ไหปีศาจ - บทที่ 437 คนโกหกตัวน้อย
บทที่ 437 คนโกหกตัวน้อย
บทที่ 437
คนโกหกตัวน้อย
เหวินเสี่ยวยอมรับชะตากรรมของเขาแต่โดยดี
หากลั่วอู๋สามารถรักษาสัตว์วิญญาณแห่งราชวังเป่ยหมิงได้ ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องอื่น
โดยคนที่จะไปยังทะเลเหนือสุดขอบ ก็คือ ลั่วอู๋, หลี่หยิน, ฉูจงฉวน, หลินยูหลัน, เหวินเสี่ยว และ องค์หญิงเจียโรว
ลั่วอู๋ และเหวินเสี่ยวต้องไปที่นั่นเพื่อพยายามหาทางช่วยสัตว์วิญญาณที่คุ้มครองพระราชวังเป่ยหมิงส่วนคนอื่น ๆ นั้นไปเพื่อหาประสบการณ์ความรู้
เมื่อเทียบกับที่อื่นแล้ว ทะเลเหนือสุดขอบนั้นถือว่าเป็นสถานที่ที่มีความลึกลับมาก
แม้ว่าดินแดนเซียนโบราณหมื่นอมตะจะลึกลับ แต่ทุกคนต่างก็ทราบกันดีว่าดินแดนเซียนโบราณหมื่นอมตะมีสภาพแวดล้อมที่สวยงามและเป็นสถานที่พำนักของเหล่าภูต
แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้เกี่ยวกับทะเลเหนือสุดขอบ
หากพูดถึงทะเลเหนือสุดขอบแล้ว ความคิดแรกก็คือทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลและหนาวเหน็บ
แต่นอกจากนั้นล่ะ?
ไม่มีใครรู้
สิ่งที่ทุกคนรู้ดูเหมือนจะมีแค่ทะเลเหนือสุดขอบนั้นมีทะเลอยู่
อันที่จริงลั่วอู๋เองก็ไม่รู้เช่นกัน เขาเองก็เพิ่งรู้มาจากเหวินเสี่ยว ว่าที่นั่นมีผู้คนอาศัยอยู่ และดูเหมือนจะมีผู้คนเป็นจำนวนมากเสียด้วย
สำหรับพระราชวังเป่ยหมิงที่เหวินเสี่ยวกล่าวถึงนั้น ลั่วอู๋ได้ไปหาข้อมูลมาจากหนังสือมากมายในคฤหาสน์สุตรา แต่เขาก็ไม่พบบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
มันอาจจะอยู่ไกลเกินไป? หรือมีคนรู้เกี่ยวกับมันน้อยเกินไป?
อย่างไรก็ตาม หลี่หวู่หยวน นั้นดูเหมือนจะตามใจลั่วอู๋ มากเกินไป ครั้งนี้เองเขาก็ได้ใช้พิกัดห้วงมิติเชิงพื้นที่สำหรับการฝึกอบรมมิติ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในสอง-สามปีอีกครั้ง ตามคำขอของลั่วอู๋
ตามหลักแล้ว อย่างน้อย ๆ เขาต้องทำผลงานได้ดี จนคว้าอันดับสูง ๆ ในรายชื่อเฉียนหลงมาก่อน จึงจะสามารถเข้าร่วมการฝึกอบรมมิติที่สำนักจัดขึ้น โดยไม่สามารถเลือกสถานที่ได้
แต่ปัจจุบัน ลั่วอู๋ นั้นได้ไปฝึกฝนทุกหนทุกแห่ง จนแทบจะไม่ได้ใช้เวลาในสำนักเฉียนหลงเลย
เห็นได้ชัดว่า หลี่หวู่หยวน ค่อนข้างชอบใจในตัวของ ลั่วอู๋
ช่องว่างมิติถูกเปิดออก
ทั้งหกคนถูกส่งไปที่มณฑลเสิ่นชุน มณฑลที่อยู่ตรงจุดเหนือสุดของอาณาจักรราชวงศ์มังกรเร้นกาย
ปฏิกิริยาแรกของลั่วอู๋ทันทีที่เขามาถึงคือเขารู้สึกหนาวจนตัวสั่น ที่นี่คือสถานที่ที่หนาวเย็นที่สุดในอาณาจักรราชวงศ์มังกรเร้นกาย หรือที่ผู้คนเรียกกันว่าเมืองหลวงน้ำแข็ง
ในฤดูร้อนผู้มีอำนาจหลายคนมักจะส่งคนมาตักน้ำแข็งจากที่นี่
“ฟู่ อากาศหนาวจัง” ฉูจงฉวน บ่นแล้วหันไปมองรอบ ๆ แม้ว่ามณฑลเสิ่นชุนจะอยู่ในที่ห่างไกลเช่นนี้ แต่มันก็ไม่ได้ล้าหลังแต่อย่างใด ที่นี่ยังคงมีกำแพงอันหนาทึบและถนนอันเจริญรุ่งเรือง ผู้คนที่นี่ทุกคนต่างล้วนสวมชุดผ้าฝ้ายบุนวมหนา และแน่นอนว่าสัตว์วิญญาณซึ่งมีคุณสมบัติธาตุไฟ ย่อมเป็นที่นิยมมากที่สุดที่นี่ เพราะมันสามารถใช้ในการทำความร้อนได้
ในร้านอาหารขนาดใหญ่และบ้านของคนรวยหลายแห่ง มักจะมีสัตว์วิญญาณธาตุไฟหลายตัวถูกเก็บไว้ภายใน อยู่ดีกินดีด้วยการใช้ทักษะธาตุไฟในการรักษาอุณหภูมิ
แน่นอนว่าคนธรรมดาทั่วไปเองก็มีวิธีทำให้ตนเองอบอุ่นได้เช่นกัน วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการเผาไม้และถ่านหิน ที่ยังคงสามารถทำให้พวกเขารู้สึกสบายและอบอุ่นเมื่อกลับมาถึงบ้านได้
“ที่หมายของพวกเราคือทะเลเหนือสุดขอบไม่ใช่เหรอ?” หลินยูหลัน ถามอย่างสงสัย
“ทะเลเหนือสุดขอบเป็นแค่ คำจำกัดความทั่วไปสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ทางตอนเหนือน่ะ ความจริงแล้ว ตราบใดที่ก้าวออกจากมณฑลเสิ่นชุนไปทางเหนือ ก็จะถือว่าอยู่ในขอบของพื้นที่ทะเลเหนือสุดขอบ” ลั่วอู๋ อธิบาย
พิกัดเชิงพื้นที่ของสำนักเฉียนหลงตั้งอยู่ที่นี่เท่านั้น เนื่องจากมีคนเพียงไม่กี่คนที่สนใจจะไปยังทะเลเหนือสุดขอบ ดังนั้นมันจึงไม่มีความหมายที่จะไปหาพิกัดเชิงพื้นที่ภายในทะเลเหนือสุดขอบมา
แต่นี่ก็ดีเหมือนกัน
มันทำให้พวกเขามีเวลาทำการปรับตัว
นอกจากนี้พวกเขายังสามารถเตรียมการซื้อเสื้อผ้าต่าง ๆ ไว้ก่อนได้ แม้ว่าความแข็งแกร่งของทุกคนจะเพียงพอสำหรับการต้านทานความหนาวเย็น แต่มันก็ยังดีกว่าหากจะรักษาพลังวิญญาณเอาไว้ด้วยการใส่เสื้อกันหนาวแทน
“ข้าจะไปหาเสื้อผ้าก่อนนะ” ลั่วอู๋ กล่าว
ครั้งนี้เหวินเสี่ยวแทบไม่ได้พูดกระตุ้นอะไร เพราะเขารู้ว่ามันจำเป็น
เขามาจากส่วนลึกของทะเลเหนือสุดขอบ เขาจึงรู้ถึงอันตรายในการเข้าออกพื้นที่ดังกล่าว พวกเขามีหนทางอีกยาวไกลรออยู่ เพื่อจะไปยังพระราชวังเป่ยหมิงและมันก็อันตรายมาก
สัตว์วิญญาณต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในทะเลเหนือสุดขอบ จะไม่เมตตาเพียงเพราะเขาเป็นคนของทะเลเหนือแน่
แม้แต่เขาเองยังใช้เวลาสามเดือนในการเดินทางออกมา
เสื้อผ้าฝ้ายนั้นเป็นเสื้อผ้าที่พบบ่อยที่สุดที่นี่ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตลอดในการเดินเล่นรอบมณฑล
แต่เมื่อลั่วอู๋กำลังจะเดินออกจากร้านเสื้อผ้า เพื่อจะไปพบกับฉูจงฉวน ลั่วอู๋ก็ถูกหยุดไว้โดยเด็กชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
ดวงตาของเด็กน้อยคนนั้นกลมโต มันมีสีเข้มและดูสดใส แม้เขาจะดูผอมไปหน่อย และเสื้อผ้าก็ดูโทรมในหลาย ๆ จุด แต่เขาก็ยังคงอบอุ่นดี
“เจ้า เป็นคนต่างถิ่นใช่ไหม? ” เด็กน้อยพูดเสียงใส
ลั่วอู๋หัวเราะมากแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้ารู้ได้อย่างไร ?”
“ ข้าสังเกตเห็นจากเสื้อผ้าของเจ้า ข้าขอเดาว่าเจ้าต้องฝึกฝนการใช้พลังวิญญาณ มาดีมากด้วยใช่ไหม?” เด็กชายกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
ลั่วอู๋มองดูตัวเอง
เสื้อผ้าของพวกเขาทำจากผ้าไหม ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าไม่ได้มาจากที่นี่
ในสภาพอากาศหนาวเย็นถ้าใส่เสื้อผ้าบาง ๆ เช่นนี้ แล้วยังสงบอยู่ได้ ยังไงซะก็ต้องเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณ
“ใช่ เจ้ามีอะไรจะให้ข้าช่วยงั้นเหรอ ?” ลั่วอู๋ ถาม
เด็กน้อยแสร้งทำเป็นคนลึกลับแล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “เจ้าเองก็กำลังตามหาเงือกแห่งห้วงลึกอยู่ล่ะสิ ข้ามีข้อมูลเกี่ยวกับมัน เจ้าสนใจหรือไม่?”
“เงือก?” ลั่วอู๋คิดในใจ “ไหนเจ้าลองเล่ามาสิ”
เด็กน้อยยื่นมือออกมา “หินวิญญาณ”
ลั่วอู๋หัวเราะอย่างช่วยไม่ได้จากนั้นก็หยิบหินวิญญาณออกมาแล้วส่งให้เขา “นี่ค่าตอบแทนข้อมูล”
“ขอบคุณสำหรับความสนใจ” เด็กน้อยรับหินวิญญาณมาด้วยสีหน้าดีใจมาก ดวงตาของเขาหรี่ลงเป็นเส้น เขาไม่คาดคิดว่าลั่วอู๋จะใจกว้างขนาดนี้
“เล่ามาหน่อยสิ”
“มีคนบอกว่า ในทะเลเหนือเมื่อไม่นานมานี้มีสัตว์วิญญาณลึกลับที่มีหางปลาปรากฏตัวขึ้น และมันมีรูปร่างสวยงามมาก” เด็กน้อยกล่าว
“ เงือกแห่งห้วงลึก?”
“ใช่ ใช่ นั่นคือชื่อของมัน ข้ามีอะไรจะบอกเจ้า ถ้าเจ้าต้องการจับเงือกแห่งห้วงลึกล่ะก็ เจ้าต้องซื้อยาหยู่หลง จากร้านค้าสีฟางว่ากันว่ามันเป็นสิ่งที่เงือกแห่งห้วงลึกชอบกินมากที่สุด” เด็กน้อยพูดด้วยเสียงต่ำ
ร้านค้าสีฟาง เป็นร้านค้าที่เชี่ยวชาญในธุรกิจยา
ยาหยู่หลงที่เขาพูดถึง ลั่วอู๋ก็เคยได้ยินมาว่าเป็นยาระดับสาม ที่สามารถใช้เป็นอาหารให้กับสัตว์วิญญาณ ที่มีคุณสมบัติธาตุน้ำระดับต่ำได้ อย่างไรก็ตามมันแทบจะไม่มียานี้ขายในเขตหวงชาเลย ดังนั้นสำนักโล่พิทักษ์ จึงไม่เคยมีสินค้าประเภทนี้
แต่ที่แปลกก็คือ เงือกแห่งห้วงลึก เป็นสัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูง พวกมันจึงไม่น่าชอบอะไรแบบนั้น
ปากของลั่วอู๋แสดงรอยยิ้มล้อเลียน “ยาหยู่หลงที่ว่านั่นราคากี่หินวิญญาณ?”
“เมื่อเร็ว ๆ นี้มี คนต่างถิ่นไหลเวียนกันเข้ามามากขึ้น เรื่อย ๆ ด้วยความสนใจในความงามของเงือกแห่งห้วงลึกมันจึงยากที่จะหาซื้อยาหยู่หลงในช่วงนี้” เด็กน้อยกระซิบ “เว้นแต่ เจ้าจะมีเส้นสายพิเศษ”
“ข้าเป็นแค่คนต่างถิ่น ไม่ใช่คนสำคัญอะไรหรอก”
เด็กน้อยมีความสุขมาก เขาไม่คาดคิดว่า สถานการณ์มันจะราบรื่นได้ขนาดนี้ เขาจึงพูดอย่างรีบร้อน “เจ้าโชคดีมากเลยนะ ข้ารู้จักชายคนหนึ่งจากร้านค้าสีฟางที่สามารถช่วยเจ้าหาของได้คนหนึ่ง ข้าสามารถหายาหยู่หลงได้ในราคา 3000 หินวิญญาณ เจ้าสนใจไหม?”
ลั่วอู๋เหลือบมองเขา
ยาหยู่หลงไม่เพียง เป็นยาระดับสามเท่านั้น แต่มันยังถูกใช้เป็นอาหารของสัตว์วิญญาณได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามมันเป็นยาระดับสามที่มีมูลค่าต่ำที่สุด ซึ่งสามารถซื้อในราคาเพียง 5 หินวิญญาณ ก็ได้มาเป็นขวดแล้ว
แต่เด็กคนนี้ต้องการขายเขาในราคาเม็ดล่ะ 3000
เด็กน้อยเจ้าเล่ห์คนนี้คงไม่รู้ว่าลั่วอู๋เองก็เคยทำธุรกิจขายยาวิญญาณมาก่อน
“นี่มันแพงมากเลยนะ” ลั่วอู๋กล่าว
เด็กน้อยพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “อย่าพูดอย่างนั้นสิ หากเจ้านำ เงือกแห่งห้วงลึก ไปประมูลที่เมืองหลวงของจักรวรรดิ เจ้าก็สามารถขายมันได้ในราคาอย่างน้อย 10 ล้าน หินวิญญาณ เทียบแล้วมันก็เป็นค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย”
“ที่เจ้าพูดก็มีประเด็นอยู่” ลั่วอู๋ หัวเราะเบา ๆ “เจ้าได้ค่านายหน้าเท่าไหร่กัน ?”
สีหน้าของเด็กน้อยแข็งกร้าว “เจ้ากำลังพูดถึงอะไรกัน ? ข้าใจดีพอที่จะขายข่าวให้เจ้า ข้าไม่ได้คิดค่านายหน้าใด ๆ ทั้งนั้นแหละ ”
“ลืมมันไปเถอะ” ลั่วอู๋หันหนีไป
“ อย่าเพิ่งรีบร้อน” เด็กน้อยรีบพูดอย่างไม่เต็มใจ “ตกลง ในเมื่อเจ้ารู้เกี่ยวกับมันแล้ว ข้าจะขายให้เจ้า ถูก ๆ ในราคา 2700 หินวิญญาณ”
ลั่วอู๋ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะโกหกเขาต่อ
“ เจ้ากล้าขายยาระดับสามในราคาสูงเช่นนี้ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ? ด้วยราคา 3000 หินวิญญาณข้าสามารถซื้อมันได้เป็นกล่องด้วยซ้ำ” ลั่วอู๋กลอกตา
เด็กน้อยตกตะลึงอย่างเขินอายพร้อมยิ้มออกมา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ เจ้าต้องการอะไรอีกไหม หยกอุ่นคุณภาพดีที่สุด หรือ เรือหยูไห่ล่ะ เจ้าต้องเตรียมการเพิ่มเติมสำหรับการออกไปข้างนอก ไปในทะเลเหนือใช่ไหมล่ะ … ”
เขาเป็นคนมีความสามารถในการหว่านล้อมและความกล้าในการขาย
“เจ้าหนู เจ้าไม่ใช่แค่คนที่รู้จักร้านค้าสีฟางดีใช่ไหม ?” ลั่วอู๋ถามอย่างกะทันหัน
เด็กน้อยสารภาพพลางโค้งมือของเขาแล้วพูดว่า “ใช่ ข้านี่แหละเป็นคนเปิด ร้านค้าสีฟาง ข้าชื่อ ฮวงเสี่ยวหยวน เป็นเจ้าของร้านค้าสีฟาง”