ไหปีศาจ - บทที่ 419 บุกค่าย
บทที่ 419 บุกค่าย
บทที่ 419
บุกค่าย
เมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนท่าปลิดชีพของหวังเฉิงฮ่วย ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็ปรากฏตัวต่อหน้ากู่ฉวนแล้วตบฝ่ามือเบา ๆ
ตู้ม
หวังเฉิงฮ่วยถูกกระแทกกลับไปหลายก้าว
เขาประหลาดใจ “เจ้านี่มาจากไหนกัน? ทั้ง ๆ ที่ดูเด็กมากแต่พละกำลังของเขาแข็งแกร่งจนทำให้ข้ากระเด็นกลับได้”
ลั่วอู๋ตามมาเรื่อย ๆ จนเจอตัว
เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ วัยรุ่นเหล่านี้ถึงมาที่แหล่งมรดกทางทหารโบราณ หรือทำไมพวกเขาถึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับกองทัพได้
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องช่วยชีวิตพวกเขาก่อน
เด็กเหล่านี้ล้วนยังอ่อนหัด แต่พวกเขาก็คือกำลังในอนาคตของลั่วอู๋
เมื่อมองไปที่เหตุการณ์ตรงหน้า พวกวัยรุ่นก็อดไม่ได้ที่จะกลัวและพูดว่า “นายน้อย…”
“ยังคิดว่าข้าเป็นนายน้อยอยู่อีกหรือ?” ลั่วอู๋โกรธ “ไปโดยไม่บอกลา หนีออกจากหุบเขามรณะ พวกเจ้าคิดจะทำอะไร? ก่อกบฏงั้นหรือ?”
“มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกขอรับ” กลุ่มวัยรุ่นทุกคนลุกลี้ลุกลน
ในขณะนั้น กู่ฉวนคุกเข่าลงและเช็ดเลือดที่ไหลออกจากปากและจมูกของเขา เขากล่าวอย่างนอบน้อมว่า “นายน้อยทั้งหมดนี้เป็นความคิดของข้าเอง ข้าจะรับผิดชอบทั้งหมด”
ลั่วอู๋เหลือบมองเขา “ฮึ่ม ไว้กลับไปค่อยสะสางบัญชีกับเจ้า ตอนนี้ทุกคนตามข้ามา”
กู่ฉวนตกใจและพยายามจะเถียงอะไรบางอย่าง แต่กลับกันหวังเฉิงฮ่วยรู้สึกขัดใจ “จะพูด ๆ แล้วไปเลยหรือ? คิดว่าอยู่ที่ไหนกัน”
ลั่วอู๋กวาดตาไปทั่ว สังเกตเห็นชุดเกราะของพวกเขาแล้วก็ทำหน้าบึ้ง
“แกต้องการอะไร?” ลั่วอู๋ถาม
หวังเฉิงฮ่วยเย้ยหยัน “ถ้าบุกเข้าไปในพื้นที่ฝึกทหาร ก็ต้องถูกฆ่าอยู่แล้วสิ”
สถานที่สำคัญในการฝึกซ้อมทางทหารคือสถานที่ที่กองทัพฝึกซ้อมจัดทัพ ซึ่งตามกฎหมายแล้วถือเป็นความผิดฐานบุกรุกสถานที่ฝึกซ้อมทางทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต
ลั่วอู่หรี่ตาลงเล็กน้อย และเริ่มปล่อยจิตสังหารออกมา “อยากจะฆ่าข้าสินะ”
หวังเฉิงฮ่วยรู้สึกสั่น ๆ ในใจอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาจะดูเด็ก แต่ลมหายใจของเขาก็ทำให้เขากลัวอย่างมาก
ยิ่งเด็กพวกนั้นเรียกเขาว่านายน้อยแล้ว คนคน นี้เป็นคนที่มาจากกลุ่มอิทธิพลใหญ่โตหรือ?
“แกกลับไปได้ แต่คนพวกนี้ต้องอยู่” หวังเฉิงฮ่วยกล่าว
“ข้าคงต้องบอกว่าข้าเลี้ยงดูเด็กพวกนี้มาด้วยเงินจำนวนมาก แกยังต้องการฆ่าพวกเขาอยู่รึเปล่า?”
ทหารทั้งสามสิบคนตั้งท่า และดวงตาของหวังเฉิงฮ่วยดูลังเลและคิดหนัก
เขาไม่ต้องการทำให้เบื้องบนขุ่นเคืองใจ หากเรื่องราวของมรดกโบราณแพร่กระจายไปเขาจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน
“ถ้างั้นก็เหลือเด็กแขนเดียวนี่ไว้ ส่วนคนอื่นก็กลับไปได้” หวังเฉิงฮ่วยยังคงประนีประนอม
ลั่วอู๋ก็ตอบกลับด้วยใบหน้าประณีประนอมเช่นกัน “ข้าต้องการพาเด็กทั้งหมดนี่กลับไป”
ใบหน้าของหวังเฉิงฮ่วยเปลี่ยนไป เขาพูดอย่างดุเดือดว่า “อย่าปฏิเสธความโชคดีเช่นนี้ไม่งั้น…”
“ไม่งั้นจะทำไม?”
หวังเฉิงฮ่วยดึงสีหน้าของเขาให้มืดมน “อย่าคิดว่าแกจะสามารถทำอะไรก็ได้ที่ต้องการเพียงเพราะใหญ่โตมาจากไหน งั้นพวกแกทั้งหมดก็จงอยู่ที่นี่ซะ”
ลั่วอู๋ไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องการกู่ฉวน
แต่ในเมื่อมาที่นี่แล้วเขาก็จะพาทุกคนกลับไป
“อยากให้ข้าอยู่?” ลั่วอู๋หัวเราะ “คิดว่ามีปัญญาทำแบบนั้นไหมล่ะ?”
หวังเฉิงฮ่วยหัวเราะอย่างเคร่งขรึม “ระดับทองขั้น 5 นี่คงเป็นระดับของแกสินะ? ข้าต่อสู้ในสนามรบมานานกว่าสิบปีและฆ่าศัตรูนับไม่ถ้วนแม้แต่ระดับทองขั้น 10 ก็ฆ่ามาแล้วนับประสาอะไรกับแก?”
ลั่วอู๋พูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน “ก็ลองดูสิ”
“ฮึ่ม” ดวงตาของหวังเฉิงฮ่วยฉายแววเจตนาฆ่า และลมหายใจของเขาก็ควบแน่นอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ทะยานออกไปเหมือนกระสุนปืนใหญ่ เขากำหมัดแน่น “ตายไปซะ! หมัดทลายภูผา”
ทักษะระดับ A [หมัดทลายภูผา]
อย่างที่คิดไว้ มันแข็งแกร่งและทรงพลังมากด้วยพลังที่สามารถทำลายภูเขาได้
หวังเฉิงฮ่วยไม่ใช่คนที่มีฝีมือมากนัก แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขาก็จัดการผู้มีความสามารถบางคนที่ชอบล่าชื่อเสียงได้อย่างไม่มีปัญหา
โชคไม่ดีที่เขาได้เจอกับลั่วอู๋
ลั่วอู๋ผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณ ทันใดนั้นเขาก็ปล่อยลมหายใจพร้อมกับปรบมือในทันที
ตู้ม
หลังจากปรบมือหวังเฉิงฮ่วยก็สะเทือนอีกครั้ง
“มีฝีมือแค่นิดหน่อย” หวังเฉิงฮ่วยไม่ได้ถอยหนี แต่พุ่งเข้ามาและโจมตีอีกครั้ง พลังหมัดราวกับพายุของเขาก็โจมตีใส่ลั่วอู๋ พลังฉีและเลือดของเขาก็พุ่งสูงขึ้นราวกับว่าเขาต้องการที่จะทะลุขีดจำกัดของตัวเอง
แต่ลั่วอู๋ไม่ได้ใช้ทักษะใด ๆ เขาแค่รับมันอย่างต่อเนื่อง
หวังเฉิงฮ่วยตกใจเล็กน้อย
ชายคนนี้ไม่ใช่กระสอบทรายแน่นอน
ถึงขนาดปัดป้องการโจมตีเอาไว้ได้ทุกครั้ง ไม่ผิดแน่ เขาไม่ยอมแสดงพลังออกมา
หวังเฉิงฮ่วยกัดฟันและพูดว่า “แกบังคับข้าเองนะ! เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นสามเท่า”
ทักษะระดับ A [เพิ่มความแข็งแกร่ง]
สามารถเพิ่มความแข็งแรงได้
ทว่าเขากลับใช้ทักษะนี้สามครั้งติดต่อกันซึ่งนั่นทำให้ลั่วอู๋ประหลาดใจเล็กน้อย
ทักษะเสริมกำลังนั้นสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว
ในกรณีนี้มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นคือสัตว์วิญญาณทั้งสามของเขามีทักษะเพิ่มความแข็งแกร่ง
บ้าไปแล้ว? เพิ่มความแข็งแกร่งสามเท่า ไม่กลัวร่างกายตัวเองจะระเบิดรึยังไง?ตอนนี้ลั่วอู๋ต้องจริงจังมากขึ้นเล็กน้อย
เพราะว่าลมหายใจของหวังเฉิงฮ่วยรุนแรงขึ้น ใบหน้าของเขาดุร้ายขึ้น และผิวหนังของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาไม่สามารถทนต่อเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างน่ากลัวได้
ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาเกือบจะถึงจุดสูงสุดของระดับทองแล้ว
นี่เป็นวิธีที่เขาเลือก โดยเสียสละด้านอื่น ๆ ไปเพื่อให้ได้มาซึ่งความแข็งแกร่งสูงสุด
“หมัดทลายภูผา!” หวังเฉิงฮ่วยโจมตีอีกครั้ง
ร่างของลั่วอู๋เริ่มลุกเป็นไฟสีดำและด้านหลังเขาก็มีลิงยักษ์สีดำตัวใหญ่ปรากฏขึ้น ลิงยักษ์เพลิงทมิฬ
ระดับ SS [พลังอันไร้เทียมทาน]
ทักษะนี้เป็นขั้นสูงสุดของทักษะเพิ่มความแข็งแกร่ง
ผลการเพิ่มความแข็งแกร่งนั้นแข็งแกร่งกว่าทักษะเพิ่มความแข็งแกร่งสามเท่าของอีกฝ่ายมาก
“หมัดสะท้านฟ้า!” ลั่วอู๋ก็ปล่อยการโจมตีออกไป
คลื่นอากาศม้วนตัวและพื้นสั่นสะเทือนไปชั่วขณะ พลังฉีที่น่ากลัวของเขาทำให้ต้นไม้รอบ ๆ แตกเป็นเสี่ยง ๆ
ในสายตาของทหารทุกคน หวังเฉิงฮ่วยดูเหมือนว่าวที่เชือกขาด เขาลอยออกไปอย่างสิ้นท่าและเลือดของเขาก็พุ่งออกมา
ลั่วอู่ยั้งมือ ไม่งั้นเขาอาจถูกระเบิดได้
“พลโท!” ทหารวิ่งออกมาหาด้วยความตื่นตระหนก
หวังเฉิงฮ่วยกุมหน้าอกของเขาด้วยความเจ็บปวด เขามึนหัว อวัยวะภายในของเขาดูเหมือนจะเคลื่อน เขารู้สึกอึดอัด เขาจ้องมองไปที่ลั่วอู๋และถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแอ “แกเป็นใครกันแน่?”
“ลั่วอู๋แห่งสำนักโล่พิทักษ์”
ใบหน้าของหวังเฉิงฮ่วยกระจ่าง
เป็นเขานี่เอง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาแข็งแกร่งมาก
“ผู้มีพรสวรรค์ระดับแนวหน้าของสำนักเฉียนหลงนี่เอง โชคดีจริง ๆ” หวังเฉิงฮ่วยยิ้มฝืด จากนั้นตาของเขาก็ฉาวแววดุร้าย “ข้าไม่เก่งเรื่องทักษะ แต่โทษที แกยังไปไม่ได้”
ทันใดนั้นเขาก็จุดประกายเปลวไฟออกมา
จังหวะนี้เอง จู่ ๆ กู่ฉวนก็รีบวิ่งออกมา ใช้มือที่เป็นกรงเล็บแทงเข้าหน้าอกของเขาอย่างรุนแรง บีบหัวใจและหยุดการระเบิดนั้นไว้
หวังเฉิงฮ่วยประหลาดใจ
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถขยับได้เลย
กู่ฉวนเยาะเย้ยเขา “ท่านี้แกใช้เมื่อสามปีก่อน ข้าจะไม่ให้แกได้ใช้อีกเป็นครั้งที่สอง”
ดวงตาของหวังเฉิงฮ่วยเบิกกว้าง ศีรษะของเขาเอียง และเขาก็ตายลง
ทหารทั้งสามสิบคนตกใจและหันหลังวิ่งไป พวกเขาไม่กล้าอยู่ต่อ พวกเขาวิ่งเข้าไปในภูเขาและหายตัวไป