ไหปีศาจ - บทที่ 413 เหล่าผู้ที่ได้เข้าสู่มิติไห
บทที่ 413 เหล่าผู้ที่ได้เข้าสู่มิติไห
บทที่ 413
เหล่าผู้ที่ได้เข้าสู่มิติไห
เมื่อกลับมาถึงบ้านพักลั่วอู๋ก็เปิดช่องว่างมิติสู่นรกมนตราอีกครั้ง
มันผ่านมาครึ่งปีแล้ว ถึงเวลาที่เขาควรจะเก็บเกี่ยว
ชาวแซครักษาสัญญาของพวกเขา ตามที่คาดไว้ มีอุปกรณ์จัดเก็บขนาดใหญ่ถูกส่งมาจากช่องห้วงมิติ ซึ่งข้างในเป็นแร่วิญญาณหลากหลายชนิดอย่างไม่ต้องสงสัย
ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันล้วนยังเป็นแร่วิญญาณที่มีค่ามาก ถ้ามันไม่สามารถนำมาขายได้ในราคาที่ดี ชาว แซคคงก็ไม่กล้าเสียเวลาส่งต่อมันมาให้เขาแน่
ลั่วอู๋ส่งอาหารมากมายกลับไป
อาหารและกับแร่วิญญาณ สำหรับเขามันเป็นกำไรมหาศาล
อย่างไรก็ตามชาวแซคนั้นได้ส่งจดหมาย ระบุไว้คร่าวๆว่าอาวุธหลายชิ้นได้รับความเสียหายอย่างหนัก และแซคบางคนได้รับบาดเจ็บระหว่างการขุดหาแร่วิญญาณ พวกเขาจึงต้องการยาและแปลนอาวุธวิญญาณ
ยาและอาวุธนั้นเป็นอะไรที่เขาสามารถให้ได้
แต่ลั่วอู๋จะไม่ให้แปลนอาวุธวิญญาณกับพวกเขาแน่
แม้ว่านรกมนตราจะแห้งแล้ง แต่ก็มีแร่มากมายที่ฝังอยู่ลึกลงไปในภูเขา หากพวกเขาสามารถหลอมอาวุธวิญญาณได้ด้วยตัวเอง
มันจะต้องไม่ดีแน่ เขาควรจะจำกัดเรื่องนี้ไว้
ชาวแซคนั้นเกลียดมนุษย์มาก ลั่วอู๋จึงไม่ต้องการให้พวกเขาหลุดจากการควบคุม แม้พวกเขาจะอ่อนแอมากในตอนนี้ แต่ใครจะไปรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
นอกจากนี้หยู่เฮาก็ยังไม่กลับมา
มันเป็นสัญญาณอันตรายมาก
การหายตัวไปถึงครึ่งปีนั้นมีความเสี่ยงสูงมาก ต่อการดูดซึมพลังวิญญาณชั่วร้าย หากอยู่ในนรกมนตราเป็นเวลานาน
โชคยังดีที่ตราบใดที่เขายังมีมิติวิญญาณต่ำกว่าระดับทองขั้นสูง มิติ 5 เขาก็จะไม่ดึงดูดความสนใจของปรมาจารย์ปีศาจแห่งนรกมนตราทั้งเก้า
2-3 วันต่อมา
ถึงเวลาแล้วที่ประตูของสำนักเฉียนหลงกำลังจะเปิดขึ้นอีกครั้ง ตามรอบกำหนดการทุกๆหกเดือน
คราวนี้ ฉูจงฉวนสามารถกลับคฤหาสน์ตระกูลฉูได้อย่างสบายใจ
ส่วนลั่วอู๋ก็พานำหลี่หยินกลับไปที่สำนักโล่พิทักษ์ สาขาเมืองหลวงของจักรวรรดิ แม้ว่าขนาดของร้านจะยังเล็ก แต่ธุรกิจก็ดีมากและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
ที่สำคัญที่สุดคือสำนักโล่พิทักษ์ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับร้านค้ารายใหญ่ต่าง ๆ และมีชื่อเสียงที่ดี ปกติแล้วร้านค้าใหม่ ๆ มักจะประสบปัญหาหลายอย่าง แต่สำนักโล่พิทักษ์นั้นสามารถเลี่ยงปัญหาเหล่านั้นมาได้
“นายน้อย” ผู้คนในสำนักโล่พิทักษ์ต้อนรับลั่วอู๋กลับมาอย่างอบอุ่น
ลั่วอู๋ ได้แร่วิญญาณจำนวนมากกลับมาจากนรกมนตรา “ข้าขอส่งมอบแร่พวกนี้ให้พวกเจ้าจัดการ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความสูญเสียหรือขาดทุน เพราะฉะนั้นพวกเจ้าสามารถทำธุรกิจได้อย่างกล้าหาญและมั่นใจได้ตามสะดวกเลย”
เสี่ยวชา และ อาฟู มีความสุขมาก
พวกเขามีความสุขที่มีเจ้านายแบบนี้ ที่ให้โอกาสพวกเขาได้ทำธุรกิจอย่างมั่นใจ
หลายคนไม่มีความสามารถพอที่จะนำไปสู่การประสบความสำเร็จ เพราะพวกเขาไม่อาจรับผลที่ตามมาของความล้มเหลวได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าลองเสี่ยง แต่สำนักโล่พิทักษ์ ไม่มีข้อบกพร่องเช่นนั้น
เมื่อ เสี่ยวชา เปิดกล่องอุปกรณ์เก็บของเขาก็ต้องตกใจ นายน้อยมีแร่วิญญาณหายากมากมายขนาดนี้เลยงั้นเหรอ? นายน้อยไม่ได้ปล้นโกดังของคฤหาสน์ชวนเทียนมาใช่ไหม?”
“ แล้ววงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สีเป็นยังไงบ้าง?” ลั่วอู๋ ถาม
เสี่ยวชาตอบด้วยรอยยิ้ม “เดิมทีพวกเราตั้งราคาไว้ที่ห้าล้านหินวิญญาณ แต่ไม่มีใครอยากจะซื้อ โชคดีที่มีผู้ดูแลคฤหาสน์ขององค์ชายมาซื้อมันไป ว่ากันว่าในงานเลี้ยงขององค์ชายเล็ก ได้มีการแสดงผลของวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สี ทำให้เกิดความตกใจเป็นอย่างมากในหมู่ฝูงชน หลังจากนั้นวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สีที่เหลือก็ถูกซื้อไปหมดในทันที ด้วยราคามากกว่าสิบล้านหินวิญญาณ แม้แต่องค์ชายและขุนนางหลายคนก็เรียกร้องให้เราผลิตวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สีเพิ่มมาให้เร็วกว่านี้ ”
“คฤหาสน์องค์ชาย?” ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
หากให้กล่าวตามจริงเขาไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์ขององค์ชาย
“ใช่แล้ว ผู้ดูแลของคฤหาสน์ขององค์ชายเองก็แสดงความปรารถนาที่อยากจะสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสำนักโล่พิทักษ์ของเราด้วย” เสี่ยวชา รู้สึกตื่นเต้น
หากพูดถึงคฤหาสน์ขององค์ชาย
อำนาจขององค์ชายเล็กในโลกธุรกิจนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าคฤหาสน์ชวนเทียนเลย หากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีไว้กับพวกเขา สำนักโล่พิทักษ์ก็จะสามารถตั้งหลักได้อย่างมั่นคงในเมืองหลวงของจักรวรรดิ
เสี่ยวชาถาม “นายน้อย พวกเราควรจะติดต่อพวกเขากลับไปไหม?”
“เดี๋ยวก่อน” ลั่วอู๋กล่าวเบา ๆ
“หืม?”
“รอไปก่อน อย่ารุกรานหรือเข้าใกล้ ดูการเปลี่ยนแปลงไปก่อน”
“รับทราบ” เสี่ยวชาเห็นด้วย
เนื่องจากในเวลาที่นายน้อยกล่าวเช่นนี้ ย่อมแสดงว่าต้องมีเหตุผลบางอย่างเสมอ
“เมื่อเร็ว ๆ นี้มีอะไรผิดปกติกับธุรกิจของร้านหรือไม่?” ลั่วอู๋ ถาม
เสี่ยวชา กล่าวอย่างรีบร้อน “ไม่มีปัญหาเลย ธุรกิจไปได้ดี สินค้าบางอย่างที่ขาดตลาดก็สามารถไปซื้อกับร้านค้าอื่นมาได้ ซึ่งก็ได้ตกลงมาในราคาที่ค่อนข้างต่ำมาก”
ลั่วอู๋เปิดดูหนังสือบัญชี
ธุรกิจไม่ได้แค่ดำเนินไปอย่างราบรื่น เพราะนอกจากรายได้จากรองเท้าเหินฟ้าแล้ว สำนักโล่พิทักษ์นั้นมีกำไรสุทธิเกือบสิบล้านหินวิญญาณในทุก ๆ เดือน ตามที่คาดไว้ร้านของพวกเขายังคงสามารถทำเงินได้แม้จะอยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ
“พวกเรามีแผนที่จะซื้อที่โดยรอบและขยายขนาดร้านค้าของเรา” “ โดยจะเริ่มในเดือนหน้า” เสี่ยวชากล่าว
“อืม เจ้าตัดสินใจเองได้เลย” ลั่วอู๋ให้พวกเขามีอิสระในการตัดสินใจเรื่องแบบนี้เสมอ
ขณะเดียวกันคฤหาสน์ชวนเทียน ก็เข้ามาด้วย
หวังฉี เดินเข้ามาพร้อมกับ เซาฉาง
“น้องลั่ว เจ้าทำให้ข้าต้องรอเจ้าจริงๆ” หวังฉียังหัวเราะได้ดีเช่นเคย
ลั่วอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านหวังฉีกังวลมากไป ข้าเพิ่งกลับมาเองนะ”
“ข้าต้องกังวลอยู่แล้วสิ เจ้าไม่รู้หรอกว่าร้านค้ารายใหญ่ต่างก็บ้าคลั่ง ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างมองหารองเท้าบูตเหินฟ้าทั่วทุกหนทุก ตลาดแทบไม่ได้เงียบสงบเลย มันเป็นที่นิยมมากขึ้น เรื่อย ๆ รู้ไหมว่าตอนนี้รองเท้าเหินฟ้าธรรมดา ๆ คู่หนึ่งน่ะ ขายได้เกือบ 1 ล้าน 6 แสน หินวิญญาณในตลาดมืด ”
ราคาขายส่งของ ลั่วอู๋ นั้นไม่เกิน 5,000 และราคาของร้านค้าหลัก ๆ ต่างก็อยู่ที่ประมาณ 8 หมื่อ 9 พัน แต่เนื่องจากรองเท้าเหินฟ้านั้นหาได้ยาก ราคามันจึงเพิ่มขึ้นกว่า 7แสน
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าราคาในตลาดมืดจะดุเดือดได้ถึงขนาดนั้น
“ไม่ต้องห่วง ข้าพร้อมแล้วสำหรับการจัดทำรองเท้าเหินฟ้า แต่คราวนี้ข้าจะขอขึ้นราคา” ลั่วอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในเวลาว่างเขามักจะสังเคราะห์รองเท้าเหินฟ้า เพราะวัตถุดิบนั้นไม่ได้หายาก ตอนนี้เขาจึงได้ทำมันเอาไว้จำนวนหนึ่งแล้ว
“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา” หลังจากนั้น เซาฉาง และ หวังฉี ก็ได้ตกลงกันอย่างเร่งรีบ
นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ ร้านค้ารายใหญ่ต่าง ๆ นั้นกำลังรีบ
จากนั้นลั่วอู๋ก็เดินทางออกจากสำนักโล่พิทักษ์ไปตามลำพัง เขาออกจากเมืองหลวงของจักรวรรดิ โดยให้ตวนซี กลายเป็นม้าผีและวิ่งตรงไปที่มณฑลหมิงหนาน
แน่นอนว่าไปที่มณฑลหมิงหนานครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อไปพบ ฉูจงฉวน หรือเพื่อรำลึกถึงอดีตแต่อย่างใด แต่เพื่อไปจัดการงานของสำนักโล่พิทักษ์ที่นั่น
ตอนนี้สำนักโล่พิทักษ์ มีผู้ดูแลร้านเป็นพนักงานเก่าที่มีชื่อว่าหลี่ฉวน เขาเป็นหนึ่งในพนักงานที่ชุดแรก ๆ ของสำนักโล่พิทักษ์
“อย่าเสียงดังล่ะ ข้ามาหาไร้หน้า” การเดินทางของลั่วอู๋เป็นเรื่องที่สำคัญมากและไม่ต้องการให้คนนอกรู้จัก
หลี่ฉวนตอบด้วยอารมณ์ตื่นเต้นพลางรีบพยักหน้า “ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจขอรับ”
ไร้หน้า และพรรคพวกของเขานั้นยังคงอยู่ในสำนักโล่พิทักษ์ สาขามณฑลหมิงหนาน
ลั่วอู๋เข้าไปใน “สำนักงานรักษาความปลอดภัย” จากนั้นไร้หน้าปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาปรากฏขึ้นมาราวกับผีวิญญาณร้าย เห็นได้ชัดว่าวิธีการหลบหนีของเขานั้นยอดเยี่ยมขึ้นมาก และความเร็วในการปรากฏตัวก็เร็วจนถึงขั้นที่ยากจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ไร้หน้าไม่ได้มีแค่วิชาของมือสังหาร เนื่องจาก หลงเซี่ย อาจารย์ของเขานั้นได้ผ่านการต่อสู้อย่างทรหดและดุเดือดมามากและถ่ายทอดวิชาเหล่านั้นลงมาให้ไร้หน้า
เพียงแค่เขาแทบไม่มีโอกาสที่จะได้ลงมือ และไม่มีที่ใดที่เขาจะได้แสดงพลังในการต่อสู้อันแข็งแกร่งของเขาออกมา
“นายน้อยขอรับ” คุกเข่าบนเข่าข้างหนึ่ง
ลั่วอู๋พยักหน้า “พาข้าไปดูเด็ก ๆ สิ”
แม้พวกเขาทั้งหมดยังเด็ก แต่ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง
ความแข็งแกร่งของพวกเขาอย่างน้อยก็อยู่ในระดับของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน ส่วนกู่ฉวน ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นได้มาถึงระดับสุดขอบของมิติวิญญาณระดับเงินแล้ว อีกครึ่งก้าวเขาก็น่าจะสามารถทะลุถึงระดับทองได้
แน่นอนว่าพวกเขาล้วนเลือกเส้นทางแห่งศิลปะการต่อสู้โบราณ พวกเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณ
“พวกเจ้าทุกคนควรจำข้าได้ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าอาจจะไม่ได้ภักดีกับข้ามากนัก เพราะพวกเราไม่ค่อยได้ติดต่อกัน” ลั่วอู๋ กล่าวด้วยเสียงดัง
พวกวัยรุ่นมองหน้ากัน
“พวกเจ้าทุกคนต่างมีโอกาสที่จะเป็นคนที่ดีแข็งแกร่งที่สุดได้ แต่ข้าจะมอบรางวัลให้กับคนที่ภักดีที่สุดเท่านั้น” ลั่วอู๋กล่าวอย่างเงียบ ๆ
การแสดงออกอันตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหล่าวัยรุ่น
พวกเขาต่างเข้ามาที่นี่ได้ หลังจากผ่านการคัดกรอง
พวกเขาล้วนเป็นที่เกลียดชัง และต้องอับอายมากก่อน พวกเขาต่างเคยยากจน และหวังว่าจะได้เปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกเขา พวกเขาจึงกระตือรือร้นที่จะแข็งแกร่ง
“ พวกเจ้าสามารถเลือกที่จะจากไปได้ตามอิสระ แต่ถ้าใครที่เลือกหักหลังข้า ข้าจะปล่อยให้เขาตายอย่างอนาถ เข้าใจไหม?” ลั่วอู๋พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ในใจของวัยรุ่นทุกคนต่างก็เลือกที่จะอยู่ต่อไป
“ดีมาก” ด้วยการโบกมือของ ลั่วอู๋ แรงดูดมหาศาลก็เกิดขึ้น
“ยินดีด้วย บัดนี้พวกเจ้าทุกคนได้กลายเป็นแขกกลุ่มแรกที่มีชีวิตในมิติไหแล้ว”
เหล่าวัยรุ่นทั้งหมดถูกนำเข้าสู่มิติไห
หลังจากนี้มิติไห จะเป็นฐานทัพของพวกเขา