ไหปีศาจ - บทที่ 454 สมรู้ร่วมคิด
บทที่ 454 สมรู้ร่วมคิด
บทที่ 454
สมรู้ร่วมคิด
ข้างในวิหารบนเมฆ
ณ ประตูหินหยกขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ปลายขั้นบันไดที่ทำจากหยกขาว มีนายทวารบาลผู้ทรงพลังสองคนเฝ้าอยู่ พวกเขาทั้งคู่ต่างมีแววตาอันน่ากลัว
ทันใดนั้น ก็มีเงาดำแวบเข้ามา
มันคือเหวินเสี่ยวที่พุ่งเข้ามาด้วยจิตสังหาร
ผู้รักษาประตูทั้งสองคนต่างตกตะลึง อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งคู่จำเหวินเสี่ยวได้ดี เขาคือหนึ่งในนายน้อยแห่งวังหลวงที่หายตัวไปอย่างไม่มีเหตุผล เมื่อสอง ถึงสามปีก่อน เขามาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร
เหวินเสี่ยวกล่าวสวัสดี จากนั้นก็รีบพุ่งตรงเข้าไป
ซึ่งผู้เฝ้าประตูทั้งสองคนก็ไม่ได้หยุดเขาแต่อย่างใด
หน้าที่ของพวกเขาคือการหยุดผู้ที่บุกรุกที่เข้ามาในวิหาร ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เหวินเสี่ยว
ครู่ต่อมาพรรคพวกลั่วอู๋ ก็ตามเหวินเสี่ยวมาถึง
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ผู้รักษาประตูทั้งสองคนส่งเสียงหยุด ลั่วอู๋ด้วยสายตาอันเฉียบคม พวกเขาตะโกน “ผู้ที่ไม่ใช่คนของพระวิหารไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านที่นี่ ผู้ใดที่ฝ่าฝืนคำสั่งนี้จะต้องถูกฆ่า”
ลั่วอู๋ชะงัก
นี่เป็นปัญหาเสียแล้ว ความแข็งแกร่งของผู้รักษาประตูทั้งสองคนนี้ไม่ได้อ่อนแอ อย่างน้อย ๆ ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็อยู่ในระดับทองขั้นสูง มิติ 1 – 2
ถึงแม้การจะฝ่าพวกเขาไปอาจจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
อย่างไรก็ตามหากพวกเขาต่อสู้กับสองผู้เฝ้าประตูตรงนี้ มันจะต้องทำให้เหล่าผู้มีอำนาจในพระราชวังเป่ยหมิงตื่นตัวอย่างแน่นอน นั่นจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ไปกว่าเดิม มันอาจจะไม่จบแค่พวกเขาไม่สามารถตามเหวินเสี่ยวเข้าไป แต่อาจถึงขั้นทำให้พวกเขาต้องเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
“ ปล่อยพวกเขาเข้าไป” เสียงอันอ่อนโยนดังขึ้นมา
จากนั้นผู้รักษาประตูทั้งสองที่ดูโกรธเกรี้ยวในตอนแรกก็เปลี่ยนท่าทีไปให้ความเคารพเมื่อเห็นเจ้าของเสียง “ขอรับ ท่านนักบุญ”
พวกเขาหลีกทางให้พรรคพวกลั่วอู๋ในทันที
แม้ว่านักบุญจะออกจากวิหารนี้ไปแล้วและสาบานว่าจะไม่กลับเข้ามาในวิหารอีก แต่ด้วยบารมีและความเกรงขามที่ไม่น้อยไปกว่าผู้ปกครองสูงสุดของราชวัง ผู้เฝ้าประตูทั้งสองก็ยอมทำตามอย่างเรียบง่าย
“ไปเลยสิ” นักบุญไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทีอะไรเพียงแต่พูดกับลั่วอู๋
ลั่วอู๋มองไปทางนักบุญอย่างสงสัย“ เจ้าจะไม่เข้ามากับพวกเรางั้นเหรอ?”
“ข้าเป็นแค่ทวารบาล” นักบุญกล่าวช้าๆ
ลั่วอู๋ยิ้ม
ถ้าเป็นแค่ทวารบาลจริง ๆ แล้วทำไมถึงปล่อยพวกเขาไปแบบนี้ล่ะ
พวกลั่วอู๋ไม่ได้กลัวว่าจะถูกผู้รักษาประตูหยุดเท่าไหร่หรอก ถ้าเทียบกับอย่างอื่นแล้ว
“ขอบคุณมาก พวกข้าจะช่วยเหวินเสี่ยวให้เอง ขอบคุณมากจริง” ลั่วอู๋พูดอย่างรวดเร็วแล้วรีบเข้าไปในวิหารพร้อมกับคนอื่น ๆ
ดวงตาของนักบุญยังคงไม่เปลี่ยนแปลง มันยังคงสงบราวกับว่ามีหยินและหยางสถิตอยู่
……
……
ห้องโถงหางกวง
หนึ่งในสิบแปดวิหารหลักของทะเลเหนือสุดขอบ
“ หยุดเถอะเจ้าเป็นแค่นายน้อยแห่งวังหลวงที่อ่อนแอที่สุดไม่ใช่เหรอ ? ทำไมเจ้าถึงกลางบุกเข้ามาในห้องโถงหางกวงเช่นนี้กัน?” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกน
ชายคนนี้มีชื่อว่า หวังจง ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ที่ระดับทอง มิติ 8 เขาเป็นหนึ่งในคนรับใช้ใกล้ชิดของ ซวนหยู่ฮาน นายน้อยแห่งวังหลวงที่คิดจะหยุดเหวินเสี่ยว
ห้องโถงหางกวง คือพระราชวังที่พำนักของซวนหยู่ฮาน
ข้างหลังของเหวินเสี่ยวเผยให้เห็นเงาของเทพตกสวรรค์ ที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ความมืดไหลออกไปเหมือนกระแสน้ำที่ไม่สามารถยับยั้ง มันไหลพลุ่งพล่านออกไปอย่างรุนแรง
“ไปให้พ้น!”
เหวินเสี่ยว ตะโกนด้วยพลังวิญญาณของเทพตกสวรรค์ พุ่งเข้ากระทบชายคนนั้น จากนั้นก็พุ่งเข้าไปหวังจะฆ่าเป้าหมายของเขา
ซวนหยู่ฮาน เป็นคนที่น่าจะมีความคิดอยากฆ่าเขามากที่สุด
เนื่องจากเขามีความแข็งแกร่งสูงและมีผู้สนับสนุนที่ภักดีที่สุด เขาจึงมีแนวโน้มที่จะได้สืบทอดตำแหน่ง ผู้ปกครองสูงสุดของพระราชวังเป่ยหมิงมากที่สุด แต่ที่สำคัญก็คือเขานั้นมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนกับเหวินเสี่ยว
“ในตอนแรกเจ้า ขอให้ข้าร่วมมือกับเจ้า เจ้าบอกข้าว่าความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้าในชีวิตนี้คือการเป็นผู้ปกครองสูงสุดของพระราชวังเป่ยหมิง หากเจ้าทำไม่ได้เจ้ายอมตายเสียยังดีกว่า”
“อา ที่ผ่านมาข้าเป็นพวกที่อ่อนแอจริงๆ ข้าเคยสนใจความเป็นพี่น้องระหว่างเรามามากกว่า 13 ปี และยอมเลือกสัตว์วิญญาณแบบสนับสนุนมา”
“เพราะถ้าหากข้าก้าวไปบนเส้นทางสายสนับสนุน ข้าก็จะไม่สามารถสืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองสูงสุดได้ เพราะคนที่ต่อสู้ไม่เก่งนั้นไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ปกครองสูงสุดของพระราชวังเป่ยหมิง”
“ ผู้คนที่นับถือข้าต่างก็ทยอยกันละทิ้งข้าไปทีละคน ในขณะที่ขุมกำลังของเจ้าเพิ่มขึ้นทุกวัน ข้ายอมอดทนเพื่อแลกกับการทำให้เป้าหมายของเจ้าเป็นจริง ข้าไปตามหาวิธีรักษาสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์มาทุกหนทุกแห่ง ข้าทำมาหมดทุกอย่าง แต่เจ้าก็ยังแคลงใจในตัวข้าอยู่ ‘ห่วงว่าข้าจะแย่งตำแหน่งผู้ปกครองสูงสุดของเจ้า เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรกันแน่? ”
แววตาของ เหวินเสี่ยว เต็มไปด้วยจิตสังหารพลุ่งพล่าน หลายปีที่ผ่านมาเขาอดทนต่อความโกรธ และพยายามที่จะข่มใจไม่ให้เร่งรีบ
“ข้าเคยเป็นคนคนนั้นที่สนับสนุนเจ้า แต่เจ้ามันเป็นคนขี้ขลาด คนแบบเจ้าไม่คู่ควรกับภราดรภาพ เจ้ามันสมควรตาย”
ตูม!
ประตูวิหารถูกทุบแหลกเป็นชิ้น ๆ
เหวินเสี่ยวพุ่งตรงเข้าไปทันที
ด้านหลังผ้าคลุมมีร่างที่กำลังประหลาดใจ ลุกลี้ลุกลนเมื่อทราบข่าวจากด้านนอก
“ตายซะเถอะ ซวนหยู่ฮาน!”
ความมืดพุ่งออกไปฉีกม่านออกเป็นชิ้น ๆ นับไม่ถ้วน ชายหนุ่มลืมตาขึ้นด้วยความกลัวจากนั้นก็ถูกความมืดแทรกเข้ามาในอกฉีกเป็นชิ้น ๆ
“เจ้า … ” สายตาของชายคนนั้นเต็มไปด้วยความงงงวยและตื่นตระหนก สิ้นชีวิตชีวา
เหวินเสี่ยวตกตะลึง
ชายคนนี้สวมเสื้อผ้าของ ซวนหยู่ฮาน แต่เขาไม่ใช่ ซวนหยู่ฮาน
คนที่เขาฆ่าต่อหน้าต่อตานั้นคือ หลี่หยุน หนึ่งในเจ็ด นายน้อยของวังหลวง ความแข็งแกร่งของเขาคือระดับทอง มิติ 4 เขาจึงไม่รู้สึกตัวและถูกฆ่าตายทันที ณ ที่เกิดเหตุ
หลี่หยุนไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะถูกโจมตีและสังหารในวังของซวนหยู่ฮาน ดังนั้นเขาจึงผ่อนคลายไม่ระมัดระวังใด ๆ
เขาจึงถูกสังหารโดยไม่คาดคิดด้วยฝีมือของเหวินเสี่ยวผู้โกรธเกรี้ยว
เหวินเสี่ยวขมวดคิ้ว
เขามาที่นี่ได้อย่างไร?
เนื่องจากเหวินเสี่ยวเลือกเส้นทางแห่งการสนับสนุน เขาจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นนายน้อยของวังหลวง
อย่างไรก็ตามผู้มีอำนาจของวังก็ไม่ได้สนใจ พวกเราเรียกคนอื่น ๆ เข้ามาแต่ก็ยังปล่อยให้เหวินเสี่ยวอยู่ในวิหารต่อไปในฐานะนายน้อยของวังหลวง
ดังนั้นเขาจึงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับนายน้อยของวังหลวงคนอื่น ๆ ทำให้มีความลับมากมายที่เขาไม่รู้ แต่ เหวินเสี่ยวก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น และทุ่มเทให้กับการฝึกฝน
“มันไม่สำคัญหรอกว่าใครจะถูกฆ่า ปัญหาคือทำไมเจ้านี่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้” เหวินเสี่ยวมองไปที่ร่างของหลี่หยุนและงงงวย
ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะนึกออกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา เหวินเสี่ยวหันศีรษะมองออกไปนอกประตู
ไม่มีใครอยู่ที่นั่น มีเพียงประตูที่เขาพัง
หวังจงที่เพิ่งหยุดเขาไม่ให้เข้าไปใน ห้องโถงหางกวงได้หายตัวไปแล้ว
ความแข็งแกร่งของหวังจงนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เลวเลย ทว่าทันทีที่เขาถูกเหวินเสี่ยวโจมตีเขากลับหายตัวไปเสียแบบนั้น นี่มันเป็นสถานการณ์ที่แปลกมาก
“ล่อลวง กับดัก?”
คำสองคำนี้ฉายผ่านเข้ามาในความคิดของเหวินเสี่ยว
มันต้องใช่แน่นอน
ไม่ไกลมีแสงไฟพุ่งเข้ามาห้าดวงพร้อมกับเสียงพูดคุย
“ แปลกจัง ทำไมจู่ๆซวนหยู่ฮาน ก็เรียกให้พวกเราทั้งห้าคนมาทำอะไรบางอย่าง”
“ข้าก็ไม่รู้ ข้าแค่ได้ยินมาว่า มันเป็นเรื่องเร่งด่วน”
“ข้าไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา ข้าพร้อมต่อต้านข้อเสนอทั้งหมดของเขาอยู่แล้ว”
เจ้าของเสียงทั้งห้าคนนี้ต่างก็เป็นหนึ่งในนายน้อยของวังหลวง ทั้ง 7 หากไม่รวมซวนหยู่ฮาน และ หลี่หยุน นั้นก็หมายความว่านายน้อยที่เหลือทั้งหมดได้มารวมอยู่ที่นี่ในเวลาเดียวกัน
ทั้งห้าคนคุยกัน จนเดินมาที่ประตูห้องโถงหางกวง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เมื่อพวกเขาเห็นประตูที่พัง พวกเขาต่างก็รีบพุ่งเข้าไปด้วยความตกใจ
“เหวินเสี่ยว?! เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เดี๋ยวก่อน แล้วทำไมหลี่หยุนนอนอยู่ที่พื้น ไม่นะ เขาตายแล้ว! เจ้าทำอะไรลงไปน่ะรู้ตัวไหม ? เจ้าเพิ่งกลับมาที่พระราชวังเป่ยหมิง แท้ ๆ แต่กลับลงมือฆ่าคนอื่นเช่นนี้ เจ้ากล้าดียังไง” บางคนที่เห็นสถานการณ์โดยรวมเริ่มโกรธ
ในขณะที่บางคนกลับเยาะเย้ย “ดูเงาข้างหลังของเขาสิ ภูตปีกแสงกลายเป็นเทพตกสวรรค์ มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกที่เขาจะทำแบบนั้น”
ทั้งห้าคนต่างมองหน้ากัน ด้วยจิตสังหารของกันและกัน
การตายของหลี่หยุนไม่สำคัญสำหรับพวกเขา
พวกเขาเป็นคู่แข่งกัน คนแบบนั้นตายไปก็ดีแล้ว
นอกจากนี้การที่เหวินเสี่ยวกลับมาด้วยสภาพที่มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก ยิ่งทำให้พวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย
เดิมทีเหวินเสี่ยวก็ได้รับความเคารพอย่างสูงจากผู้มีอำนาจในวังอยู่แล้ว หากเหวินเสี่ยวในตอนนี้คิดจะเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อตำแหน่งผู้ปกครองสูงสุดอีกครั้ง มันก็เป็นไปได้ไม่ใช่หรือ?
ตอนนี้พวกเขาจึงอยากจะใช้โอกาสนี้ฆ่าเหวินเสี่ยวเสีย!
แน่นอนว่าหากอ้างว่าเป็นการแก้แค้นให้กับหลี่หยุน ก็เท่ากับว่าพวกเขามีเหตุผลอันไร้ที่ติ
หัวใจของเหวินเสี่ยวจมลง
นายน้องของวังหลวงทั้งห้าคนนี้ ล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในพระราชวังเป่ยหมิง พวกเขาต่างก็คัดเลือกมาอย่างดีทั้งหมด การที่ทั้งห้าคนต้องการจะฆ่าเขา ทำให้เขารู้สึกลำบากมาก
……
……
ณ ที่ไหนสักแห่งในวิหาร
หวังจงคุกเข่าลงครึ่งหนึ่งแล้วจึงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “นายน้อย ทุกอย่างถูกเตรียมการเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“ดีมาก!”
น้ำเสียงอันอ่อนโยนราวกับหยก ซึ่งฟังแล้วสบายใจดังขึ้น
เจ้าของเสียงนั้นเป็นชายหนุ่มผู้สง่างาม เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว หน้าตาหล่อเหลาดูไม่ธรรมดา เขามีนัยน์ตาสีดอกท้ออันน่าหลงใหลและเต็มไปด้วยเสน่ห์
เรียกได้ว่าไม่รู้ที่ผ่านมามีเด็กสาวกี่คนในพระราชวัง เป่ยหมิง ที่ถูกรูปร่างหน้าตาและความแข็งแกร่งอันน่าพึ่งพิงของเขาดึงดูด
ทว่าซวนหยู่ฮาน คนนี้ก็ยังคงอยู่คนเดียวอย่างสันโดษ
ผู้หญิง? เขาไม่ต้องการของเบบนั้น
สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงอำนาจ เขาต้องการที่จะดำรงอยู่ที่จุดสูงสุดของพระราชวังเป่ยหมิง
ซวนหยู่ฮาน ถอนหายใจเบา ๆ “ พี่ชายข้าขอโทษด้วย แต่ถ้าเจ้าหาวิธีรักษาเจ้าสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้จริงๆ ล่ะก็ตำแหน่งผู้ปกครองสูงสุดของพระราชวังเป่ยหมิงก็ต้องเป็นของเจ้า ดังนั้นข้าจึงต้องฆ่าเจ้า ส่วนวิธีรักษานั่นข้าจะค้นหามันอย่างช้าๆ ทีหลังเอง ”
“ อย่าได้ถือโทษโกรธข้าเลย เจ้าเป็นคนบอกข้าเองไม่ใช่เหรอว่าจะมอบตำแหน่ง ผู้ปกครองสูงสุดให้แก่ข้า ข้าก็แค่รักษาสัญญาเท่านั้น”
“ไปทูลขอให้ ท่านผู้ปกครองสูงสุดและผู้อาวุโสของพระวิหาร มาหารือเรื่องสำคัญในห้องโถงหวงกวงของพวกเราซะ” ซวนหยู่ฮานออกคำสั่ง
หวังจงก้มศีรษะลง “รับทราบขอรับ”
หลังจากนั้น หวังจง ก็หายตัวไป
ซวนหยู่ฮาน มองไปที่พื้นที่อันกว้างใหญ่ของพระราชวังเป่ยหมิง ซึ่งเป็นเหมือนเมืองที่อยู่ติดทะเล จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เพราะนี่คือแม่น้ำและภูเขาที่เขาจะได้รับผิดชอบในอนาคต
รอยยิ้มนั้นดูอ่อนโยน
แต่มันก็เต็มไปด้วยร่องรอยของความโหดร้าย ที่ฉายผ่านดวงตาอันสดใสสะอาดของเขา