ไหปีศาจ - บทที่ 442 เรื่องเล่าของเงือกแห่งห้วงลึก
บทที่ 442 เรื่องเล่าของเงือกแห่งห้วงลึก
บทที่ 442
เรื่องเล่าของเงือกแห่งห้วงลึก
เรือยังคงเคลื่อนที่ต่อไป
แม้แสงแดดจะจ้าจนทำให้รู้สึกเวียนหัว แต่ถึงอย่างนั้นอุณหภูมิก็ยังต่ำมาก
ประกอบกับเสียงคลื่นกระทบกราบเรือ และลมทะเลกลิ่นเค็มเย็น ๆชื้น ๆ
สมาชิกทีมทะลวงน้ำแข็งค่อย ๆ ขับเรือไปอย่างยากลำบากขึ้นไปทางเหนือ สีหน้าของทุกคนต่างดูเศร้าหมอง เพราะตอนนี้พวกเขาเป็นเพียงเชลยนักโทษของลั่วอู๋
เรือลำนี้ไม่ใช่ของพวกเขาอีกต่อไป แม้แต่ชีวิตของพวกเขาเองก็ด้วย
ก้อนน้ำแข็งชิ้นเล็ก ๆ เริ่มปรากฏขึ้นโดยรอบ เห็นได้ชัดว่าเรือกำลังจะเข้าสู่พื้นที่ธารน้ำแข็งแล้ว
หัวหน้าทีมทะลวงน้ำแข็งถูกมัดให้อยู่ในสภาพคุกเข่าข้างหนึ่งเพื่อรอรับการลงโทษ
“พวกเจ้าเป็นใครกัน” ฮวงเสี่ยวหยวนกล่าวอย่างสับสน
ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเหล่านี้ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับมีความแข็งแกร่งถึงระดับนี้ พวกเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดา ๆ อย่างแน่นอน
ต่อให้เฟ้นหาทั่วทั้งมณฑลเสิ่นชุน เขาก็คงไม่สามารถหาผู้มีพรสวรรค์เฉกเช่นพวกเขาเหล่านี้มาได้
ฉูจงฉวน ยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเทิดทูนปลาบปลื้ม สำนักโล่พิทักษ์ และคนที่เจ้าชื่นชมมากที่สุดก็คือนายน้อยที่อยู่เบื้องหลังของสำนักโล่พิทักษ์ใช่ไหม?”
“ใช่”
ฮวงเสี่ยวหยวน งุนงงเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้จู่ ๆ ก็ถามถึงเรื่องนี้
“นี่ ข้าขอแนะนำให้เจ้ารู้จักกับเขา”ฉูจงฉวน ชี้ไปที่ ลั่วอู๋ และหัวเราะ “เขานี่แหละคือนายน้อยผู้อยู่เบื้องหลังสำนักโล่พิทักษ์ทายาทของตระกูลลั่วในเมืองหลวงของจักรวรรดิ ลั่วอู๋”
ลั่วอู๋กลอกตา
ต่อมาฉูจงฉวน ก็ชี้ไปทาง องค์หญิงเจียโรว “ส่วนผู้หญิงสวยคนนี้ นางก็คือองค์หญิงผู้เป็นที่รักที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรราชวงศ์มังกรเร้นกาย องค์หญิงเจียโรว”
องค์หญิงเจียโรว ยิ้มแสดงความสง่างามและพยายามอดกลั้นรักษามาดองค์หญิงไว้
ดวงตาของ ฮวงเสี่ยวหยวน เบิกกว้าง เขารู้สึกว่าสมองของเขากำลังทำงานหนัก คำพูดของฉูจงฉวน เป็นเหมือนช้อนขนาดใหญ่ที่ทำให้สมองของเขารู้สึกกระปรี้กระเปร่า
เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ?
เขาได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดผิดไปรึเปล่า ?
มันต้องเป็นเรื่องล้อกันเล่นแน่ ๆ คงเป็นเพราะเขายังเด็กและง่ายต่อการรังแก อีกฝ่ายจึงจงใจโกหกเขา
แต่ทว่า
เมื่อฮวงเสี่ยวหยวน มองดูการแสดงออกของหลาย ๆ คนต่อหน้าเขาแล้วอย่างถี่ถ้วน เขาก็ได้ข้อสรุปว่าฉูจงฉวนนั้นน่าจะไม่ได้พูดโกหก
“เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ” ฮวงเสี่ยวหยวนกลืนน้ำลาย
ลั่วอู๋ไม่มีคำตอบอื่นที่ดีเขาจึงพูดออกไป “ถ้าหลอกเจ้าได้ก็ดีสิ”
เด็กชายคนนี้เป็นคนดี เขามักจะเตือนให้พวกลั่วอู๋อยู่ห่างจากอันตราย ดังนั้นพวกเขาจึงเต็มใจที่จะบอกตัวตนที่แท้จริงให้เด็กชายรู้
หัวใจของ ฮวงเสี่ยวหยวน เริ่มเต้นแรง
พระเจ้า เขาคือนายน้อยที่อยู่เบื้องหลังสำนักโล่พิทักษ์
ชายคนนี้คือนายน้อยคนนั้นตัวจริงเสียงจริง
ชายตรงหน้าคนนี้เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจในเมืองหลวงของจักรวรรดิ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องราวการเติบโตของสำนักโล่พิทักษ์เองก็ถือได้ว่าเป็นตำนานที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับฮวงเสี่ยวหยวน ทันทีที่เขาได้ยินเรื่องราวนั้น เขาก็มองว่าสำนักโล่พิทักษ์เป็นเป้าหมายที่เขาต้องการติดตามไปตลอดชีวิต
และองค์หญิงเจียโรวเองก็อยู่ที่นี่ พระเจ้า!
เขาถึงกับลักพาตัวองค์หญิงออกมา ไม่แปลกใจเลยที่จะมีข่าวลืออื้อซ่า
ฮวงเสี่ยวหยวน ดึงใบหน้าของเขาจากนั้นแสดงรอยยิ้มอันปลาบปลื้มออกมา เขาวิ่งไปข้างหลังของลั่วอู๋ แล้วตอกไหล่ของเขาลงอย่างสง่างาม
“นายน้อยลั่ว ท่านมีธุระอะไรที่นี่เหรอ ? ข้าเป็นคนขยันนะ ท่านจะสั่งให้ข้าทำอะไรก็ได้” ฮวงเสี่ยวหยวน ถามอย่างคาดหวัง
นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขา
เมื่อพวกลั่วอู๋เห็นท่าทางของเขา ทุกคนต่างก็หัวเราะออกมา
เด็กคนนี้ตลกมาก
ลั่วอู๋เหลือบมองเขา “ดูการแสดงของเจ้าสิ”
ฮวงเสี่ยวหยวน เป็นคนเก่ง
เขามีความรักในการทำงานที่เหนือกว่าคนทั่วไปในการดำเนินธุรกิจ ทำให้มันเป็นเรื่องง่ายที่คนแบบเขาจะประสบความสำเร็จ ด้วยความรักในการทำงาน แม้แต่ในขณะที่ ลั่วอู๋ กำลังจะทดสอบ ฮวงเสี่ยวหยวน ความคิดต่าง ๆ เกี่ยวกับธุรกิจจึงค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจของเขา
อีกด้านหนึ่งหัวหน้าทีมทะลวงน้ำแข็งที่ได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมด เสียงหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความสับสน
เขาเองก็เคยได้ยินเรื่องของสำนักโล่พิทักษ์ มันเป็นร้านค้าชื่อดังในเมืองหลวง
ร้านค้าที่สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในเมืองหลวงของจักรวรรดิ ไม่ใช่อะไรที่สามารถไปหาเรื่องกันได้ง่าย ๆ แน่ เพราะร้านค้าเหล่านั้นเกือบทั้งหมดมักจะมีกองกำลังใหญ่ ๆ อยู่เบื้องหลังเพื่อปกป้องพวกเขา
นอกจากนี้ยังมีเรื่องขององค์หญิงอีก
พระเจ้า ถ้านี่เป็นเรื่องจริงชีวิตของเขาก็จบแล้วจริงๆ
หากใครตั้งใจจะปองร้ายสังหารองค์หญิง ต้องถูกลงโทษด้วยการประหาร 9 ชั่วโคตร
หน้าผากของบอสหวังมีหยดเหงื่อเย็น ๆ ไหลลงมาจนหนาว แต่หัวใจของเขาเย็นกว่านั้นมาก
เขาไปหาเรื่องกลุ่มดาวร้ายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำไมอีกฝ่ายถึงกล้าหาญมากขนาดนี้ ในสายตาของพวกลั่วอู๋แล้ว พวกเขาคงไม่ได้มีค่าอะไรเลยนอกจากทีมล่าสัตว์ทั่ว ๆ ไป
“สวัสดี หัวหน้าทีมหวัง” ฉูจงฉวน ถามด้วยรอยยิ้ม
ร่างกายของบอสหวังสั่นสะท้าน เขากล่าวอย่างระมัดระวัง “ข้าชื่อ หวังซาน พวกเจ้าจะเรียกข้าว่า บอสหวังก็ได้”
“ตกลง บอสหวัง ข้าขอถามเจ้าหน่อย ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเงือกแห่งห้วงลึกสินะ ช่วยบอกข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ที” ฉูจงฉวน ถาม
หลินยูหลัน กลอกตาของนาง แต่ก็ไม่ได้คิดจะหยุดเขา
นางรู้จักนิสัยของฉูจงฉวนดี
เพราะฉูจงฉวนก็แค่ชอบอะไรแบบนี้ เหมือนกับที่เขาเขาชอบสะสมหินหมึกสำหรับการเขียนอักษรและภาพวาดต่าง ๆ ของอาหาร
มันเป็นความชอบที่บริสุทธิ์ ไม่ได้ผสมกับความปรารถนาแปลก ๆ เฉกเช่นคนอื่น ๆ
เขาไม่มีทางทำอะไรแปลก ๆ กับ สัตว์วิญญาณ เหมือนพวกนิสัยเสียแน่
“มีอีกหลายคนที่รู้เรื่องนี้ เจ้ามั่นใจได้” หวังซาน กล่าวอย่างรีบร้อน “ เมื่อสองเดือนก่อนมีทีมล่าสัตว์กลับมาที่ฝั่งพร้อมกับผู้บาดเจ็บหนัก แต่ตอนนั้นหมอกมันหนามากพวกเขาจึงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีลูกเรือเพียงคนเดียวที่เหลือรอด เขาดูหวาดกลัวมาก เขาบอกพวกเราว่าถูกโจมตีโดยสัตว์วิญญาณที่มีหางปลา ซึ่งหลังจากอธิบายด้วยรวมแล้ว พวกเราก็พบว่าสิ่งที่เขาเล่านั้นส่วนใหญ่ตรงกับ ลักษณะของ เงือกแห่งห้วงลึกในตำนาน”
“ ทันทีที่ข่าวนี้แพร่ออกไป ทีมล่าสัตว์หลายทีมต่างลงทะเล เพื่อลองเสี่ยงโชค อย่างพวกเรารู้กันดีใช่ไหมล่ะว่า เงือกแห่งห้วงลึกมีลักษณะรุปร่างสวยงามนุ่มนวล มันจึงเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้มีอำนาจและคนรวย คนเหล่านั้นพร้อมจะเสนอราคาซื้อที่สูงมากเพื่อให้ได้เงือกแห่งห้วงลึกมา ถึงขั้นว่าถ้าจับมันได้ล่ะก็จะรวยในชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว ”
สัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูงเดิมทีก็มีมูลค่าสูงอยู่แล้ว
แต่มูลค่าพิเศษที่ติดมากับเงือกแห่งห้วงลึกนั้นคือความงาม หากนำไปที่โรงประมูลราคาเริ่มต้นน่าจะสูงถึงห้าล้าน ส่วนราคาซื้อขายนั้นคงไม่มีราคาตลาดใดมาอ้างอิงได้
ฮวงเสี่ยวหยวน เคยกล่าวว่าเงือกแห่งห้วงลึกนั้นสามารถขายได้อย่างน้อย 10 ล้านหินวิญญาณ ซึ่งนั้นถือว่าต่ำเกินไปมาก เนื่องจากเขาไม่สามารถเข้าถึงการซื้อขายระดับนั้นได้จึงไม่เข้าใจคุณค่าของเงือกแห่งห้วงลึก
ฉูจงฉวน ได้ยินคำเหล่านี้เขาก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว “น่าขยะแขยง”
สิ่งที่คนรวยและผู้มีอำนาจต้องการทำกับเงือกแห่งห้วงลึกนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว
หวังซาน ดูตกใจและไม่เข้าใจว่าเขาทำผิดตรงไหน
“ ไม่เป็นไร ๆ พูดต่อเถอะ” ฉูจงฉวนกล่าว
หวังซาน กล่าวต่อไปอย่างระมัดระวัง “ข่าวนั้นแพร่กระจายไปในวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นผู้คนจากมณฑลโดยรอบก็เริ่มทยอยกันมาที่นี่ แม้แต่คนจากเมืองหลวงของจักรวรรดิเองก็เช่นกัน พวกเขาต่างเข้ามาเพื่อจับเงือกแห่งห้วงลึก”
ด้วยเหตุนี้มณฑลเสินชุ่นจึงกลายเป็นส่วนผสมของคนดีและคนเลว เรือที่เช่าทั้งหมดถูกเช่าไปและมีผู้คนจำนวนมากลงทะเลเพื่อจับเงือกแห่งห้วงลึกอันงดงาม
ฉูจงฉวน ถาม “เจ้าพบเงือกแห่งห้วงลึกที่ไหน?”
ทะเลเหนือสุดขอบนั้นครอบคลุมพื้นอันกว้างใหญ่ แม้ว่าพวกเขาจะแล่นเรือมาเกือบทั้งวันตามขอบเขตนั้น แต่ก็ยังอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ของทะเลเหนือสุดขอบ
“พื้นที่ทะเลข้างหน้าพวกเรานั้น เรียกว่าทะเลเขตล่าสัตว์ เนื่องจากมันมีปลาจำนวนมากที่ไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ พอผ่านเขตล่าสัตว์ไปก็จะถึงพื้นที่ทะเลพิเศษที่สัตว์วิญญาณที่มีระดับมิติวิญญาณเหนือกว่าระดับทองเริ่มปรากฏขึ้นมา ดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่าพื้นที่ทะเลแห่งการผจญภัย ตามคำบอกเล่าของผู้คนที่หลบหนีจากการโจมตีมาได้ พวกเขาถูกโจมตีในพื้นที่เสี่ยงนั้น ” หวังซานกล่าว
“เป็นไปไม่ได้น่า!” จู่ๆเหวินเสี่ยวก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ เงือกแห่งห้วงลึกนั้นอาศัยอยู่ในบริเวณทะเลที่เรียกว่าทะเลแนวหมอกมันเต็มไปด้วยหมอกและแนวปะการังตลอดทั้งปี ซึ่งตั้งอยู่ลึกลงไปในขอบเขตของทะเลเหนือ เรื่องแบบนี้มันเป็นไปได้อย่างไร ในพื้นที่ทะเลชายขอบแบบนี้เนี่ยนะ? ”
พระราชวังเป่ยหมิงนั้นตั้งอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของทะเลเหนือสุดขอบ
ดังนั้นเขาจึงได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับ “สัตว์ประหลาด” ต่างในทะเลเหนืออันลึกลับแต่เขายังเด็ก
นอกจากนี้ตอนที่เขาเดินทางออกจากพระราชวังเป่ยหมิงมายังอาณาจักรของราชวงศ์มังกรเร้นกาย เขาก็ได้เดินทางผ่านทะเลแนวหมอก และยังได้ยินเสียงร้องอันไพเราะของเงือกแห่งห้วงลึกอยู่เลย
ดังนั้นเขาจึงแน่ใจว่าเงือกแห่งห้วงลึกไม่สามารถออกมาในสถานที่เช่นนี้ได้แน่