ไหปีศาจ - บทที่ 409 ข้าต้องการให้เจ้าตาย
บทที่ 409 ข้าต้องการให้เจ้าตาย
บทที่ 409
ข้าต้องการให้เจ้าตาย
“เจ้าเป็นใครกัน?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้เหวินเสี่ยวก็หัวเราะอย่างกวนประสาทและโวยวายอย่างรุนแรง “ฮ่า ฮ่า มีเหวินเสี่ยวเพียงคนเดียวในโลกนั่นคือข้า”
ความมืดรอบตัวเขาหลั่งไหลวงเวียนไปมาราวกับว่ามันมีชีวิตหมุน มันวนรอบกายของเขาซึมขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นข้างหลังของเขาก็ปรากฏให้เห็นเงาของเทพตกสวรรค์
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
คำพูดของเหวินเสี่ยวทำให้เขาสับสน
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แปลกเกินไป มันยากเกินไปที่อีกฝ่ายจะแสร้งทำเป็นเหมือนเมื่อก่อนงั้นเหรอ ? มันไม่ถูกต้องเลย หากเป็นตัวปลอมหรือคนอื่นแล้วละก็ อีกฝ่ายก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องตกใจเกี่ยวกับภูตปีกแสง
“อืม ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้าจะจับเจ้าเอาไว้ก่อน” ลั่วอู๋ตะคอกอย่างเย็นชา
การผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณถูกใช้ออกมาในชั่วพริบตา เงาของสัตว์วิญญาณทั้งสาม สุนัขยักษ์สีเงิน ผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะ และภูตสงครามปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ พลังวิญญาณอันทรงพลัง พลุ่งพล่านอย่างดุเดือดในเส้นวงจรพลังวิญญาณของเขา
“เข้ามาสิ” ดวงตาของเหวินเสี่ยวฉายแววบ้าคลั่ง “ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ในวันนี้”
มือและนิ้วทั้งสิบของเหวินเสี่ยวประสานกัน ทันใดนั้นพลังวิญญาณแห่งความมืดก็ไหลมาบรรจบกันและแล้วทักษะ “ราตรีนิรันดร์” ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง
นี่คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา
เป็นทักษะที่รุนแรงระดับที่ว่า ขนาดผู้ใช้พลังวิญญาณในมิติวิญญาณกันนั้น ยังมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถรับมือกับมันได้
โชคไม่ดีที่ศัตรูของเขาคือลั่วอู๋
เพราะตอนนี้ระดับของลั่วอู๋นั้นถือว่าความแข็งแกร่งมาก
การที่ผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะที่ออกมาจากรังไหม ทำให้เขามีอัตราเชี่ยวชาญทักษะระดับ SS อย่างมิติเวทมนตร์ ของมันขึ้นมามากและ ตวนซีเองก็ได้ถูกยกระดับมิติวิญญาณขึ้นไปถึงระดับทองขั้นสูงแล้ว อีกทั้งมันยังได้จดจำสัตว์วิญญาณระดับเพชร ไว้ถึงห้าชนิด
มีเพียงไม่กี่คนที่ควรค่าแก่การสนใจของลั่วอู๋ และเหวินเสี่ยวไม่ใช่หนึ่งในนั้น
“ความมืดนี่อีกแล้วสินะ ข้ากลืนกินมันให้หมดเลย”
ทักษะ [กลืนกินสวรรค์] ถูกใช้งาน
ลมปราณของลั่วอู๋เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เงาของสุนัขยักษ์สีเงินข้างหลังเขาเริ่มสว่างขึ้น และพลังวิญญาณอันน่ากลัวที่พร้อมดูดทุกสรรพสิ่งเข้าไปก็ก่อตัวขึ้น
พลังวิญญาณความมืดของเหวินเสี่ยวเพิ่มขึ้นเหมือนคลื่นที่ทำให้คนที่เห็นรู้สึกไร้พลังที่จะรองรับ ราวกับเป็นเรือในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
คลื่นกำลังซัดเข้ามา เป็นกระแสน้ำสีดำทะมึนพลุ่งพล่านไปทั่ว ราวกับว่าความมืดนี้สามารถปกคลุมโลกได้ทั้งใบ
แต่แน่นอนว่าลั่วอู๋ไม่กลัวภาพตรงหน้าทั้งหมดนี้
พลังวิญญาณแห่งการกลืนกลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ แม้พลังวิญญาณความมืดของอีกฝ่ายจะพุ่งสูงขึ้นเหมือนกระแสน้ำ แต่พวกมันทั้งหมดก็ถูกดูดไหลเข้าไปในหลุมที่ไม่มีก้นบึ้งและหายไป
พลังวิญญาณของเหวินเสี่ยวหมดลงอย่างรวดเร็ว เขาไม่สามารถจัดการกับลั่วอู๋ได้ ลั่วอู๋นั้นไม่สามารถคาดเดาท่าทีได้และพลังวิญญาณของเขาก็เพิ่มกลับมาอย่างราบรื่น
มิติวิญญาณของต้าหวง ผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะและ ตวนซี ต่างก็สูงกว่าสัตว์วิญญาณทั้งสามของเหวินเสี่ยว เมื่อใช้การผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณ พลังวิญญาณทั้งหมดของ ลั่วอู๋ จึงเหนือกว่าเหวินเสี่ยวโดยธรรมชาติ
[ราตรีนิรันดร์] นั้นเป็นทักษะที่จัดการรับมือได้ยากมาก แต่การตอบสนองของ ลั่วอู๋ นั้นเรียบง่ายและมั่นคง นั่นคือการบดขยี้คู่ต่อสู้ของเขาด้วยมิติวิญญาณที่สูงส่งกว่า
อีกฝ่ายใช้พลังวิญญาณความมืดโถมเข้ามาใส่เขาเท่าไหร่ เขาก็กลืนกินพลังวิญญาณความมืดเข้าไปมากเท่านั้น
ดวงตาของเหวินเสี่ยวฉายแววตาแห่งความบ้าคลั่ง แม้จะต้องสูญเสียพลังวิญญาณไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่สามารถหยุดได้ เพราะถ้าหากหยุดแล้วละก็เป้าหมายต่อไปที่จะถูกกลืนกินก็คือเขา
“ ข้าไม่ยอมรับหรอก ทำไมกันถึงเป็นแบบนี้?” เหวินเสี่ยวคำราม
ในช่วงเริ่มต้นของการทดสอบการต่อสู้จริง เขาสามารถปราบปรามลั่วอู๋และจินฉันได้ด้วยตัวคนคน เดียว อีกทั้งยังเกือบจะฆ่าทั้งคู่ได้ แต่ตอนนี้เขากลับถูกลั่วอู๋ปราบปรามอย่างต่อเนื่อง
ด้วยความโกรธของเหวินเสี่ยว พลังวิญญาณความมืดจึงรุนแรงมากขึ้น พลังทำลายล้างของมันจึงเพิ่มขึ้นมาก เหมือนกับเหล่าปีศาจนับไม่ถ้วนที่อยู่ในนรกมนตรา
แต่ลั่วอู๋ยังคงไม่เคลื่อนไหว เขายังคงสงบนิ่ง
ท้ายที่สุดความมืดก็ไม่อาจปกคลุมเขาได้อีก
หน้าผากของเหวินเสี่ยวเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ร่างกายของเขาสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ขาของเขาหมดแรงและล้มลงไปที่พื้น
ร่างกายเขาอ่อนเพลีย
ลั่วอู๋ถอนหายใจ
นี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขาดื้อรั้นในการฝืนใช้ทักษะ กลืนกินสวรรค์ ดูเหมือนว่าระดับความเชี่ยวชาญของเขาในทักษะนี้จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 37%
ลั่วอู๋เดินเข้าไปหาอีกฝ่าย “บอกข้ามาสิ ว่าเจ้าเป็นใคร”
“ข้าคือเหวินเสี่ยว” เหวินเสี่ยวเหนื่อยมาก แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงแสดงถึงการไม่ยอมแพ้
ลั่วอู๋มองดูเขาอย่างระมัดระวังเป็นเวลานาน “หืม เหวินเสี่ยวเจ้าเป็นอะไรไปรึเปล่า? ถูกสิงอยู่งั้นเหรอ ?”
“ ไปให้พ้นนี่ข้าเป็นแบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว” เหวินเสี่ยวคำราม
มีแววสงสัยในดวงตาของลั่วอู๋
“ งั้นบอกข้าทีว่าเจ้าจะทำอะไร?” ถาม ลั่วอู๋
“ ฆ่าเจ้าไง”
“ฆ่าข้าเพื่ออะไร”
“ตราบใดที่ข้าฆ่าเจ้าได้ ภูตไหก็จะยอมรับคำขอของข้า”
ลั่วอู๋มองไปที่เหวินเสี่ยวอย่างประหลาดใจ มีเพียงผู้ที่ทรยศต่อตัวตนและโอบรับต่อความมืดเท่านั้นที่จะสามารถทำให้ภูตที่มีคุณสมบัติธาตุแสง กลายเป็นเทพตกสวรรค์ได้
ในเมื่อเขาได้ทรยศต่อหัวใจของเขา แล้วเหตุใดเขาจึงยังคงยืนหยัดที่จะช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์อยู่อีกล่ะ
“มองอะไร ? เจ้าคิดอะไรอยู่?” เหวินเสี่ยวคำรามจากนั้นพลังวิญญาณแห่งความมืดก็ดูเหมือนจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
ทว่าลั่วอู๋กลับทำเพียงแค่ตบเขา ซึ่งแค่นั้นก็ทำให้พลังวิญญาณที่เหลืออยู่ของเหวินเสี่ยวกระจัดกระจายออกไปได้แล้ว “นี่ขนาดเจ้าพ่ายแพ้หมดรูปแล้ว ยังคงกล้าทำตัวหยิ่งผยองอีกเหรอ?”
ร่างกายของเหวินเสี่ยวล้มลงตกเป็นร่างอัมพาตที่ไร้พลังอีกครั้ง
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า “เจ้ามีสองร่างรึเปล่า ? ข้าอยากจะคุยกับเจ้าดี ๆ ก่อน”
“หึ ไม่เลยเขาตายไปแล้ว” เหวินเสี่ยวอ้าปากค้าง “มี แต่ข้าเท่านั้นที่จะเป็นเหวินเสี่ยวในอนาคต”
“ไม่สิ มันดูไม่เหมือนมีสองร่าง นี่มันเหมือนคนหลายบุคลิกมากกว่า” ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะเดา “ไม่น่าแปลกใจที่ สัตว์วิญญาณของเขาอย่างภูตปีกแสงสามารถสลับไปมาระหว่าง ภูตปีกแสงกับเทพตกสวรรค์ได้”
เมื่อคิดถึงความจริงด้านนี้แล้วอีกบุคลิกหนึ่งก็ยังไม่น่าจะหายไป
ไม่สิ ตอนนี้เขาต้องจัดการกับเหวินเสี่ยวในร่างนี้ดูก่อน
“หากเป็นในกรณีนั้นแล้วละก็ นี่น่าจะเป็นวิธีเดียว”
ลั่วอู๋เรียกผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะออกมา
“ผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะ เจ้าได้เรียนรู้ทักษะใหม่มาแล้วใช่ไหมล่ะ ลองใช้กับเขาดูหน่อยสิ” ดวงตาของลั่วอู๋เปล่งประกายดั่งทองคำและพลังวิญญาณของเขาก็ดูเหมือนจะรวมตัวกันเป็นสสาร
ใช้งานทักษะ ควบคุมจิตใจ ระดับ s
พลังวิญญาณกลายเป็นเข็มเหมือนแทงตรงไปที่ทะเลจิตใต้สำนึกของเหวินเสี่ยว
เหวินเสี่ยวรู้สึกปวดหัวแทบแตก เขาพยายามต่อสู้กับความเจ็บปวดนั้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารของเขาจ้องมองไปที่ ลั่วอู๋ “ข้าจะฆ่าเจ้า”
ลั่วอู๋ประหลาดใจที่เหวินเสี่ยวยังคงมีพลังวิญญาณเหลืออยู่ และทักษะนี้ยังไม่สามารถทำให้จิตวิญญาณของเขาสั่นคลอนได้
“ไหนลองอีกครั้งสิ”
เขาใช้ทักษะ ควบคุมจิตใจอีกครั้ง.
โชคดีที่เหวินเสี่ยวเพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่ และความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณของเขาจึงได้หมดลง หลังจากการใช้ทักษะควบคุมจิตใจเป็นครั้งที่สอง จิตวิญญาณของเหวินเสี่ยวก็สั่นคลอน การแสดงออกของเขาเริ่มหมองลงเล็กน้อย
“เจ้าเป็นใคร?” ลั่วอู๋ ถาม
เหวินเสี่ยวพูดตอบ “ข้าชื่อ เหวินเสี่ยว”
“อืม ข้าจะถามเจ้าอีกคำถาม ทำไมเจ้าถึงเปลี่ยนไปมันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า” ลั่วอู๋ถาม
“ข้าควรจะทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แต่ความอ่อนแอภายในของข้าทำให้ข้าทำบางสิ่งได้อย่างจำกัด ดังนั้นข้าจึงแยกบุคลิกที่สองออกมา เพื่อพยายามทำให้ตัวเองมั่นคงและแข็งแกร่งด้วยวิธีนี้ แต่เพราะพลังวิญญาณอันเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของข้า ข้าจึงถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นบุคลิกที่ขี้ขลาด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้ามองหาโอกาสที่จะควบคุมร่างกายกลับคืนมา ในที่สุดบุคลิกที่สองของข้าก็พบกับความผิดหวัง และเลือกที่จะกลับไปเงียบงัน ปล่อยให้ข้ากลับมาควบคุมร่างกาย”
หลังจากฟังเรื่องเล่านี้หน้านี้ ลั่วอู๋ ก็รู้สึกสับสน
เหวินเสี่ยวเนี่ยนะขี้ขลาด?
ไม่มีทาง และเขาก็ไม่คิดว่าเหวินเสี่ยวจะมีปัญหาแบบนี้มาก่อนด้วย
แต่อีกฝ่ายในตอนนี้นั้นเป็นบุคลิกที่สอง ซึ่งแยกออกและเป็นตัวแทนของด้านมืด
ด้วยการที่เขาตกอยู่ภายใต้การควบคุมของทักษะวิญญาณ สิ่งที่เขาพูดนั้นย่อมเป็นความจริง เห็นได้ชัดว่า เหวินเสี่ยวเห็นด้วยกับคำพูดของตัวเองในอีกบุคลิก
เขาไม่กลัวคนไม่ดีทำสิ่งที่ไม่ดี แต่เขากลัวว่าคนเลวที่คิดว่า ตัวเองกำลังทำสิ่งที่ดีมากกว่า
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าจงปล่อยให้อีกบุคลิกของเจ้าออกมาซะ” ลั่วอู๋ออกคำสั่ง
ทันใดนั้นใบหน้าของเหวินเสี่ยวก็ปรากฏร่องรอยของการต่อสู้ ร่างกายของเขาเริ่มสั่นอย่างรุนแรง ราวกับเพิ่งได้รับการกระตุ้นเป็นอย่างมาก
ทักษะ ควบคุมจิตใจนั้นไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด
มันขึ้นอยู่กับระดับความต้านทานของอีกฝ่ายด้วย
หากเขาเพียงแค่สั่งให้อีกฝ่ายกะพริบตา เรื่องเล็กน้อยแบบนี้อีกฝ่ายย่อมไม่มีทางขัดขืนได้
อย่างไรก็ตามหากมีการออกคำสั่งเช่น “จงฆ่าตัวตายซะ” หัวใจของอีกฝ่ายย่อมพยายามที่จะต่อต้านซึ่งอาจทำให้ทักษะควบคุมจิตใจล้มเหลว
เหวินเสี่ยว นั้นเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณที่มีมิติวิญญาณอยู่ในระดับทอง หากแก่นวิญญาณของเขาต่อต้านความตาย การควบคุมจิตใจของลั่วอู๋ก็อาจจะทำให้อีกฝ่ายเสียสติ หรือส่งผลกระทบรุนแรงจากทักษะออกมาเท่านั้น
ซึ่งไม่ว่าในกรณีใดลั่วอู๋ก็ไม่ต้องการเห็นมัน
“นี่เป็นปัญหาซะแล้วสิ” ลั่วอู๋ปวดหัวแล้วจึงปล่อยใจ เหวินเสี่ยวไป
แต่แล้วเหวินเสี่ยวก็ตื่นขึ้นมาและจ้องมองไปที่ลั่วอู๋ ” เจ้า เจ้าควบคุมจิตใจข้า”
“มาพูดคุยเกี่ยวกับข้อตกลงกันดีกว่า” ลั่วอู๋กล่าวอย่างเรียบ ๆ
“ฝันไปเถอะ ข้าจะไม่ตกลงกับเจ้าไม่ว่าเจ้าจะมีเงื่อนไขอะไรก็ตาม ข้าแค่อยากจะฆ่าเจ้า”
“ ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการจะทำอะไร เจ้าต้องการช่วยสัตว์วิญญาณใช่ไหมล่ะ ? ข้าอาจจะช่วยเจ้าไหวก็ได้นะ”
“ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไรกัน ?”
ลั่วอู๋ยักไหล่ “เจ้าไม่มีทางเลือก เจ้าไม่สามารถเอาชนะข้าได้ ถ้าเจ้าคิดจะฆ่าข้าด้วยกำลัง เจ้าก็จะถูกข้าสวนกลับและฆ่าเจ้า และถ้าเจ้าตายเจ้าก็จะไม่ได้อะไรเลย”
“เจ้าต้องการอะไร?” เหวินเสี่ยวถามด้วยเสียงเข้ม
“มันง่ายมาก ข้าอยากให้เจ้าทำลายตัวเอง ปล่อยให้อีกบุคลิกควบคุมร่างกาย เจ้าทำได้ใช่ไหม?”
“ได้! ข้าสัญญา”
เหวินเสี่ยวไม่ลังเลและตกลงในทันที