ไหปีศาจ - บทที่ 439 ทีมล่าสัตว์ ทะลวงน้ำแข็ง
บทที่ 439 ทีมล่าสัตว์ ทะลวงน้ำแข็ง
บทที่ 439
ทีมล่าสัตว์ ทะลวงน้ำแข็ง
ลั่วอู๋กลับมาหาพรรคพวกพร้อมกับเสื้อหนาวผ้าฝ้าย
พวกเขาต่างกำลังยืนรออยู่ที่ซุ้มประตูเมืองของมณฑลเสิ่นชุน ที่มีคนเดินไหลเวียนเข้าออกไปมาพลุ่งพล่าน ดูเหมือนว่าจะมีคนต่างถิ่นเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก บางคนเดินทางเข้ามาเป็นกลุ่ม แม้พวกเขาจะไม่ได้มีระดับมิติวิญญาณสูงเท่าไหร่ แต่ก็ดูแข็งแกร่งมาก
ลั่วอู๋มองไปรอบ ๆ และพบว่าพวกเขาหลายคนถือเครื่องมือพิเศษ รูปร่างเหมือนลวดหนามตะขอสำหรับจับปลาขนาดยักษ์และหน้าไม้ดัดแปลง
“ทีมล่าสัตว์?”
ลั่วอู๋ระบุตัวตนของพวกเขาได้ในทันที
ในพื้นที่หวงชาทีมล่าสัตว์เช่นนี้นั้นเป็นเรื่องธรรมดามาก
เขาสามารถแยกแยะคนพวกนี้ออกจากคนทั่ว ๆ ไปได้อย่างชัดเจนจากนิสัยใจคอ
แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะแตกต่างกัน แต่ทะเลทรายของเขตหวงชา และทะเลสุดขอบ ต่างก็มีสถานการณ์ที่คล้ายกันมาก ทั้งสองสถานที่ต่างมีสัตว์วิญญาณหลากหลายสายพันธุ์
หากจับได้มากก็เปรียบเสมือนงานใหญ่ที่ทำให้มีงบอยู่ได้เป็นปี
“มัวทำอะไรอยู่ตั้งนาน?” เหวินเสี่ยวกล่าวพร้อมกับบ่น
ลั่วอู๋ส่งเสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายให้กับทุกคนแล้วพูดว่า “มีเรื่องให้ล่าช้านิดหน่อย”
“ข้าพบว่าที่นี่มีทีมล่าสัตว์จำนวนมากที่พาสุนัขลากเลื่อนไปด้วยเมื่อพวกเขาออกเดินทาง พวกเราควรจะซื้อพวกมันสักสองตัวไหม?” ฉูจงฉวนถามขึ้น
สุนัขลากเลื่อนมีชื่อเดิมว่าสุนัขซาชี มันเป็นสัตว์วิญญาณระดับทองแดงชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตอันหนาวเย็นของที่นี่ได้ อย่างไรก็ตามมันค่อนข้างโง่ จนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครคือเจ้าของของมัน
หลังจากข้ามทะเลเหนือสุดขอบไป พวกเขาจะต้องเข้าสู่พื้นที่ธารน้ำแข็ง ซึ่งสุนัขลากเลื่อนเหล่านี้จะมีประโยชน์มาก
“มันคงจะยากสักหน่อย” “ ข้าได้ยินมาว่ามีคนต่างถิ่นเข้ามาเป็นจำนวนมาก เมื่อเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นข้าไม่คิดว่าจะมีสุนัขลากเลื่อนเหลือให้พวกเราซื้อเท่าไหร่” ลั่วอู๋กล่าว
“ข้าจะลองถาม เจียโรว กับหลี่หยิน ดู” หลินยูหลัน กล่าว
ความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวทั้งสามคนนั้นค่อนข้างกลมกลืน
หลินยูหลัน เคยช่วยองค์หญิงเจียโรวเอาไว้ ประกอบกับท่าทีของหลินยูหลันที่ไม่ได้สนใจสถานะในฐานะองค์หญิงของนางเท่าไหร่ นี่ทำให้องค์หญิงเจียโรวรู้สึกดี
สามสาวลองเดินออกไปสอบถามหาข้อมูล
ซึ่งสถานการณ์ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ตอนนี้สุนัขลากเลื่อนแทบจะไม่มีเหลือให้ซื้อแล้ว
“น่าเสียดาย ข้าอยากเห็นสุนัขลากเลื่อนทำการลากเลื่อนดูสักครั้ง ข้าได้ยินมาว่ามันน่ารักมาก”องค์หญิงเจียโรว กล่าวด้วยความเสียใจ
ทันใดนั้นชายร่างใหญ่ก็เดินเข้ามาแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าอยากไปทะเลเหนือสุดของกันงั้นเหรอ ?ทีมทะลวงน้ำแข็งของพวกเรา สามารถให้พวกเจ้าติดเรือไปด้วยได้นะ พวกเจ้าแค่ต้องจ่ายให้พวกเรา 500 หินวิญญาณเท่านั้นเอง”
“ทีมของเจ้ามีสุนัขลากเลื่อนรึเปล่า ?” ลั่วอู๋ ถาม
“แน่นอนสิ” ชายร่างใหญ่ชี้ไปที่ทีมงานด้านหลังเขา พวกเขามีสมาชิกประมาณ 20 คน ทุกคนดูเข้มแข็งและแข็งแกร่งมาก ลมปราณอยู่ระหว่างมิติวิญญาณระดับเงินและทอง สามคนที่ดูเป็นผู้นำนั้นดูเหมือนจะอยู่ในมิติวิญญาณระดับทอง ซึ่งถือเป็นระดับแข็งแกร่งที่ค่อนข้างสูงสำหรับทีมล่าสัตว์
พวกเขามีสุนัขลากเลื่อนสิบตัว พวกมันมีดวงตาสีน้ำเงินเข้ม บางตัวมีขนสีขาวบริสุทธิ์ บางตัวก็สีดำ พวกมันหน้าตาดีมาก แต่ดูโง่เง่า
สุนัขลากเลื่อนสิบตัวนั้นมีกำลังมากพอที่จะลากเลื่อนขนาดใหญ่ได้
ราคา 500 หินวิญญาณ ต่อคนเองก็ถือว่าไม่แพงมากเท่าไหร่ ทีมล่าสัตว์ส่วนมากมักจะคิดราคาสำหรับการเดินทางเช่นนี้อยู่ที่ 1000 หินวิญญาณ เพราะการรับคนไปด้วยแบบนี้เองก็เป็นอาชีพเสริมของทีมล่าสัตว์อยู่แล้ว
พวกเขาพาผู้คนจากต่างถิ่นออกไปในทะเลเหนือสุดขอบ ให้ความคุ้มครองและเก็บค่าตอบแทน
นอกจากนี้การไปกับทีมล่าสัตว์ ก็เท่ากับว่าจะมีคนนำทางที่ดี ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงการหลงทางในทะเลเหนือสุดขอบได้
“ลองคิดดูสิน้องชาย ทีมทะลวงน้ำแข็งของพวกเราเป็นมืออาชีพในด้านนี้ พวกเราสามารถปกป้องพวกเจ้าได้อย่างแน่นอน หากพวกเจ้าต้องการจับสัตว์วิญญาณ พวกเราก็สามารถช่วยพวกเจ้าด้วย เพียงจ่ายเงินจ้างพวกเราเพิ่ม” ชายร่างใหญ่กล่าว
ลั่วอู๋หันกลับมาถาม “พวกเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง ?”
“ไม่มีปัญหา” ทุกคนต่างพยักหน้า
ลั่วอู๋กำลังตกลงทำสัญญากับทีมทะลวงน้ำแข็ง แต่แล้วเขาได้ยินเสียงดังมาจากใกล้ ๆ “ไม่ อย่าเพิ่งสัญญากับพวกเขา”
เมื่อหันกลับไปเขาก็พบว่าฮวงเสี่ยวหยวนกำลังดิ้นรนวิ่งมาที่นี่
“ ไม่ต้องไปสัญญากับพวกเขา” ฮวงเสี่ยวหยวน วิ่งไปที่ลั่วอู๋ในสภาพอ้าปากค้าง
ชายร่างใหญ่เริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดี “เจ้าหนู เจ้าต้องการอะไร?”
“บอสหวัง ใจเย็น ๆ ก่อน พวกเขาเป็นเพื่อนของข้า พวกเขาไม่ได้ต้องการจะออกไปยังทะเลเหนือสุดขอบในตอนนี้” ฮวงเสี่ยวหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว
“นั่นไม่ได้ตอบคำถามของข้า ถ้าเจ้าไม่พูดออกมาเรื่องก็ไม่จบ” “เจ้าต้องการอะไรกันแน่?” ขายร่างใหญ่พูด
ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจอย่างมากที่ธุรกิจถูกขัดขวาง
เขาคงต้องการสอนบทเรียนให้ฮวงเสี่ยวหยวน แต่ลั่วอู๋ที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็พูดขึ้นว่า “เขาเป็นสหายของข้า เจ้าต้องการจะมีปัญหากับเขางั้นเหรอ?”
ชายร่างใหญ่หวั่นไหวกับสายตาของลั่วอู๋ เขาจึงทำได้เพียงแค่หันกลับไป พร้อมกับสบถว่าโชคร้ายในขณะที่เดินจากไป
ทุกคนต่างสงสัย “สถานการณ์นี้คืออะไรกัน ? เด็กคนนี้เป็นใคร?”
“ พวกเราเพิ่งเจอกัน” “เจ้าต้องการอะไรงั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ถามด้วยเสียงต่ำ
เมื่อฮวงเสี่ยวหยวน เห็นว่าชายร่างใหญ่จากไปแล้ว เขาก็เริ่มพูด “มองไปรอบ ๆ ตัวเองสิ”
ลั่วอู๋หันกลับไปและมองไปรอบ ๆ
ทีมล่าสัตว์จำนวนมากต่างมองพวกเขาด้วยสายตา แปลก ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกับนักล่าที่กำลังมองแกะตัวอ้วนใหญ่
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ ถาม
ฮวงเสี่ยวหยวน กล่าว “จากเสื้อผ้าที่พวกเจ้าสวมใส่ พวกเขาเลยรู้ว่าพวกเจ้ามาจากต่างถิ่นและร่ำรวย ทีมล่าสัตว์เหล่านี้ชอบที่จะขูดรีดเงินจากคนอย่างพวกเจ้าไง”
มันเป็นความจริงที่ว่าพวกเขาทั้งหมดต่างมีฐานะและทรัพย์สินมากมาย
แม้เสื้อผ้าจะไม่ได้ดูสวยหรู แต่คนอื่น ๆ ก็สามารถสังเกตเห็นได้ว่าพวกมันเป็นสินค้าชั้นหนึ่ง โดยดูจากวัสดุที่ใช้ ใช่แล้ว พวกเขาย่อมเป็นแกะตัวใหญ่ในสายตาทีมล่าสัตว์”
“ทีมล่าสัตว์เหล่านี้จะพาพวกเจ้าออกไป และกลับออกมาก่อนโดยที่พวกเจ้ายังไม่ได้อะไร และถ้าพวกเจ้าไม่จ่ายเงินเพิ่ม พวกเจ้าก็จะหลงทางและไม่สามารถออกจากทะเลเหนือสุดขอบได้” ฮวงเสี่ยวหยวน กล่าว
“แย่ชะมัด” พรรคพวกลั่วอู๋ทุกคนต่างประหลาดใจ
“ คำนวณดูแล้ว 500 หินวิญญาณ ต่อคนรวม ๆ กับก็ต้องใช้ถึง 5,000 หินวิญญาณ เพื่อลงทะเล พวกเจ้า สู้ไปหาคนท้องถิ่นเช่าเหมาเรือออกทะเลกันเองดีกว่า”
องค์หญิงเจียโรว พูดอย่างตื่นเต้นว่า “เช่าเรือกันเถอะ ข้าอยากลองพายเอง”
นอกจากเหวินเสี่ยวแล้ว ในบรรดาพวกเขาไม่มีใครเคยได้เดินทางออกทะเล โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาย่อมมีความสุขที่จะได้พายเรือออกไปในทะเลด้วยตัวเอง
“ข้าเกรงว่าพวกเราจะทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้มีคนต่างถิ่นเดินทางเข้ามากันมาก และเรือเช่าเองก็น่าจะหมดไปนานแล้ว” ฮวงเสี่ยวหยวนกล่าว
“งั้นก็แค่จ่ายหินวิญญาณเพิ่ม” ลั่วอู๋ไม่สนใจแล้วพูดต่อไป “ไม่เป็นไร พวกเราก็แค่เลือกทีมทะลวงน้ำแข็งไปก่อน”
ทุกคนพยักหน้า
ตอนนี้ไม่มีพวกเขาคนไหนที่ขาดแคลนเงิน
ฮวงเสี่ยวหยวน กล่าวด้วยความโกรธ: “ถ้าแค่ใช้เงินแล้วเรื่องก็จบ ทำไมข้าถึงต้องเสี่ยงมีเรื่องกับบอสหวัง เพื่อหยุดพวกเจ้าเล่า ? ทีมทะลวงน้ำแข็ง นั้นเป็นหนึ่งในนักล่าที่มีอำนาจและโลภมากที่สุดที่นี่ ที่สำคัญคืออัตราการรอดชีวิตในการออกไปทะเลกับพวกเขานั้นต่ำที่สุด ”
ลั่วอู๋แปลกใจ “ทำไม?”
“พวกเขาโลภมากเกินไป ถ้าพวกเขาไม่พอใจล่ะก็ พวกเจ้าอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก เร็ว ๆ นี้ไม่มีกลุ่มคนต่างถิ่นกลุ่มไหนที่ออกทะเลไปกับพวกเขาแล้วสามารถกลับมาได้”
“แม้พวกเขาจะอ้างว่าเป็นเพราะถูกโจมตีโดยสัตว์วิญญาณ แต่พวกเราทุกคนต่างก็รู้กันดีว่ามันเป็นเพราะเงินต่างหาก พวกเขาฆ่าคนเหล่านั้นแล้วปล้นเงินมาโดยตรง”
ทุกคนต่างประหลาดใจกับเรื่องนี้
มีเรื่องแบบนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?
“ในตอนที่พวกเขาล่องเรือไปยังน่านน้ำแปลก ๆ พวกเขาจะทำมันโดยไม่ต้องสนใจอะไร พวกเขามีทักษะธาตุน้ำที่ยอดเยี่ยม และรู้วิธีต่อสู้ในทะเล ไม่ว่าในกรณีใดก็ตามพวกเขาก็จะไม่มีปัญหาใด ๆ หากพวกเขาลอบฆ่าคนต่างถิ่นที่นั่น” ฮวงเสี่ยวหยวน กล่าว
หลังจากฟังสิ่งเหล่านี้ ลั่วอู๋ ก็หัวเราะ “ยิ่งเจ้าพูดแบบนี้ ทำให้ข้ายิ่งอยากจะเลือกทีมทะลวงน้ำแข็งนี่เข้าไปใหญ่”
ทุกคนมองหน้ากันและต่างยิ้มออกมา
“ใช่ เลือกพวกเขาเถอะ”
เนื่องจากไม่มีเรือให้เช่า พวกเขาจึงควรเลือกทีมทะลวงน้ำแข็ง
นี่มันเป็นเพียงแค่วิธีการหาเรือเท่านั้น
“พวกเจ้ามันบ้าไปแล้ว” ฮวงเสี่ยวหยวนหงุดหงิดมาก “ข้ารู้สึกว่าที่ข้าพูดไป พวกเจ้าไม่ได้คิดจะฟังเลยสักคำ”
“เจ้าหนู อย่าเพิ่งแตกตื่นไป พวกเรายังมีสติสัมปชัญญะดี ยังไงก็ขอบคุณนะที่ช่วยเตือนสติ” ลั่วอู๋โยนเหรียญวิญญาณที่จำหน่ายโดย คฤหาสน์ชวนเทียน ให้กับเขา
เหรียญวิญญาณหนึ่งเหรียญนี้มีค่าเท่ากับหนึ่งพันหินวิญญาณ
แม้คำพูดของ ฮวงเสี่ยวหยวน จะไม่ค่อยมีประโยชน์สำหรับพวกเขา แต่เขาก็สมควรได้รับรางวัลในความตั้งใจดีของเขา ท้ายที่สุดเขานั้นยอมรับความเสี่ยงเพื่อมาเตือนพวกลั่วอู๋
การที่เขาได้รับรางวัลเช่นนี้ น่าจะทำให้ฮวงเสี่ยวหยวนจะรู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะบินได้
แต่ไม่รู้ว่าทำไม ตอนนี้เขากลับดูรู้สึกไม่พอใจ
ลั่วอู๋จากไป จากนั้นก็ไปพูดกับบอสหวัง ทีมทะลวงน้ำแข็งว่า “เถ่าแก่ พวกเราตัดสินใจแล้วว่าจะยืมเรือของเจ้า ออกเดินทางไปยังทะเลเหนือสุดขอบ”
“เลือกได้ดีนี่” บอสหวังรับหินวิญญาณไปแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: “อย่าไปฟังเจ้าหนูคนนั้นเลย เขาพูดมาแต่เรื่องไร้สาระ พวกเราเป็นทีมล่าสัตว์ที่จริงจัง ตั้งแต่พ่อของเขาตายไป เจ้าเด็กนั่นก็เป็นบ้า ไม่ได้อยู่กับความเป็นจริง เขาบ้าแบบนี้มาเป็นเวลานานแล้ว”
ลั่วอู๋เหลือบมองเขาแล้วจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “อืม ข้าเข้าใจแล้ว”
แม้จะยิ้ม แต่เขากลับมีแววตาอันเย็นชา