ไหปีศาจ - บทที่ 404 กำไรสองอย่าง
บทที่ 404 กำไรสองอย่าง
บทที่ 404
กำไรสองอย่าง
เวลาผ่านไปสามชั่วโมงแล้วหลังจากที่ภูตไหได้จากไป บรรยากาศระหว่างพวกเขานั้นยังแปลกมาก
เหวินเสี่ยวนั่งอยู่บนลำต้นหนาของต้นไม้ใหญ่ เขามองไปทางทิศเหนือด้วยความงุนงง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน
แต่ลั่วอู๋ก็ไม่ได้เดินออกไปหาเขา
คำพูดของภูตไหเป็นเหมือนกับดาบอันวิจิตรของจักรพรรดิ มันฟันลงมาแยกระหว่างพวกเขาทั้งสองและจนกลายเป็นร่องน้ำขนาดใหญ่อันน่ากลัว
“ถ้าเจ้าฆ่าลั่วอู๋ ข้าจะสนองให้ตามที่เจ้าต้องการ”
ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น ขณะที่เขานึกถึงประโยคนี้ขึ้นมาในใจ
มันจะต้องมียุ่งยากตามมาแน่ในอนาคต หากเขาโดนหมายหัวโดยบุคคลเช่นนี้
เหวินเสี่ยวจะลงมือทำตามคำพูดของอีกฝ่ายไหม?
ลั่วอู๋นึกถึงตัวตนของเหวินเสี่ยวในการทดสอบการต่อสู้จริง สิ่งที่เขาทำกับลั่วอู๋ และหวู่เก๋า
ตอนนั้นเป้าหมายของเหวินเสี่ยวมีเพียงแค่คว้าอันดับหนึ่งของรายชื่อสำนักเฉียนหลงมาให้ได้
ซึ่งการขึ้นเป็นอันดับหนึ่งก็เพียงเพื่อที่เขาจะได้ตามหาภูตไห
ตราบใดที่เหวินเสี่ยวฆ่าลั่วอู๋ได้ เขาก็จะสามารถขอความช่วยเหลือจากภูตไหได้ตามที่หวัง แต่เขาจะเลือกอะไร? เขาจะคิดถึงมิตรภาพระหว่างพวกเขาไหม?
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ลั่วอู๋ไม่อาจรู้ได้
ฝั่งหนึ่งคือเพื่อน ส่วนอีกฝั่งก็มีชีวิตของผู้บริสุทธิ์หลายหมื่นคนที่ตกอยู่ในอันตราย
หากเขาลองสลับมาอยู่ในตำแหน่งของเหวินเสี่ยวดู
ถ้าเขาต้องฆ่า ฉูจงฉวน หรือ หลี่หยิน เพื่อช่วยชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วน เขาจะยอมลงมือทำหรือไม่?
ลั่วอู๋ครุ่นคิดสักพักและเขาก็ได้คำตอบ เขาไม่สนใจคนบริสุทธิ์ เขาแค่อยากให้ญาติและเพื่อนของเขายังมีชีวิตอยู่
แต่นี่คือคำตอบของ ลั่วอู๋ ไม่ใช่ของเหวินเสี่ยว
ผู้บัญชาการหลิงหลงเดินเข้า จากนั้นก็กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าไม่รู้ว่า เจ้าไปเป็นศัตรูกับภูตไหนั้นได้อย่างไร และมันก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่าคนอย่างเขาจะทุ่มสุดตัวเพื่อฆ่าเจ้า แต่ข้าขอแนะนำให้เจ้าระวังตัวไว้ ข้าไม่อาจอยู่เคียงข้างเจ้าเพื่อปกป้องเจ้าได้ตลอดเวลา เจ้าควรไปซ่อนตัวอยู่ในสำนักเฉียนหลงดีกว่า อย่างน้อยที่นั่นก็ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้”
“ข้าเข้าใจ” ลั่วอู๋พยักหน้า
ตอนนี้สำนักเฉียนหลงเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด
“ข้าไม่มีหินทะลวงมิติเหลือแล้ว” ผู้บัญชาการหลิงหลงให้ตัวส่งสารไว้กับลั่วอู๋ “สิ่งนี้สามารถหาข้าพบได้ เจ้ายังมีหนี้สุดท้ายกับข้าเหลืออยู่”
ตัวส่งสารนั้นมีประสิทธิภาพแย่กว่าหินทะลวงมิติมาก
ในอนาคตเขาไม่มีทางที่จะเรียกผู้บัญชาการหลิงหลงออกมาได้ในเวลาที่ตกอยู่ในอันตรายอีกแล้ว เพราะมันจะสายเกินไป
ลั่วอู๋รับตัวส่งสารมา
จากนั้นผู้บัญชาการหลิงหลงก็ใช้ดาบฟันห้วงมิติแล้วจากไป
องค์หญิงเจียโรวกล่าวอย่างกังวล “รีบกลับไปที่สำนัก เร็ว ๆ เถอะ ท่านผู้บัญชาการพูดถูกแล้ว มีเพียงสำนักเฉียนหลงเท่านั้นที่ปลอดภัย”
“ข้ารู้ ดูเหมือนว่าในอนาคตข้าจะต้องอยู่ที่สำนัก เฉียนหลงไปอีกนานเลย” ลั่วอู๋หัวเราะกับตัวเอง
องค์หญิงเจียโรว ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถาม “ไหเล็ก ๆ นั่นของเจ้าคืออะไร? ทำไมมันถึงทำให้ภูตไหดูกังวลมากกันล่ะ ?”
ในตอนที่ลั่วอู๋กำลังต่อสู้กับภูตไห และผู้บัญชาการ หลิงหลงกำลังต่อสู้กับเทพพิทักษ์เวหาอย่างดุเดือด ช่วงที่ เหวินเสี่ยวตกอยู่ในสภาพที่กำลังสูญเสียและไม่ตอบสนองใด ๆ
มีเพียงองค์หญิงเจียโรวเท่านั้นที่ได้เห็นไหขนาดเล็กอันเรียบง่ายและดูลึกลับในมือของลั่วอู๋
“มันเป็นความลับที่สำคัญมากสำหรับข้า” ลั่วอู๋พูด แล้วเงียบไปครู่หนึ่ง
“ตกลง…”
นางไม่ถามอะไรอีก
องค์หญิงเจียโรว รู้ดีว่าทุกคนล้วนมีความลับเป็นของตัวเอง เป็นธรรมดาที่เขาไม่ต้องการเปิดเผยมัน
นี่ทำให้นางรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อย
นางให้ลูกแก้วมังกรที่สำคัญที่สุดแก่เขา แต่เขากลับซ่อนเรื่องนี้จากนาง
องค์หญิงเจียโรว รู้ดีว่าอารมณ์แบบนี้ไม่ถูกต้อง แต่ในใจของนางกลับรู้สึกไม่มีความสุขขึ้นมา
ซึ่งลั่วอู๋ก็รับรู้ถึงอารมณ์ของนางดี
เขาจำได้ว่าในตอนที่เขาเพิ่ง “ตาย” ใบหน้าขององค์หญิงเจียโรวแสดงถึงความสับสนและกังวล
เขาจึงช่วยไม่ได้ที่จะยอมโพล่งออกไปเล็กน้อย “ที่จริงแล้ว ความลับนี้ แม้แต่หลี่หยินก็ยังไม่รู้”
“โอ้”
องค์หญิงเจียโรว ถอนหายใจพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
นางไม่รู้ว่าทำไม นางถึงรู้สึกดีขึ้นมาในทันที
“ข้าจะบอกเจ้าในภายหลังแน่” ลั่วอู๋กล่าวเสริม
ใบหน้าขององค์หญิงเจียโรวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในไม่ช้านางก็กลั้นใจสำเร็จแล้วพูดด้วยใบหน้าอันสื่อตรง “หายากมากเลยนะ ที่เจ้าจะพูดแบบนี้”
ลั่วอู๋หัวเราะและไม่พูดอะไรอีก
“เหวินเสี่ยว พวกเรากลับก่อนเถอะ” ลั่วอู๋ ร้องเรียก
เหวินเสี่ยวตื่นขึ้นมาจากความฝัน กระโดดลงจากลำต้นของต้นไม้ ด้วยท่าทางที่เหม่อลอย “เอาล่ะ กลับกันเถอะ”
“ไม่ต้องกังวลไป มันอาจจะมีวิธีอื่นอีกที่จะขอให้ภูตไหยอมช่วยเจ้า หรือบางทีอาจมีคนอื่นที่สามารถรักษาสัตว์วิญญาณที่เฝ้าราชวังเป่ยหมิง ของทะเลเหนือสุดขอบได้ก็ได้” ลั่วอู๋พยายามพูดให้เขาสบายใจ
มันเป็นคำปลอบใจที่อ่อนแอ แต่ลั่วอู๋ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาแล้ว
เหวินเสี่ยวต้องการที่จะฆ่าเขาเพื่อทำให้ภูตไหพอใจไหม?
พวกเขาต่างรู้ดีว่า ถ้าหากยังมีคนอื่นที่สามารถรักษามันได้ เหวินเสี่ยวคงไม่จำเป็นจะต้องมาตามหาภูตไหแบบนี้
แม้ว่าไหปีศาจจะลึกลับและทรงพลัง แต่ลั่วอู๋ก็ยังไม่สามารถควบคุมมันได้โดยสมบูรณ์
และจนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่มีความสามารถในการรักษาปรากฏขึ้นมาเลย
อีกทั้งเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีความสามารถแบบนั้นรึเปล่า
ทั้งสามกลับไปที่สำนักเฉียนหลงผ่านช่องว่างห้วงมิติ
รองประธานหลี่หวู่หยวน มองไปที่พวกเขาอย่างสงสัย เขารู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งสามคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เมื่อพวกเขากลับมาถึงสำนักเฉียนหลง หลี่วู่หยวนกลับไม่เห็นว่ามีใครอยู่ในสภาพจิตใจที่เป็นปกติเลยสักคน
องค์หญิงเจียโรวได้แต่ถอนหายใจ “ข้ารู้สึกเสียใจแทนเขาจริง ๆ”
“อืม”
“เจ้าเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่เหรอ ? เจ้าช่วยเขาไม่ได้งั้นหรือ?”
“ถ้าข้าช่วยได้ เขาก็คงไม่ต้องมาตามหาภูตไหแล้วล่ะ” ลั่วอู๋หัวเราะอย่างขมขื่น
หลี่หยินที่ไปยังนรกมนตรานั้นยังไม่กลับมา
ส่วนองค์หญิงเจียโรวก็เดินจากไป เนื่องจากเมื่อไม่มี หลี่หยิน นางก็รู้สึกอายที่จะต้องอยู่สองต่อสองในบ้านพักเดียวกับลั่วอู๋
หลังจากการฝึกอบรมมิติในครั้งนี้ นางก็ได้รับสัตว์นรกพิษห้าสีมาเป็นสัตว์วิญญาณตัวที่สามของนาง ทำให้ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก จากนั้นนางก็พยายามฝึกฝนอย่างหนัก โดยมุ่งมั่นที่จะได้ครองอันดับสูง ๆ ในรายชื่อของสำนักเฉียนหลง
ลั่วอู๋เดินกลับไปที่บ้านพัก โดยยืนยันซ้ำสองว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านพัก ในที่สุดเขาก็กลับเข้าไปที่ห้องของเขา และเข้าสู่มิติไหด้วยความตื่นเต้น
เขาไม่ได้ให้ความสนใจ พืชและดอกไม้มีพิษที่ได้มา และเขาก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับสัตว์วิญญาณที่ได้มาจากหุบเขามรณะ ซึ่งถูกกักขังเอาไว้ในมิติไห
เพราะเขามีสิ่งสำคัญอย่างอื่นที่ต้องตรวจสอบ
ตวนซีมาอยู่ตรงหน้าเขา ดวงตาสีฟ้าของมันเบิกโพลนอย่างซุกซนกระโดดไปมาอย่างมีชีวิตชีวาและน่ารัก
“ เจ้าจำรูปร่างของภูตไหได้ไหม?” ลั่วอู๋ถาม
ตวนซีพยักหน้า
“ ลองเปลี่ยนเป็นเขาดูสิ ?”
เสียงของลั่วอู๋สั่นอย่างควบคุมไม่ได้
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถปราบภูตไหได้ แต่เขาก็สามารถปัดหมอกสีขาวที่ปกปิดอีกฝ่ายอยู่ได้สำเร็จและปล่อยลมปราณของอีกฝ่ายให้ถูกเปิดเผยออกมา
สิ่งนี้สำคัญมาก
เนื่องจากทักษะของตวนซี ทักษะระดับ SSS [เปลี่ยนแปลงพัฒนา] จำเป็นจะต้องจดจำรูปลักษณ์ของร่างกายและลมปราณของอีกฝ่ายให้ได้ มิฉะนั้นจะลอกเลียนมาได้ไม่สำเร็จ
แต่ภูตไหนั้นไม่ใช่สัตว์วิญญาณธรรมดา ๆ ลั่วอู๋จึงไม่แน่ใจว่าตวนซี จะสามารถแปลงร่างเป็นเขาได้สำเร็จหรือไม่
ร่างกายของ ตวนซี บานสะพรั่งเป็นสีขาวพราว จากนั้นในไม่ช้าร่างกายของ ตวนซี ก็บิดเบี้ยวและกลายเป็นชายชราที่มีผมและหนวดสีขาว
ลั่วอู๋ไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นของเขาได้ ผลลัพธ์นั้นคือมันประสบความสำเร็จ
มิติไหทั้งใบดูเหมือนจะถูกปรับโฉมใหม่โดยสิ้นเชิง ไหปีศาจปล่อยพลังวิญญาณอันลึกลับออกมาดูเหมือนว่าจะพร้อมที่จะผสมผสานรวมกับตวนซี
มันควรจะเป็นกระบวนการของการผสมผสานระหว่างสัตว์วิญญาณและวัตถุวิญญาณ
แต่ทว่า ตวนซีกลับยืนอยู่ที่เดิมด้วยความสับสน
การหลอมรวมล้มเหลว
“ ข้าควรจะทำยังไงดี?”
ลั่วอู๋เองก็สับสน แต่ในไม่ช้าเขาก็นึกถึงกุญแจสำคัญของปัญหาออก ด้วยรอยยิ้มที่ทำอะไรไม่ถูก
ตวนซี นั้นมีพลังของ ภูตไห แต่มันไม่รู้ว่าจะใช้พลังนั้นอย่างไรดี เพราะมันไม่สามารถรับความทรงจำของภูตไหมาด้วย
พลังของภูตไหนั้นแตกต่างจากสัตว์วิญญาณปกติโดยสิ้นเชิง
“ไม่มีทางน่า”
หลังจากที่ลั่วอู๋ได้รับรู้ประเมินอย่างรอบคอบ เขาก็สามารถยอมรับความเป็นจริงนี้ได้อย่างไม่เต็มใจ
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับมาเลย เพราะด้วยการมีอยู่ของ “ภูตไห” ตอนนี้ ลั่วอู๋ จึงสามารถนำคนที่มีชีวิตเข้ามาสู่มิติไหได้แล้ว
นี่เป็นการเก็บเกี่ยวที่สำคัญมาก
“มันคุ้มค่าแล้ว” ลั่วอู๋คิด
อย่างน้อยเขาก็ไม่ขาดทุน
ความจริงที่ว่าตอนนี้เขาสามารถรวบรวมผู้คนที่ยังมีชีวิตเข้าสู่มิติไหได้ ก็หมายความว่า ลั่วอู๋สามารถเดินไปรอบ ๆ พร้อมกับกองทัพและใช้กลยุทธ์การต่อสู้ด้วยจำนวนที่มากขึ้นได้
แต่แน่นอนว่าตอนนี้ลั่วอู๋ยังไม่มีกองทัพ
ลั่วอู๋รู้สึกลังเลเล็กน้อย
คราวนี้เขาได้ตายลงและสูญเสียทักษะการคืนชีพที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวไป อีกทั้งยังได้ใช้หินทะลวงมิติอันมีค่า เช่นเดียวกับหนี้ของผู้บัญชาการหลิงหลง
ดังนั้นลั่วอู๋จึงจมอยู่ในกระแสห้วงความคิดอีกครั้ง และในที่สุดเขาก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
แม้ว่าจะไม่มีการผสานหลอมรวมอย่างแท้จริงเกิดขึ้น แต่ด้วยที่ภูตไหได้ปรากฏตัวขึ้นในมิติไห
มันก็ทำให้ไหปีศาจได้รับความแข็งแกร่งกลับคืนมามาก ถึงจะยังไม่สมบูรณ์ก็ตาม
ตวนซีนั้นยังไม่รู้วิธีใช้พลังของภูตไห แต่ลั่วอู๋ก็สามารถยืมพลังของภูตไหมาได้เพียงเล็กน้อยโดยการใช้ไหปีศาจ
เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ ลั่วอู๋ ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ ในพลังของภูตไห แต่มันก็เป็นพลังที่ทรงพลังมากเช่นกัน
พลังนี้สามารถช่วยให้ไหปีศาจปลดผนึกความสามารถใหม่ขึ้นมาได้
ชำระล้างบาป!
สาเหตุที่สัตว์นรกพิษห้าสีของหยีเทียนเฉิน สามารถล้างตราพันธสัญญาเก่าของเจ้านายคนเก่าออกไปได้ และตัดร่องรอยของพันธสัญญา รวมถึงฟื้นฟูรูปลักษณ์ดั้งเดิมกลับมา จนสามารถไปทำพันธสัญญากับผู้อื่นได้โดยสมัครใจ
มันเพราะพลังของความสามารถนี้
พลังแห่งการ ชำระล้างบาป