินเสี่ยวไม่ต้องกังวลไป บางทีอาจจะมีคนอื่น ๆ ที่รู้อยู่ในห้องโถง!” ลั่วอู๋เรียก แต่เหวินเสี่ยวนั้นไม่คิดจะหยุด
ลั่วอู๋ทำอะไรไม่ถูก “ผู้บัญชาการหลิงหลง โปรดติดตามข้าเข้าไปค้นหาห้องในโถงเพื่อตามหาร่องรอยของภูตไหด้วยกันที”
“ ได้เลย” ผู้บัญชาการหลิงหลงเห็นด้วย
ผู้บัญชาการหลิงหลงเดินตามคอยปกป้องลั่วอู๋และองค์หญิงเจียโรว ขณะที่พวกเขาเข้าลึกไปยังห้องโถงของหุบเขามรณะ
นางทิ้งให้เหล่าสัตว์ประหลาดที่ถูกปิดผนึกอยู่กันตามมีตามเกิด พวกมันต่างคำรามและกรีดร้องด้วยความโกรธ