ไหปีศาจ - บทที่ 420 หน่วยรบค่ายกลสังหารตัวปลอม
บทที่ 420 หน่วยรบค่ายกลสังหารตัวปลอม?
บทที่ 420
หน่วยรบค่ายกลสังหารตัวปลอม?
ลั่วอู๋ไม่ต้องการฆ่าหวังเฉิงฮ่วย
เพราะการฆ่าเขานั้นย่อมทำให้เกิดเรื่องที่ยากลำบากตามมาอีกมาก
“ ใครจะอธิบายให้ข้าฟังได้บ้าง” ใบหน้าของลั่วอู๋มืดมน “ข้าเห็นศพมากมายระหว่างทาง พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นคนในค่ายทหาร”
“พวกเจ้าเข้าไปในค่ายของหน่วยรบค่ายกลสังหารงั้นเหรอ”
“พวกเจ้าวิ่งเข้าไปในสถานที่แบบนั้นโดยไม่มีเหตุผลได้ยังไง ? ต้องการจะให้ข้าต้องรับโทษอย่างนั้นเหรอ ?”
“รู้ตัวกันไหมว่าอีกฝ่ายเป็นทหารในหน่วยรบค่ายกลสังหารเลยนะ!”
กลุ่มวัยรุ่นต่างหวาดผวา
เมื่อพวกเขาได้ยินชื่อหน่วยนี้พวกเขาต่างก็รู้ว่าพวกเขามีปัญหาเสียแล้ว
มันเป็นชื่อที่แม้แต่วัยรุ่นกลุ่มนี้ ซึ่งเดิมเป็นเพียงพลเรือนก็ยังเคยได้ยินถึงชื่อนี้
นอกจากหน่วยสยบมังกรแล้วยังมีกองทัพที่น่ากลัวที่สุดในอาณาจักรราชวงศ์มังกรเร้นกายอีก นั่นก็คือกองทหารโดยตรงของแม่ทัพหนิงเซียว หน่วยรบค่ายกลสังหาร ซึ่งมีประสิทธิภาพในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก
หน่วยรบค่ายกลสังหารนั้นเก่งในเรื่องการบุกล้อมและสังหาร รวมถึงกลยุทธ์ทางการทหารต่างๆ
ในขณะที่หน่วยสยบมังกรมีทหารเพียง 5,000 นาย ทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมือในหมู่ชนชั้นสูง
อย่างไรก็ตามหน่วยรบค่ายกลสังหารนั้นมีทหารอยู่ถึง 200,000 คน แบ่งออกเป็นสี่ส่วน ได้แก่ กองรบมังกร กองรบผี กองรบเสือ และ กองรบหมาป่า
โดยจุดสูงสุดอย่างกองรบมังกรนั้นมีทหารเพียงแค่ 10, 000 คน ว่ากันว่าเป็นกองรบที่แม่ทัพหนิงเซียวดูแลและนำทัพเป็นการส่วนตัว แข็งแกร่งระดับสามารถต่อกรกับหน่วยสยบมังกรได้
สามารถกล่าวได้ว่าหน่วยรบค่ายกลสังหารนั้นถือเป็นหนึ่งในกองทัพหลักของอาณาจักรมังกรเร้นกายเลยทีเดียว
การฆ่าคนในหน่วยรบค่ายกลสังหารโดยไม่มีเหตุผลนั้น ย่อมเทียบเท่ากับการก่อกบฏ
ใบหน้าของเหล่าวัยรุ่นต่างลุกลี้ลุกลน
พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่านี่จะทำให้ลั่วอู๋เดือดร้อนถึงขนาดนี้
เดิมทีพวกเขาคิดว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นแค่กองทหารท้องถิ่นธรรมดา ๆ
กู่ฉวนคุกเข่าลงและกล่าวด้วยความเคารพ “นายท่าน สถานการณ์ตอนนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ข้าหวังว่านายท่านจะจัดการกับทหารทั้ง 30 นายที่เหลือก่อน จากนั้นข้าจะขออธิบายเรื่องทั้งหมดให้กระจ่างเอง”
“เจ้าควรจะตอบมาก่อนให้ข้าให้พอใจ การโจมตีสังหารหมู่เหล่าทหารของหน่วยรบค่ายกลสังหาร แล้วหลบหนีออกมาเช่นนี้ ทำให้ข้าพร้อมจะฆ่าเจ้าเพื่อบรรเทาความโกรธของตระกูลหนิงเลยด้วยซ้ำ” สีหน้าของลั่วอู๋ดูไม่ดี
ตอนนี้เขาอารมณ์เสียมาก
เขารู้สึกเหมือนว่าโดนเด็กคนนี้หลอกใช้
แม้ว่าตระกูลหนิง จะไม่ได้แข็งแกร่งไร้เทียมทานอยู่ยงคงกระพัน
อย่างไรก็ตามก็เป็นตัวตนที่มีความจำเป็นต่ออาณาจักรสูง ตระกูลหนิงนั้นภักดีต่อองค์จักรพรรดิและราชสำนักมานาน วีรบุรุษผู้พลีชีพของตระกูลหนิงทุกคนล้วนมีความภักดีและกล้าหาญอยู่ในใจ
ถึงกับมีกฎในว่าตระกูล ว่าบุตรของตระกูลหนิงทุกคนจะต้องเข้าร่วมกองทัพเพื่อปกป้องอาณาจักร
ตระกูลน้ำดีเช่นนี้เป็นอะไรที่ลั่วอู๋ไม่ต้องการเป็นศัตรูด้วยจริงๆ
แต่เขาก็ยังอยากจะฟังสิ่งที่ กู่ฉวน พูด
ด้วยการโบกมือของเขา ลั่วอู๋ เรียกนกวิญญาณสีขาวนวลหิมะที่อาบด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์เก้าลงมา เช่นเดียวกับนกวิญญาณอีกหลากหลายชนิด
“เจ้านกโง่ ช่วยข้าจับคนหน่อยสิ” ลั่วอู๋ กล่าวอย่างเป็นกันเอง
นกโง่มองไปที่ลั่วอู๋ด้วยความไม่พอใจ มันยกหน้าอกขึ้นอย่างหยิ่งผยองราวกับจะบอกว่าตัวตนของมันเป็นถึงราชา เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้จะเรียกมันมาทำไม?
“เจ้ายังจะทำตัวแบบนี้อยู่อีกเหรอ?” ลั่วอู๋กำหมัดแน่น
นกหน้าโง่กลอกตาพร้อมส่งเสียงคำรามอันไพเราะออกมา แม้ความสัมพันธ์ระหว่างลั่วอู๋และมันจะดีขึ้นมากหลังจากที่มันได้รับการยกระดับมิติวิญญาณเป็นระดับทอง แต่นิสัยดังเดิมนี้ก็ยังรักษาไม่หาย
ทันใดนั้นกลุ่มนกวิญญาณรอบข้างที่เคารพนับถือมัน ก็โผบินออกไปทันทีที่ได้รับคำสั่ง ทำให้แสงศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนกะพริบไปทั่วท้องฟ้า
ฉากนี้ทำให้เหล่าวัยรุ่นต่างตื่นตาตื่นใจ
มันน่าทึ่งมากที่นายน้อยสามารถสั่งนกวิญญาณจำนวนมากขนาดนี้ได้
ล่าสุดลั่วอู๋ได้มอบเหล่านกพิราบเก้าพิษที่จับมาได้ในหุบเขามรณะ ให้กับเจ้านกโง่เพื่อฝึกฝน ตอนนี้พวกมันจึงเต็มใจที่จะกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนกโง่ด้วยเช่นกัน
เหล่านกวิญญาณใต้บังคับบัญชาของนกโง่นั้นมีด้วยกันหกชนิด ได้แก่ แร้งหินผา เหยี่ยววายุสลาตัน นกนางนวลแดง นกพิราบเก้าพิษ และแร้งทราย กับ เหยี่ยวหยกขาวที่ยังไม่วิวัฒนาการ
มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรลั่วอู๋ เพราะจับนกวิญญาณเหล่านี้มาเพื่อปลดผนึกหนังสือสัตว์วิญญาณอยู่แล้ว
ฝูงนกวิญญาณจำนวนมากบินออกไปจับทหาร 30 นายที่หลบหนีออกจากค่ายกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
ลั่วอู๋ มองไปที่ กู่ฉวน “ตอนนี้เจ้าควรให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่ข้าได้แล้วนะ”
“รับทราบขอรับ นายน้อย” กู่ฉวน หยิบระเบิดสัญญาณออกมาด้วยความเคารพ “นี่คือสัญญาณระเบิดที่ข้าเพิ่งนำมาจากมือของ หวังเฉิงฮ่วย ในขณะที่เขากำลังเตรียมจะใช้มัน”
“แล้วมันยังไง?”
“มันไม่ใช่เปลวไฟธรรมดาขอรับ มันคือสัญญาณ คำสั่งโลหิตสังหาร”
หัวใจของลั่วอู๋เย็นเฉียบ เขามองเข้าไปใกล้ ๆ ที่ตัวจุดสัญญาณระเบิด ด้านบนนั้นมีอักษร “ฆ่า” ตัวเล็ก ๆ สลักอยู่
คำสั่งโลหิตสังหารลั่วอู๋เพิ่งได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรก
ว่ากันว่าการปลดปล่อยคำสั่งโลหิตสังหาร หมายถึงการกวาดล้างอันเด็ดขาด
ผู้คนจากหน่วยรบค่ายกลสังหารจะเข้ามาปิดล้อมพื้นที่อย่างรวดเร็ว และทำการกำจัดทุกชีวิตโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ
โดยทั่วไปแล้วผู้ช่วยผู้บัญชาการที่มีมิติวิญญาณเพียงระดับทอง ไม่น่าจะมีคุณสมบัติที่จะสามารถออกคำสั่งที่สำคัญเช่น คำสั่งโลหิตสังหารได้
ของระดับนี้มีเพียงแค่คนใหญ่คนโตของหน่วยรบค่ายกลสังหารเท่านั้นที่จะมีมัน
“ทำไมเขาถึงต้องการให้คนมาฆ่าพวกเรา?” ลั่วอู๋อดคิดเรื่องนี้ไม่ได้
มันทำไมกัน ?
อีกฝ่ายจำตัวตนของเขาได้ แต่กลับยังกล้าปล่อยคำสั่งโลหิตสังหาร? เขาไม่กลัวว่าจะก่อความวุ่นวายขึ้นเหรอ ?
และเขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลย เขาแค่อยากจะพาเด็ก ๆ เหล่านี้ออกไปเท่านั้น
นี่ทำให้ลั่วอู๋ต้องครุ่นคิดอย่างสับสน
ลั่วอู๋ ส่ายหัว “ถ้านี่เป็นเรื่องจริงเจ้าก็มีเหตุผลพอที่จะฆ่าหวังเฉิงฮ่วยก่อนที่เขาจะใช้มัน แต่แล้วทำไมเจ้าถึงต้องเข้าไปในนั้น เพื่อต่อสู้กับคนในหน่วยรบค่ายกลสังหารด้วยล่ะ?”
“คำสั่งโลหิตสังหาร นี่เป็นเท็จ” กู่ฉวนพูด
“ของปลอมงั้นเหรอ?”
“มันเป็นของเลียนแบบ.” “ พวกเขาต้องการฆ่าข้าก่อน เพราะพวกเขากลัวว่าข้าจะเปิดเผยความลับนี้” เขากล่าว
“พวกเขาไม่ใช่คนของหน่วยรบค่ายกลสังหารงั้นเหรอ?” ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
ใครเล่าจะกล้าแอบอ้างว่าตัวเองเป็นหน่วยรบค่ายกลสังหาร ? นั่นมันหาเรื่องตายชัด ๆ
กู่ฉวนส่ายหัว “พวกเขาเป็นคนของหน่วยรบค่ายกลสังหารก็จริง แต่พวกเขาไม่ได้รับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิหรือตระกูลหนิงหรอก พวกเขาออกมาที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาต”
ต่อมา กู่ฉวนก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของตัวเอง
นามสกุลของเขาคือ หยาง เขาเป็นสมาชิกของตระกูลผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้โบราณ
เมื่อสามปีที่แล้ว จู่ๆก็มีกลุ่มคนมาหาตระกูลของเขาโดยอ้างว่ามาจากตระกูลผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้โบราณเช่นกัน โดยมาที่นี่เพื่อแสวงหาการแข่งขันประมือ
ตระกูลหยาง นั้นไม่ได้สงสัยอีกฝ่ายเลย พวกเขาจึงตกลงที่จะแลกเปลี่ยนประมือกันกับอีกฝ่าย
แต่หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มคนดังกล่าวก็เปลี่ยนท่าทีแล้วปล่อยคำสั่งโลหิตสังหารปลอมออกมา
ท้องฟ้าเปล่งประกายด้วยเลือด
จากนั้นครู่ต่อมา กองทหารจากหน่วยรบค่ายกลสังหารก็ปรากฏตัวขึ้น
หน่วยรบค่ายกลสังหารได้ทำการฆ่าคนตระกูลหยาง จนเหลือเพียงแค่ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงเพียงไม่กี่คน กู่ฉวนนั้นได้พ่อของเขาส่งให้หนีออกมา
กู่ฉวนเดินหลบหนีไปรอบ ๆ เพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกจับได้ เขาจึงตัดสินใจไปทางตะวันตกเฉียงใต้ที่ห่างไกลที่สุด ปลอมตัวเป็นขอทานในเมืองแห่งความพินาศในเขตหวงชา
หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องที่รู้ ๆ กันอยู่แล้ว เขาได้มาเข้าร่วมสำนักโล่พิทักษ์
ด้วยที่เขากังวลว่าจะนำหายนะมาสู่ลั่วอู๋ เขาจึงออกมาล้างแค้นด้วยตัวคนเดียว จากนั้นกลุ่มเพื่อนพ้องที่ได้ยินว่าเขากำลังจะไปแก้แค้น พวกเขาจึงเต็มใจติดตามมาด้วย เพื่อช่วยเหลือ
ลั่วอู๋เต็มไปด้วยอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก
แบบนี้แล้วเขาจะพูดอะไรได้อีก
จะลงโทษอีกฝ่ายเพราะต้องการจะล้างแค้นให้พ่อแม่และตระกูลงั้นเหรอ? หรือจะให้ลงโทษที่อีกฝ่ายกลัวว่าจะนำหายนะมาสู่ตัวเขาจึงแอบออกมาเพื่อล้างแค้น?
มันเป็นเรื่องยากที่จะลงโทษเขา
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าจะขอยืนยันด้วยตัวเองอีกครั้งก่อน”
เขาส่งข้อความถึงหนิงปิงหลัน ถามนางว่ามีกองทัพ เล็ก ๆ ประจำการอยู่ที่แหล่งมรดกทางการทหารโบราณ สำหรับการฝึกทางทหารหรือไม่
ไม่นานเขาก็ได้รับคำตอบกลับมา
มันเป็นคำสั้น ๆ เพียงคำเดียว ไม่มี
หนิงปิงหลัน เป็นป้าของหนิงหลิงหลิง และ หนิงฮัว นางเป็นลูกสาวของแม่ทัพหนิงเซียว แม้ว่าจะมีบางอย่างน่าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธข้อความของ หนิงปิงหลัน ที่บอกว่า ไม่มี ได้
“มันสงสัยและมีสิ่งผิดปกติมากมาย ดูเหมือนว่ามีบางอย่างผิดปกติกับค่ายของหน่วยรบค่ายกลสังหารตรงนี้ จริง ๆ ” ลั่วอู๋คิด
จากนั้นลั่วอู๋ก็ใช้ทักษะการควบคุมจิตใจ กับเหล่าทหารที่จับมาได้แล้วถามอีกฝ่าย
เหล่าทหารไม่ได้รู้อะไรมาก
พวกเขาแค่ได้รับภารกิจลับ จึงมาที่นี่
ส่วนเรื่องคำสั่งโลหิตสังหารเอง พวกเขาก็รู้ว่ามันเป็นของปลอม รวมถึงรู้ด้วยว่าทำไมตระกูลผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้ถึงถูกพวกเขาฆ่า
ข้อหานั้นคือการเป็นกบฏต่อราชวงศ์มังกรเร้นกาย
พวกเขาถูกส่งมาประจำการที่นี่เพื่อฝึกฝนนักรบที่ทรงพลัง รวมถึงหาที่มาของบางสิ่งที่สำคัญ
ความลับอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้เหล่าทหารอย่างพวกเขานั้นไม่ทราบ
“โกหกทั้งเพ ตระกูลหยางของพวกเราอยู่อย่างสันโดษมาหลายพันปีแล้ว พวกเราจะไปรบกวนอาณาจักรเพื่ออะไร?”กู่ฉวนโกรธมาก
ลั่วอู๋เองก็ยังคิดว่าเหตุผลนี้ไร้สาระ
เห็นได้ชัดว่าตระกูลดังกล่าวสามารถถูกหน่วยรบค่ายกลสังหารเข่นฆ่าและสะสางได้อย่างง่ายดาย ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้ยอดเยี่ยมมากด้วยซ้ำ ตระกูลหยางจะไปโค่นล้มก่อกบฏต่ออาณาจักรที่ยิ่งใหญ่โตเช่นนี้ได้อย่างไร
มันเป็นการใส่ร้าย
“แต่พวกเขากำลังมองหาอะไรกัน” ลั่วอู๋ ถาม
กู่ฉวนรู้สึกไม่อยากพูดเท่าไหร่ แต่เขาก็ยอมกัดฟันพูดออกมา “มันเป็นกล่องที่บรรพบุรุษของตระกูลหยางเหลือทิ้งเอาไว้ ซึ่งมีเพียงผู้นำตระกูลเท่านั้นที่จะรู้วิธีเปิดกล่อง”
“เข้าใจแล้ว” ลั่วอู๋พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
แต่ทันใดนั้นกู่ฉวนก็คุกเข่าลงและกล่าวว่า“ ถ้านายน้อย เต็มใจจะช่วยข้าแก้แค้น ข้าก็ยินดีที่จะเปิดกล่องและเสนอให้กับท่าน”
“หา? เจ้าเนี่ยนะผู้นำตระกูล?”
เห็นได้ชัดว่าความสนใจของ ลั่วอู๋ ไม่ได้อยู่ที่กล่องเลยสักนิด
กู่ฉวนพูดด้วยเสียงเบา“ พ่อของข้าเป็นผู้นำตระกูลคนก่อน แต่เขาตายในตอนที่ช่วยพาขาหลบหนีออกมา ตอนนี้ข้าจึงเป็นผู้นำตระกูลหยาง”
ลั่วอู๋สับสน
เหตุใดตำแหน่งผู้นำตระกูล ถึงสำคัญต่อการเปิดกล่อง
“ ไม่!” ลั่วอู๋ โบกมือ “ข้าคิดจะล้างแค้นให้พวกเจ้าตั้งแต่ที่พบพวกเจ้าแล้ว อีกอย่างข้าอยากเห็นมากกว่า ว่าใครอยู่เบื้องหลัง หน่วยรบค่ายกลสังหารกองรบนี้”
ดูเหมือนว่าแม้แต่องค์จักรพรรดิ ก็ยังไม่รู้ว่า มีใครบางคนแบ่งกองรบของหน่วยรบค่ายกลสังหารออกมา เพื่อทำงานของตัวเอง โดยที่ไม่ให้รู้ไปถึงหูตระกูลหนิง
ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เยอะแน่