ไหปีศาจ - บทที่ 402 เทพพิทักษ์เวหา
บทที่ 402 เทพพิทักษ์เวหา
บทที่ 402
เทพพิทักษ์เวหา
ลั่วอู๋ได้ยินทุกสิ่งที่เหวินเสี่ยวพูด
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นเหตุที่ทำให้เหวินเสี่ยวพยายามตามหาภูตไหอย่างไม่ลดละ และเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงได้ดู “เคร่งเครียด” ในตอนแรก
ที่จริงแล้วเขานั้นแบกรับหลายสิ่งหลายอย่างเอาไว้นี่เอง
ช่วงเริ่มต้นของการทดสอบเพื่อเข้าร่วมสำนักเฉียนหลง กลุ่มผู้เข้าร่วมการทดสอบกลุ่มใหญ่ที่ถูกหักขาและโยนทิ้งไป จนพลาดโอกาสในการเข้าสู่สำนักเฉียนหลง
น่าจะเป็นฝีมือของเหวินเสี่ยว
นอกจากนี้นักเรียนของสำนักเฉียนหลงที่แอบฉีกหน้าของหนังสือในคฤหาสน์สุตราไปก็คือเขา และในการชิงอันดับรายชื่อสำนักเฉียนหลง เพื่อให้ได้ไปพบประธานสำนัก เขาก็ได้โจมตีสังหาร หวู่เก๋า, อากูดะ และ จินฉัน จากสำนักหม่าเฉิน เพื่อที่ตนเองจะได้ขึ้นเป็นที่หนึ่ง .
ทั้งหมดเป็นเพราะเขาต้องการตามหาภูตไห
ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะมองไปยัง ภูตปีกแสงอันอบอุ่น เขาประหลาดใจมากที่ภูตปีกแสงสามารถสลับไปมาระหว่างร่างปกติของตัวเองและร่างของเทพตกสวรรค์ได้
ภูตไหมองไปทางเหวินเสี่ยวที่กำลังคุกเข่า ด้วยสายตาอันว่างเปล่าอย่างเงียบงัน
เหวินเสี่ยวกัดฟันอีกครั้ง “เห็นแก่มิตรภาพที่มีต่อบรรพบุรุษของข้า ข้าหวังว่าท่านจะช่วยพวกเรากอบกู้ราชวังเป่ยหมิง”
“ช่างกล้า” ไม่มีใครสามารถมองเห็นใบหน้าและการแสดงออกของภูตไหได้อย่างชัดเจน แต่น้ำเสียงของเขาดูเฉยเมยและไม่มีความสุข “เมื่อ 8000 ปีที่แล้ว เจ้าคนพาลจอมซนนั้นได้รับผลประโยชน์จากข้ามากมายมหาศาล และได้ก่อตั้งพระราชวังเป่ยหมิงขึ้น เขากลายเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก แต่ท้ายที่สุดเขาก็เลือกที่จะทรยศข้า ทำให้ข้าล้มเหลว แล้วตอนนี้ลูกหลานของเขากลับมาหาข้า และหวังว่าข้าจะช่วยเขาโดยเห็นแก่มิตรภาพที่มีต่อบรรพบุรุษของเขา มันช่างน่าขันเสียจริงๆ”
เหวินเสี่ยวตกใจ และแสดงสีหน้าอันเหลือเชื่อออกมา
ลั่วอู๋ตะลึง
นี่มันอะไรกัน ?
ใบหน้าของผู้บัญชาการหลิงหลงเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน แต่สิ่งที่นางสนใจนั้นไม่ใช่เรื่องของราชวังเป่ยหมิง แต่เป็นสิ่งอื่นที่เกี่ยวกับช่วงเวลาเมื่อ 8000 ปีก่อน
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้” เหวินเสี่ยวสูญเสียจิตวิญญาณของเขา และพยายามที่จะพูดต่อไป “ท่านน่าจะมีความเข้าใจผิดในเรื่องนี้รึเปล่า ? ในจดหมายของท่านบรรพบุรุษไม่ได้กล่าวถึงสิ่งเหล่านี้เลย”
“ เขาจะมีหน้ากล้าพูดถึงเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ?” ภูตไห กล่าว
ผู้ก่อตั้งพระราชวังเป่ยหมิง ซึ่งมีชื่อเรียกว่าอันโด่งดังว่าราชาแห่งหมอก เขามีชื่อเสียงไปทั่วทุกทีและมีภาพลักษณ์อันยอดเยี่ยม
8000 ปีที่แล้ว ทั่วทุกอาณาจักรประสบกับภัยพิบัติ ราชาแห่งหมอกได้รวบรวมเหล่าผู้คนที่กระจัดกระจายก้าวไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ เพื่อช่วยเหลือผู้คนจากภัยพิบัติและยุติหายนะ
ต่อมาพระราชวังเป่ยหมิงจึงได้ถูกสร้างขึ้น ในอาณาจักรเป่ยไห่ ซึ่งเป็นเสมือนสถานที่ดำรงอยู่ของเทพเจ้า ในหัวใจของชาวเป่ยไห่
เขาจะกล้าบอกคนรุ่นหลังเกี่ยวกับความอับอายดังกล่าวได้อย่างไร
เหวินเสี่ยวสูญเสียความคิดและจิตวิญญาณอันยึดมั่นของเขา ร่างกายของเขาอ่อนนุ่มราวกับว่าวิญญาณของเขาถูกดึงจนกลวงออกมา เขารับเรื่องนี้ไม่ได้
ท่านบรรพบุรุษที่เป็นดั่งยอดนักปราชญ์ในความคิดของเขา กลับเป็นคนพาลผู้ชั่วร้ายในปากของภูตไห
องค์หญิงเจียโรวยืนขึ้น พลางตะโกนเสียงดัง “ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในอดีต เจ้าไม่ควรจะพูดเรื่องไร้สาระเช่นนั้น”
นางไม่รู้ว่าตอนนี้นางกำลังอยู่ที่ไหนของบทสนทนา แต่ภูตไหคนนี้ไม่ใช่คนที่สามารถรับมือได้ง่าย ๆ เหมือนผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณทั่วไปแน่ ๆ
ภูตไหกล่าวขึ้น “ปรับพลังวิญญาณให้แห้งลงและรุนแรง นึกถึงสภาพอันไหลเวียนของภูเขาและแม่น้ำ หมู่ปลาเวียนว่ายไหลไปตามกระแส การหลอมรวมของจักรพรรดิมังกรแห่งหมื่นศาสนา จะหยั่งรากลงลึกไปในสวรรค์และปฐพี”
องค์หญิงเจียโรวตกใจ
“ท่วงทำนองราชันมังกร! เจ้ารู้จักมันได้อย่างไร?” องค์หญิงเจียโรวแทบหายใจไม่ออก
คนที่รู้เกี่ยวกับมันควรมีแค่เพียงคนในราชวงศ์เท่านั้น และคนที่จะสามารถฝึกฝนท่วงทำนองราชันมังกรได้ก็มีแค่องค์จักรพรรดิ ถึงแม้ว่านางจะแอบเรียนรู้มันอย่างลับๆก็เถอะ
แต่ผู้ชายคนนี้สามารถท่องบทนำของมันได้อย่างสบาย ๆ
ภูตไห กล่าวอย่างเงียบ ๆ ว่า “ราชวงศ์จักรพรรดิมังกรเร้นกายถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 8000 ปีก่อน เจ้าคิดว่าท่วงทำนองราชันมังกรขององค์จักรพรรดิมังกรที่สืบทอดกันมาโดยราชวงศ์ มันมีที่มาจากใครกันล่ะ?”
องค์หญิงเจียโรวอดไม่ได้ที่จะถอยหลังกลับด้วยความตกใจ
นี่มัน
ชายคนนี้คือใครกัน
น่ากลัวเกินไปแล้ว
เกิดอะไรขึ้นเมื่อ 8000 ปีก่อนกันแน่!
ผู้บัญชาการหลิงหลงไม่สามารถกลั้นหายใจได้ นางมองภูตไหอย่างระมัดระวังแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ภูตไหงั้นเหรอ ? เล่นกลเม็ดและเอาหมอกสีขาวมาปิดกั้นใบหน้าตนเองแบบนี้ ถ้าเจ้าไม่กล้าแสดงใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าล่ะก็”
ภูตไหไม่ตอบนางแต่อย่างใด มีเพียงสุนัขที่เท้าของเขาที่กระโดดขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว แยกเขี้ยวคำรามไปทางผู้บัญชาการหลิงหลง
แน่นอนว่าผู้บัญชาการหลิงหลงเพิกเฉยต่อการยั่วยุของสุนัขแล้วพูดต่อ“ เท่าที่ฟังมา เจ้าจะบอกว่าเจ้าอยู่มานานกว่า 8000 ปีแล้วงั้นเหรอ? การเปิดประตูห้วงมิติของนรกมนตรานั้นเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่ ?”
ภูตไหมองไปทางผู้บัญชาการหลิงหลง แต่ผู้บัญชาการ หลิงหลงกลับมีความรู้สึกว่าตนเองถูกมองผ่านไป
สัตว์วิญญาณอันน่ากลัวที่ถูกปิดผนึกในร่างกายของนางตอนนี้กำลังปั่นป่วนอย่างอธิบายไม่ได้
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ข้าคิดว่าเจ้าตายไปแล้วตั้งแต่เมื่อแปดพันปีก่อนด้วยซ้ำ” ทันใดนั้นภูตไหก็พูดขึ้น
ผู้บัญชาการหลิงหลงขมวดคิ้ว “เจ้ากำลังพูดถึงอะไร?
“ ข้าไม่ได้คุยกับเจ้า” ภูตไหตอบ
หัวใจของผู้บัญชาการหลิงหลงเต็มไปด้วยความหนาวเย็นอย่างลึกลับ นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเช่นนี้นับตั้งแต่ที่นางมีชื่อเสียง คนคน นี้กำลังพูดคุยกับสัตว์วิญญาณที่ถูกผนึกอยู่ในร่างของนางงั้นหรือ?
คำพูดไม่กี่คำของภูตไห ทำให้ผู้บัญชาการหลิงหลง และทั้งสามคนตกตะลึงอย่างมาก
แน่นอนว่าลั่วอู๋เองก็เช่นกัน
ลั่วอู๋หลบไปซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังผู้บัญชาการหลิงหลงอย่างเงียบ ๆ
เพราะทันทีที่ภูตไหปรากฏตัวต่อหน้าเขา ลั่วอู๋ก็รู้สึกใจสั่นและพลังวิญญาณของไหปีศาจก็พลุ่งพล่านราวกับว่ามันมีชีวิต มันส่งอารมณ์แห่งความปรารถนาออกมาตลอดเวลา
ไหปีศาจกระตือรือร้นที่จะได้รวมตัวภูตไห
ลั่วอู๋จึงพยายามระงับกลิ่นอายของไหปีศาจ
เพราะมันยังไม่ถึงเวลา
“ฮึ่ม” ผู้บัญชาการหลิงหลงส่งเสียงสบถอย่างเย็นชา
ลมปราณอันน่ากลัวหลั่งไหลออกมา
นางไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอ นางเป็นผู้นำของหน่วยสยบมังกร ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้น ๆ ของอาณาจักร ทะเลซากศพไม่ได้ทำให้นางกลัว ไม่ต้องพูดถึงภูตไหเลย
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหน เจ้าก็แค่มีชีวิตอยู่มานานเท่านั้นแหละ” แรงกดดันวิญญาณของผู้บัญชาการ หลิงหลงแผ่ออกเป็นเหมือนกับสายรุ้ง และดาบวิญญาณของนางก็ถูกเรียกออกมาในแนวตั้งและแนวนอน “ในเมื่อข่มขู่เชิงบังคับดูจะไม่ได้ผล และเจ้ายังดูไม่มีทีท่าว่าอยากจะตอบ ดังนั้นข้าจะขอจับตัวเจ้าเอาไว้ก่อนล่ะ”
ตูม
พลังวิญญาณระเบิดออกมา
ดาบพลังวิญญาณส่งแสงพราวอย่างทรงพลังทำให้ภูตไหต้องก้าวถอยหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าความแข็งแรงของเจ้าจะไม่เท่าไหร่เลยนะ” ผู้บัญชาการหลิงหลงตวัดดาบและลุกขึ้น นางคิดว่าตนเองน่าจะมีอำนาจเหนือกว่ามาก ท่าทางที่อยู่ยงคงกระพันของอีกฝ่ายน่าจะเป็นเพียงความภาคภูมิใจเดียวที่เขามี
พลังวิญญาณของดาบสังหารเก็งจินถูกถักทอเป็นตาข่ายขนาดใหญ่
กลายเป็นลู่กรง
แม้ว่าภูตไหจะมีวิธีการเหนือธรรมชาติ
อย่างไรก็ตามนั้นไม่ได้หมายความว่าความแข็งแกร่งของเขาจะแข็งแกร่งมาก ในทางตรงกันข้ามแล้วความแข็งแกร่งของเขาแทบจะไม่เปลี่ยนเคยพัฒนาขึ้นเลยตั้งแต่เกิด
กลับกันแล้วผู้บัญชาการหลิงหลงเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งอันดับต้น ๆ ของโลก มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเทียบเคียงกับนางได้
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ภูตไหก็เป็นเพียงเครื่องมือ
แต่ภูตไหนั้นไม่ได้รู้สึกวู่วามเลยแม้แต่น้อย เพราะจู่ๆสุนัขสีแดงที่เท้าของเขาก็กระโดดออกมาและคำรามขึ้นไปบนฟ้า ร่างของมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
มันกลายเป็นสัตว์วิญญาณที่มีรูปร่างใหญ่โตสีแดง ตัวสูงเท่ายอดเขา มันดูดุร้ายมาก จากนั้นมันก็คำรามขึ้นบนท้องฟ้าด้วยเสียงที่ดังเหมือนฟ้าร้อง เสียงคำรามนี้สามารถเปลี่ยนสีของสายลมและดวงอาทิตย์ให้กลายเป็นดวงจันทร์ได้เลยทีเดียว
มันคือสัตว์วิญญาณระดับเพชร – เทพพิทักษ์เวหา
ในอดีตเคยมีสัตว์วิญญาณชื่อว่า หยู่ เป็นสัตว์ร้ายในตำนานโบราณที่มีพลังอำนาจสูงสุด เป็นสัตว์วิญญาณชั้นยอดเพียงตัวเดียว ที่สามารถปราบปรามมังกรแก่นแท้ได้อย่างสูสี
แต่มันได้ตายไปแล้ว
อย่างไรก็ตามว่ากันว่าหลังจากที่มันตาย แก่นวิญญาณของมันก็ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งถูกรวมตัวเข้ากับท้องฟ้าเป็น เทพพิทักษ์เวหา อีกส่วนตกลงพื้นกลายเป็น เทพสถิตธรณี และอีกส่วนหายสาบสูญไป
เทพพิทักษ์เวหา และ เทพสถิตธรณี ล้วนเป็นสัตว์วิญญาณระดับเพชร ที่มีพลังในการต่อสู้เป็นอันดับต้น ๆ พลังดั้งเดิมของพวกมันนั้นใกล้เคียงกับสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิอันไร้ขีดจำกัด
ใครจะไปคิดว่าสุนัขสีแดงที่เท้าของภูตไห จะมีเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้
ปรากฏว่ามันเป็น เทพพิทักษ์เวหา
ผู้บัญชาการหลิงหลงจ้องมองอย่างปราศจากความหวาดกลัวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันน่าเกรงขาม “คิดว่ามีเทพพิทักษ์เวหาจะทำให้ข้ากลัวได้งั้นเหรอ ? ขนาดเทพเจ้ายังทำให้ข้ากลัวไม่ได้ นับประสาอะไรกับเจ้า?”