ไหปีศาจ - บทที่ 433 ข้าจะสู้กับเจ้าที่นี่
บทที่ 433 ข้าจะสู้กับเจ้าที่นี่
บทที่ 433
ข้าจะสู้กับเจ้าที่นี่
ชำระล้างบาปไม่เพียงแต่สามารถกำจัดตราพันธสัญญาที่ตกค้างออก แต่มันยังสามารถล้างสิ่งสกปรกในร่างกาย หรือความสกปรกในแก่นวิญญาณให้หายออกไปได้
หรือก็คือมันสามารถขจัดสิ่งที่เป็นลบทั้งหมดในร่างกายของเป้าหมายได้นั่นเอง
แม้พลังวิญญาณที่กำลังพลุ่งพล่านในเส้นเลือดของหยู่เฮานั้นไม่ใช่สิ่งที่เป็นลบ แต่ชำระล้างบาปก็สามารถช่วยให้อาการดังกล่าวของเขาสงบลงได้
อาการบ้าคลั่งที่เขาเป็นอยู่นั้นไม่ได้มีผลแค่กับพลังวิญญาณในเส้นเลือด แต่ยังรวมถึงอารมณ์ของเขาด้วย
ทันทีที่แสงสีขาวสาดส่องลงมา พลังวิญญาณอันดุร้ายก็ดูเหมือนจะกระจายออกไปเล็กน้อย สีแดงในดวงตาของหยู่เฮาค่อยๆจางลง แต่พลังวิญญาณในเส้นเลือดก็ยังคงมีศักยภาพเพียงพอที่จะระเบิดออกมาได้
ใบหน้าของหยู่เฮายังคงแสดงความเจ็บปวดออกมา
เนื่องจากความไม่สมดุลทางอารมณ์ถูกกำจัดออกไป เขาจึงเริ่มรู้สึกเจ็บปวดตามธรรมชาติของร่างกาย พลังวิญญาณที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกายอย่างบ้าคลั่งย่อมทำให้เกิดความเจ็บปวดมากมหาศาล
“ขอบคุ… ” หยู่เฮาไม่สามารถแม้แต่จะกล่าวคำขอบคุณออกมาให้จบประโยคได้ พลังวิญญาณในเลือดของเขาพลุ่งพล่านมากเกินไป เพียงชั่วครู่ดวงตาของหยู่เฮาก็กลับมาเต็มไปด้วยสีแดงสดอีกครั้ง
อำนาจของความสามารถ ชำระล้างบาปไม่สามารถขจัดผลของสถานะ “ความบ้าคลั่ง”นี้ได้
ความกระหายเลือดที่เพิ่งสลายไปจึงกลับมาปรากฏอีกครั้ง
หัวใจของลั่วอู๋เต้นระรัว
ทว่าแม้สถานการณ์จะยังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่กลับหลี่หวู่หยวนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขากล่าวขึ้นว่า “ผลของความบ้าคลั่งในตัวหยู่เฮาอ่อนแอลงไปมาก ร่างกายของเขาน่าจะอดทนต่อไปได้อีกสักพัก ทำให้พวกเรามีเวลามากพอที่จะพาเขากลับไปยังภูเขาแห้งแล้ง”
ลั่วอู๋ดีใจมาก
ดูเหมือนว่าความพยายามของเขาจะเป็นผล
ผู้คนจากสำนักหม่าเฉินเองก็ต่างแสดงความดีใจและเคารพ ลั่วอู๋ ด้วยความขอบคุณ
หยู่เสี่ยวฉางเดินเขามาเพื่อพยุงตัวของหยู่เฮา ซึ่งหยู่เฮาก็ไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด ดูเหมือนว่าอารมณ์อันบ้าคลั่งจะลดลงไปจริง ๆ อย่างเห็นได้ชัด “ขอบคุณมาก”
หยู่เสี่ยวฉางไม่มีเวลาพูดขอบคุณจริง ๆ จัง นางช่วยพยุงตัวหยู่เฮาพร้อมที่จะพาเขาไป
ร่างกายของหยู่เฮาสั่นไปหมดทั้งตัว เขาทำได้เพียงแค่พยายามข่มใจตัวเอง
ความบ้าคลั่งอันไร้ขีดจำกัดของหยู่เฮาได้ทำให้ร่างกายของเขาทำงานเกินขีดจำกัด หากเขาโชคดีพอที่จะรอด บางทีความแข็งแกร่งของเขาอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับที่แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก
หรือไม่ก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดกระหายเลือดที่ไล่ฆ่าจนกว่าจะตาย
ทว่าทันใดนั้น เสียงระเบิดก็ดังขึ้นมาจากระยะไกล ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆฝนฟ้าคะนองอันรุนแรง ราวกับสวรรค์จะร่วงหล่นลงมา
พายุโหมกระหน่ำพร้อมกับฝนที่เทสาด
จากนั้นสายฟ้าก็พุ่งตรงมาที่นี่
“ ช่างมีพลังอะไรขนาดนี้ นั่นมันหนึ่งในอาจารย์งั้นเหรอ?” มีคนร้องอุทาน
อาจารย์พิเศษมองไปที่ทิศทางนั้นและพูดด้วยความประหลาดใจ “ไม่นั่นดูเหมือนเขาจะมาจากทิศทางของเจดีย์เก้าชั้น เขาคนนั้นคือเอ๋าเฉียนจุน”
ผู้คนต่างตกใจ
เพื่อฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองเอ๋าเฉียนจุน ได้สมัครเข้าร่วมการฝึกอบรมในเจดีย์เก้าชั้นซึ่งมีเพียงแค่ระดับอาจารย์เท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้ ซึ่งนั่นก็ผ่านมาเกือบแปดเดือนแล้ว
ใครจะไปคิดว่าจู่ๆเขาจะพุ่งออกมา
การพุ่งตัวออกมาของเขาทำให้เสียงดังสนั่น
“ ว่ากันว่าเขาขึ้นไปถึงชั้นที่สามของเจดีย์เก้าชั้น” มีคนกระซิบ
“ไม่จริงน่า เขาปราบสัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูงได้อย่างน้อยสองตัวเลยงั้นหรือ?”
“ เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ สมกับเป็นอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาด ที่หมื่นปีจะถือกำเนิดขึ้นมาครั้งหนึ่ง ไม่ควรมีใครในรุ่นเดียวกัน ที่จะสามารถเทียบเคียงกับความแข็งแกร่งของเขาได้”
ฝูงชนต่างประหลาดใจ
เอ๋าเฉียนจุนพุ่งมาพร้อมกับพายุและสายฟ้าอันน่ากลัว ผมสีดำของเขาปลิวไสวไปตามลม สีหน้าของเขานั้นยังคงดูไม่แยแส เขาเหมือนกับปีศาจที่ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงทุกข์ใจและกังวลเป็นอย่างมาก
เขาได้มาถึงมิติวิญญาณระดับทอง มิติ 9 ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน หรือก็คือเขาสามารถยกระดับมิติวิญญาณเล็ก ๆ ได้ถึงสามขั้น
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะมีระดับมิติวิญญาณเพียงระดับทอง มิติ 9 แต่แรงกดดันนั้นมากกว่าผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงใหม่ ๆ เสียอีก มันทำให้คนบางคนถึงกับหายใจไม่ออก
หลี่หวู่หยวน ถามด้วยเสียงทุ้ม “เอ๋าเฉียนจุน ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?”
“ถ้ามีศัตรูที่ทัดเทียมกันปรากฏตัวขึ้น มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอที่ข้าจะต้องออกมา” เอ๋าเฉียนจุน พูดอย่างแผ่วเบา แต่สายตาของเขามองไปทางหยู่เฮา และเสียงของเขาดังเหมือนฟ้าร้อง “ผู้สืบทอดของท่านหม่าเฉิน คนที่จะมาเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้”
เอ๋าเฉียนจุน เป็น พวกบ้าการต่อสู้
น่าเสียดายที่คนรอบข้างของเขาส่วนมาก ยากที่จะมีฝีมือถึงขั้นที่ทำให้เขายอมรับว่ามีฐานะของศัตรูได้ เขาจึงเต็มใจที่จะปล่อยให้ศัตรูของเขาแข็งแกร่งขึ้น และค่อยหาทางมาสู้อีกครั้งด้วยตัวเอง
เมื่อเขาเจอคู่ต่อสู้ที่คู่ควร เขาก็แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะมาหา
หยู่เฮา ถูกยั่วยุโดยจิตวิญญาณการต่อสู้ของเอ๋าเฉียนจุน ลมปราณของเขาจึงหนักหน่วงขึ้นในทันใด เขาถูกหลอกหลอนด้วยเจตนาฆ่าอันดุร้าย ราวกับว่ามีสัตว์ร้ายโบราณกำลังจะหลุดออกจากร่างของเขา
“ท่านพี่ใจเย็น ๆ ” หยู่เสี่ยวฉางตกใจมาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสงบอารมณ์ลงของหยู่เฮาในตอนนี้ และนางก็ไม่สามารถปล่อยให้เขาคลั่งอาละวาดได้
ลั่วอู๋ ชี้มือออกไป เพื่อใช้ชำระล้างบาปกับหยู่เฮาอีกรอบ น่าเสียดายที่ผลกระทบในครั้งนี้แย่ลงกว่าเดิมมาก แต่อย่างน้อยก็สามารถระงับอารมณ์เขาได้ชั่วครู่
“เจ้าเสียสติไปแล้วรึไง ?” ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะด่าเอ๋าเฉียนจุน “ตอนนี้หยู่เฮาต้องกลับไปที่ภูเขาแห้งแล้ง เพื่อขอความช่วยเหลือ นี่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาต่อสู้กับเจ้า”
ผู้คนมองไปที่เอ๋าเฉียนจุนอย่างประหลาดใจ
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเอ๋าเฉียนจุน นั้นเสียสติ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมาตรงๆ
มันไม่มีอะไรอยู่ในใจของเขานอกจากการฝึกฝนและการต่อสู้
บางคนถึงกับสงสัยว่า เขายอมสูญเสียความเป็นมนุษย์เพื่อที่จะได้ฝึกฝนตัวเองจนบรรลุสมาธิขั้นสุดยอดเช่นนี้
เอ๋าเฉียนจุน กล่าวช้าๆ “มันเป็นเพราะสถานะของเขา ข้าต้องการต่อสู้กับตัวเขาในตอนนี้ ด้วยที่เขาเป็นคนผู้สืบทอดพลังอำนาจมากของท่านหม่าเฉิน”
ฝูงชนต่างพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
นี่มันบ้ามาก
หลี่หวู่หยวนมองไปที่เอ๋าเฉียนจุนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “อย่ามายุ่ง ถ้าเจ้าต้องการต่อสู้กับเขา เจ้าก็ควรรอให้หยู่เฮาฟื้นตัวขึ้นมาก่อน ถึงเวลานั้นพละกำลังของเขาจะทะยานขึ้นมาก ประกอบกับขวานเหล็กแห่งความวุ่นวายแล้ว เขาจะต้องสามารถต่อสู้กับเจ้าได้แน่นอน”
เอ๋าเฉียนจุน ส่ายหัว “ไม่มีทาง”
“ทำไม?”
“เพราะข้ากำลังจะก้าวสู่มิติวิญญาณระดับทองขั้นสูง และยังไม่มีใครที่เข้าตาข้านอกจากเขา ข้าอยากจะสู้กับเขาตอนนี้”
มันฟังดูไม่มีเหตุผล
แต่นี่แหละคือ ความเป็นจริงของชายที่ชื่อว่าเอ๋าเฉียนจุน
เมื่อเขาต้องการที่จะสร้างความก้าวหน้า และไม่มีเพื่อนคนไหนที่คุ้มค่าพอที่จะมาเป็นคู่ฝึกเป้าหมายของเขาจึงตกเป็นชายที่มีความแข็งแกร่งของคนรุ่นเก่าอย่างหยู่เฮา
ตอนนี้เขาอยากเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่น
ทุกคนตกใจกับประโยคนี้
หยู่เสี่ยวฉางด่าสาปส่งเขา “เจ้าเป็นโรคประสาทรึไง ? ข้าต้องพาท่านพี่ไปรักษาตั้งแต่ตอนนี้ เจ้าไม่มีความสามารถในการระงับการพัฒนามิติวิญญาณรึไง ? รอให้ท่านพี่ของข้ากลับมาก่อน เขาจะมาสู้กับเจ้าเป็นการส่วนตัวแน่”
หลังจากนั้น หยู่เสี่ยวฉาง ก็แบกหยู่เฮาไป
“ข้าไม่เคยระงับการพัฒนามิติวิญญาณของตัวเอง เพราะมันไม่มีความหมาย” เอ๋าเฉียนจุน กล่าวช้าๆจากนั้นร่างกายของเขาก็กลายเป็นสายฟ้าพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน
เขาต้องการจะต่อสู้กับหยู่เฮาในตอนนี้
เขาแค่ต้องกระตุ้นจิตวิญญาณในการต่อสู้ของหยู่เฮาเท่านั้น จากนั้นก็จะไม่มีใครมาขวางการต่อสู้นี้ได้
ทุกคนตกใจกันมาก ไม่มีคาดคิดว่าเอ๋าเฉียนจุนจะเด็ดขาดขนาดนี้
“หยุดเถอะ” ลั่วอู๋ที่อยู่ใกล้ สองพี่น้องหยู่ คำรามจากนั้นก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า เอ๋าเฉียนจุน “ถ้าเจ้าอยากต่อสู้มากนักล่ะก็ ข้าจะสู้กับเจ้าเอง”
“เจ้ายังไม่ถึงขั้น” หมัดคู่ของเอ๋าเฉียนจุน เต็มไปด้วยสายฟ้าอันน่าตื่นตา
เขาเตรียมใช้หมัดวายุสายฟ้าคำรน
แต่ลั่วอู๋ไม่ได้เกรงกลัว
เงาเสมือนทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว โดยเงาที่สามคือภูตสงคราม
“ ถ้าข้าทำได้ขึ้นมา เจ้าก็ควรหุบปากไปซะ!”
ลั่วอู๋อาบร่างตัวเองด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ในมือถือดาบระบำแห่งความตายที่ใบดาบห่อหุ้มด้วยเปลวไฟอันน่ากลัว
เขาไม่ได้เลือกให้ตวนซีอวตารเป็นสัตว์วิญญาณระดับเพชร ส่วนเหตุผลนั้นง่ายมากเพราะภูตสงครามดาบแห่งวันพิพากษาที่สามารถเพิ่มพลังของดาบได้
หลังจากอ่านบทความในหนังสือของจักรพรรดิดาบ มันก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงรอยประทับที่ฝังลึกไว้ในใจของ ลั่วอู๋
“วันนี้ถ้าข้าใช้ดาบระบำแห่งความตาย ที่เสริมด้วยดาบแห่งวันพิพากษา และแนวคิดของจักรพรรดิดาบมา รับมือกับหมัดวายุสายฟ้าคำรนของเจ้า เจ้าจะรับมือยังไง?” ดวงตาของลั่วอู๋เต็มไปด้วยแสง เขาลุกขึ้นพร้อมกับดาบของเขา
ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงพลังของดาบอันยิ่งใหญ่ มันทรงพลังมากจนเหมือนว่าจะกวาดแผ่นดินทั้งหมดและสร้างโลกขึ้นมาใหม่ได้
หลี่หวู่หยวน ที่กำลังจะหยุดเอ๋าเฉียนจุน ถึงกับต้องหยุดลง มีร่องรอยของความประหลาดใจฉายในดวงตาของเขา ลั่วอู๋มีความเข้าใจในวิชาดาบที่แข็งแกร่งและโดดเด่นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงเสี้ยวเดียว
เห็นได้ชัดว่าความเข้าใจในทักษะดาบนี้ ไม่ใช่ของลั่วอู๋ แต่เป็นสิ่งที่เขายืมมาจากคนอื่น
พลังอันน่ากลัวทั้งสองปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง พลังวิญญาณพวยพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง สั่นสะเทือนไปทั่วราวกับแผ่นดินถูกทำลาย
พลังวิญญาณที่ตกค้างกระเพื่อมไปมาจนทำให้ผู้คนรอบข้างต้องก้าวถอยหลังไป
เอ๋าเฉียนจุน ยังดูไม่แยแสในขณะที่มีเลือดไหลออกมาระหว่างนิ้วของเขา ส่วนลั่วอู๋ ก็ร่ายรำดาบระบำแห่งความตายและไม่มีทีท่าว่าจะถอยหลัง
ลั่วอู๋ สามารถรับมือเขาแบบตัวต่อตัวได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก