ไหปีศาจ - บทที่ 431 การเยี่ยมชมมิติไห
บทที่ 431 การเยี่ยมชมมิติไห
บทที่ 431
การเยี่ยมชมมิติไห
ในที่สุดมู่เถาก็เลือกคนมาเพิ่มอีกห้าสิบคน
แม้ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาอาจจะไม่ได้ชื่นชอบการเล่นแร่แปรธาตุ แต่พวกเขาก็ต้องการโอกาสในการก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ เพราะลั่วอู๋นั้นพร้อมที่จะมอบทักษะระดับทองขั้นสูงให้กับพวกเขา
พวกเขาเพียงแค่ต้องทำการกลั่นแร่วิญญาณ ทำความสะอาดสุขาภิบาล ทำงานทั่ว ๆ ไป เนื่องจากมิติไหในตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมาย
และในเวลาว่างพวกเขาก็สามารถฝึกฝนตนเองได้อย่างเต็มที่
นี่สร้างความตื่นเต้นให้กับเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุ
ตราบเท่าที่การฝึกฝนบรรลุผล พวกเขาก็จะสามารถยกระดับสถานะของตัวเองและเข้าร่วมกับสำนักโล่พิทักษ์อย่างเป็นทางการได้
ผู้คนที่มาฝึกงานเล่นแร่แปรธาตุส่วนใหญ่ ฝีมือนั้นยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่เมื่อพวกเขาได้เข้าร่วมกับสำนักโล่พิทักษ์พวกเขาก็ก้าวหน้าขึ้นมามาก
ลั่วอู๋ พาพวกเขาเข้ามาในมิติไห
แน่นอนว่าวิธีฝึกฝนนี้ดีกว่าตอนที่เขาสั่งให้มู่เถาเก็บตัวฝึกฝนมาก นั่นก็เพราะพวกเขาได้เข้ามาในโลกแห่งนี้ ซึ่งปฏิกิริยาของเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุนั้นต่างออกไปจากคนที่ได้เข้ามาก่อนหน้านี้มาก
พวกเขากรีดร้อง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความตื่นเต้น แต่ล่ะคนต่างไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเขาจะได้มาอาศัยอยู่ในสถานที่เช่นบ้านที่เป็นดั่งพระราชวังของมิติไห
“ ข้างนอกนั้นอันตรายมาก ที่นี่มีสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังมากมาย ฉะนั้นพวกเจัาไม่ควรออกไปข้างนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต” ลั่วอู๋เตือน
เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุพยักหน้า
จากนั้นลั่วอู๋และมู่เถาก็เดินไปพร้อมกับเหล่าเล่นแร่แปรธาตุ
หลังจากการยกระดับหลายครั้ง สำนักการเล่นแร่แปรธาตุก็ได้รับการอัปเกรดจาก บ้านขนาดเล็กเดิมไปเป็นวิหารที่มีห้องโถงขนาดใหญ่ ซึ่งไม่เล็กไปกว่าพระราชวังทั้งแปดของสำนักเฉียนหลง
วิหารโบราณตั้งอยู่ตรงกลาง โดยมีต้นจิ่วหลงแปดต้นตั้งตระหง่านอยู่ในแปดทิศทาง อิฐและกระเบื้องเคลือบด้วยเมฆหมอกสีขาวหนาแน่น
มีการไหลเวียนของพลังวิญญาณความมืดบนพื้นดิน และไฟพลังวิญญาณอันน่ากลัวซึ่งอยู่ตรงกึ่งกลางห้องที่ไหลย้อนกลับไปมาผ่านห้องโถง เปลวไฟอันร้อนแรงนี้สามารถหลอมแร่วิญญาณต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย
ดวงตาของมู่เถาเป็นประกาย “พระเจ้า ห้องโถงนี้มันทำมาจากแร่มิกะ มันเป็นวัสดุที่ดีที่สุดในการรวบรวมไฟปฐพี ซึ่งเป็นไฟที่ดีที่สุดในการเล่นแร่แปรธาตุ ผลลัพธ์ที่ได้ต้องออกมาดีขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่าอย่างแน่นอน ”
“เป็นยังไงบ้างล่ะ” ลั่วอู๋หัวเราะ
มู่เถาพยักหน้าอย่างยุ่ง ๆ “นี่มันสุดยอดมากนายน้อย มันเป็นสถานที่ที่นักเล่นแร่แปรธาตุทุกคนใฝ่ฝัน”
“เจ้าจะรับเด็กฝึกงานเข้ามาที่นี่และสอนพวกเขา” “ มันเป็นสถานที่ที่ดีในการเล่นแร่แปรธาตุใช่ไหมล่ะ ?” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอรับ นายน้อย”
มันยากเกินไปที่จะสังเคราะห์ยาวิญญาณระดับสูงออกมา อีกทั้งมันยังเป็นเรื่องยากที่จะทำใจใช้ยาระดับสูงพวกนั้นในการสังเคราะห์ มันจึงจะเป็นการดีกว่าหากเขาจะฝึกฝนนักเล่นแร่แปรธาตุขึ้นมาช่วยงาน
แน่นอนว่านี่ไม่อาจทำให้งานในการสังเคราะห์ของลั่วอู๋หายไปได้ แต่อย่างน้อย ๆ มันเป็นวิธีในการช่วยแบ่งเบาภาระที่ดีที่สุด
กลุ่มนักเล่นแร่แปรธาตุฝึกหัดเหล่านี้มีความกระตือรือร้นมากพอที่จะทำงานหนัก ๆ แปลงวิญญาณที่เต็มไปด้วยอณูวิญญาณจึงได้ถูกนำมาใช้ เมล็ดของสมุนไพรวิญญาณและดอกไม้วิญญาณจำนวนมากได้ถูกหว่านลงไป เพื่อการเพาะปลูก
มันเป็นเรื่องดีที่ในที่สุดเขาก็ได้ใช้ทรัพยากรตรงนี้ให้คุ้มค่า
ลั่วอู๋พอใจมาก
โดยปกติที่นี่มีเขาอยู่เพียงคนเดียว แม้ว่าจะมีสัตว์วิญญาณจำนวนมากอาศัยอยู่ในมิติไห แต่มันก็ไม่ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความคุ้มค่าในการใช้งานทรัพยากรเท่าไหร่
ตอนนี้พันธมิตรผู้ล้างแค้นต่างก็ได้รับค่าตอบแทนและฝึกฝนอยู่ที่นี่ ในขณะที่เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุฝึกหัดจำนวนหนึ่งเองก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในวิหารที่สวยงาม ซึ่งช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้ทรัพยากรให้กับเขาได้มาก
ลั่วอู๋ออกจากมิติไหและตรงไปที่ห้องหลี่หยิน
“นายน้อย พวกเราจะออกเดินทางกันแล้วเหรอเจ้าคะ ?” หลี่หยินพร้อมแล้วเพราะวันนี้เป็นวันที่พวกเขาจะกลับไปยังสำนักเฉียนหลง
ลั่วอู๋ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไป เจ้าจำใช่ไหม ในตอนที่เราเดินทางไปเขตหวงชา จู่ ๆ ต้นดอกบัว ฮวงเลียนเชาหลายสิบต้นก็หายไป และแมวผีก็ปรากฏออกมา”
“แน่นอนเจ้าค่ะ ข้าประหลาดใจมานานแล้ว และตอนนี้ข้าก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรเจ้าค่ะ” “หลี่หยินกล่าว อย่างเขินอาย
นางคิดว่าตัวเองโง่เกินไปที่จะเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
“อย่าคิดให้มากเลยน่า วันนี้ข้าจะแบ่งปันความลับที่สำคัญที่สุดของข้าให้กับเจ้า” ลั่วอู๋ยิ้มแล้วจับมือของหลี่หยิน
เขาพาหลี่หยินเข้าสู่มิติไห
เมื่อมองไปที่ทิวทัศน์อันลึกลับและงดงามตรงหน้านาง หลี่หยินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจ ลั่วอู๋ยิ้มและอธิบายทุกอย่างให้นางฟังและหลี่หยินก็ค่อยๆฟื้นตัว
ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าทำไมนายน้อยถึงมีวิธีการแปลก ๆ มากมาย และทำไมเขาถึงต้องการหาสิ่งที่เรียกว่าภูตไห
“แม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่คนแรกที่ได้เข้ามายังมิติไห แต่เจ้าก็เป็นคนแรกที่รู้ความลับทั้งหมดของข้า” ลั่วอู๋กล่าวอย่างจริงจัง
เมื่อได้ยินเช่นนี้แก้มของหลี่หยินก็เปลี่ยนเป็นสีแดง นางอดไม่ได้ที่จะมีความสุข
“มาเลยข้าจะพาเจ้าไปดูรอบ ๆ เอง” ลั่วอู๋จับมือหลี่หยิน “ไม่ต้องกังวลไปนะ อัตราการไหลของเวลาภายในที่นี่และภายนอกนั้นไม่เท่ากัน แม้ว่าเราอยู่ที่นี่ทั้งวัน เราก็สามารถกลับไปที่สำนักเฉียนหลงได้ทันเวลา”
ลั่วอู๋ ได้พาหลี่หยินเยี่ยมชมทิวทัศน์อันยอดเยี่ยมของมิติไห
ทั้งภูเขาและแม่น้ำ และเหล่านกที่โผบินส่งเสียงร้องอันไพเราะ
เมฆหลากสีที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า และดอกไม้บนภูเขาที่พลิ้วไหว ทิวทัศน์อันสวยงามที่เหมือนถูกเรียงร้อยออกมาจากภาพวาด
พวกเขานั่งสองคนนั่งอยู่บนยอดหน้าผามองลงมายังเห็นพื้นที่ทั้งหมด
หลี่หยินพิงไหล่ของลั่วอู๋และกระซิบอย่างพอใจว่า “นายน้อย ที่นี่งดงามมากเจ้าค่ะ เมื่อวันที่พวกเราแก่ชรา พวกเราน่าจะมาสร้างบ้านหลังเล็ก ๆ ที่นี่นะเจ้าคะ”
“ยัยโง่” ลั่วอู๋พยักหน้าเล็กน้อยและดีดหน้าผากนาง “ที่นี่ข้ามีบ้านที่สวยงามเช่นพระราชวังอยู่ตรงนั้น เจ้าจะต้องการบ้านหลังเล็ก ๆ ไปทำไมกัน?”
“ข้าไม่ได้ชื่นชอบพระราชวังที่โอ่อ่า แต่เป็นบ้านเล็ก ๆ ที่ได้อยู่กับครอบครัวเจ้าค่ะ ”
ใบหน้าอันสวยงามอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ ริมฝีปากอันเบาบางทำให้จิตใจของลั่วอู๋ แกว่งไปมากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของร่างกายหลี่หยิน ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง สถานการณ์เช่นนี้เขาอดไม่ได้ที่จะโน้มหัวเข้าหานาง
สัมผัสริมของฝีปากของทั้งสองคนดูเหมือนจะถูกไฟฟ้าดูดเข้าหากัน หัวใจของพวกเขาต่างสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ
หลี่หยินปิดตาของนาง ปล่อยให้ริมฝีปากของอีกฝ่ายขึ้นผ่านคอสีขาวนวล ไปถึงแก้มของนาง
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ และยาวนาน
จากนั้นพวกเขาก็แยกออกจากกัน
ลั่วอู๋มองดูการแสดงออกของหลี่หยินอย่างระมัดระวัง
หลี่หยินไม่กล้ามองไปที่ดวงตาของลั่วอู๋ตรงๆพร้อมพูดอย่างเขิน ๆ “ไปกันเถอะเจ้าค่ะนายน้อย ไม่งั้นพวกเราอาจจะพลาดเวลากลับไปยังที่สำนักเฉียนหลงได้นะเจ้าคะ”
ท้ายที่สุดหลี่หยินก็กระโดดลงมาจากหน้าผาลงไป เหมือนต้องการจะหลีกเลี่ยงบางอย่าง
“หลี่หยิน!” ลั่วอู๋ตกใจมาก
แต่ทันใดนั้นร่างของหลี่หยินก็ปกคลุมไปด้วยชั้นของแสงสีขาว นางบินออกไปอย่างรวดเร็วไปยังทิศทางของ “บ้านหรู”
เขาเกือบลืมไปแล้วว่าหลี่หยินเองก็เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงแล้วเช่นกัน ด้วยพลังของเสี่ยวไป่ ราชากระต่ายแห่งแดนสาบสูญ นางจึงมีทักษะ “บิน”
ลั่วอู๋กระโดดตามลงมาและบินข้ามไปทางเดียวกัน
ทั้งสองคนออกจากมิติไหและรีบกลับไปยังสถานที่รวมตัว
ฉูจงฉวน และหลินยูหลัน ได้มารออยู่ที่นั่นแล้ว
“ ข้าขอยืมตัวหลี่หยินสักพักนะ ”หลินยูหลันมองไปทาง หลี่หยินที่กำลังยิ้ม แล้วเดินไปข้างหน้าเพื่อดึงหลี่หยินออกไป หญิงสาวสองคนเดินไปด้วยกันกระซิบคุยกัน
ตั้งแต่ที่กลับจาก นรกมนตรา ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนก็ใกล้ชิดกันมาก
บางทีพวกนางอาจจะเป็นเพื่อนช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องต่าง ๆ
ลั่วอู๋ขี้เกียจเกินไปที่จะไปแอบฟังเสียงกระซิบของสาว ๆ
ฉูจงฉวน มองไปที่ ลั่วอู๋ ด้วยความประหลาดใจ “เจ้ายกระดับมิติวิญญาณ ขึ้นมาอีกระดับได้อย่างไรกัน?”
“โชคดีที่ข้าได้ข้อมูลเชิงลึกบางอย่างมา ข้าจึงสามารถพัฒนายกระดับมันได้” ลั่วอู๋หัวเราะ
ตอนนี้เขาเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองมิติ 6 แล้ว เมื่อวานนี้เมื่อเขาได้อ่านบทความที่จักรพรรดิดาบหยางไคเทียนทิ้งไว้ มันทำให้เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างและสามารถยกระดับมิติวิญญาณขึ้นมาได้โดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าบันทึกจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนพัฒนามิติวิญญาณ แต่วิชาดาบนั้นเป็นสิ่งที่มีความหมายลึกซึ้ง ทำให้เขาสามารถยกระดับมิติวิญญาณขึ้นมาได้โดยไม่ได้ตั้งใจ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฝึกฝนดาบ แต่วิชาทั้งหมดในโลกต่างก็มีเป้าหมายเดียวกันคือที่สุดของความแข็งแกร่งและการพัฒนาตนเอง แม้จะวิธีการจะแตกต่างกัน แต่ก็ยังสามารถประยุกต์เปลี่ยนปรับใช้เข้าด้วยกันได้ด้วยการเปรียบเทียบ
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถใช้วิชานี้ไปได้มากกว่านี้ หากเขารู้สึกถึงความหมายของวิชาดาบมากเกินไป มันจะกลายเป็นการหมกมุ่นกับสิ่งอื่นมากเกินไป ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคในการฝึกฝนมิติวิญญาณของตัวเขาเองได้