ไหปีศาจ - บทที่ 455 ฆ่าให้หมด
บทที่ 455 ฆ่าให้หมด
บทที่ 455
ฆ่าให้หมด
เมื่อพรรคพวกลั่วอู๋มาถึงห้องโถงหางกวง การต่อสู้ก็ได้เริ่มต้นไประยะหนึ่งแล้ว
ร่างกายของเหวินเสี่ยวโชกไปด้วยเลือด ที่ไหล่ของเขามีบาดแผลถูกฟันด้วยของคม ในขณะที่ส่วนอกถูกหนามดินสามอันแทงปักลงไป ข้าง ๆ เขามีเทพตกสวรรค์ซึ่งกำลังอยู่ในสภาพทรุดโทรมพร้อมที่จะสลายไปได้ทุกเมื่อ
มันเป็นสัญญาณว่าพลังวิญญาณของเขากำลังจะหมดลง
แม้แต่เหวินเสี่ยวก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีร่วมกันของผู้มีพรสวรรค์ 5 คนที่อยู่ในระดับเดียวกันได้
“เอายังไงกันต่อดี?” ฉูจงฉวนถาม
ลั่วอู๋กัดฟัน “ไม่ต้องเสียเวลาถามแล้ว ช่วยเขาฆ่าพวกมันกัน”
ในความเห็นของ ลั่วอู๋ กลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กับ เหวินเสี่ยว ต้องเป็นคนที่คิดจะฆ่าเหวินเสี่ยวแน่ ซึ่งนี่ทำให้เขาโกรธมาก
ถ้าจะฆ่าใคร ก็ควรลงมือฆ่าด้วยตัวเองสิ
จำเป็นต้องเอาจำนวนเข้ารุมด้วยงั้นเหรอ?
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาควรมานั่งคิดถึงคำตำหนิ อันดับแรกต้องให้ความช่วยเหลือเหวินเสี่ยวก่อน
พรรคพวกลั่วอู๋ทั้งห้าคนของลั่วอู๋ เข้าร่วมการต่อสู้ในทันทีด้วยทักษะต่าง ๆ พวกเขาเข้าสกัดกั้นการโจมตีของนายน้อยแห่งวังหลวงทั้งห้าได้สำเร็จ ช่วยแก้ไขปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเหวินเสี่ยวในพริบตา
ทันใดนั้นห้องโถงหางกวงเต็มไปด้วยความผันผวนของพลังวิญญาณอันรุนแรง
“พวกเจ้าตามข้ามาได้ยังไง?” เหวินเสี่ยวถามด้วยความยากลำบาก
ลั่วอู๋ไม่ได้โกรธ เขาเพียงแต่พูดตอกกลับไป”พวกเราเป็นคนนอก มันก็แน่นอนสิว่า พวกเราไม่สามารถเร่งรัดวิ่งเข้าไปแบบคนที่มีฐานะสูงส่งเช่นเจ้าได้ ถ้าเจ้าไม่พร้อมก็อย่าหุนหันพลันแล่นไปคนเดียวสิ”
เหวินเสี่ยวรู้ดีว่าตนเองทำอะไรผิด เขาจึงไม่ได้พูดอะไรมาก
“พวกเจ้าเป็นใครกัน?” นายน้อยของวังหลวงคนหนึ่งตะโกน “กล้าดียังไง ถึงบุกเข้ามาในวิหารเช่นนี้”
“ไม่จำเป็นต้องถามหรอก พวกมันคือพรรคพวกของ เหวินเสี่ยว ที่ตั้งใจจะมาปั่นป่วน พระราชวัง เป่ยหมิง พวกมันทั้งหมดเป็นกบฏและต้องถูกประหารชีวิต” นายน้อยของวังหลวงอีกคนกล่าวข้อสรุปในใจ
ในฐานะนายน้อยแห่งวังหลวง พวกเขาทั้งห้าคนคือกลุ่มคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในพระราชวังเป่ยหมิง โดยธรรมชาติพวกเขาจึงไม่คิดว่ากลุ่มคนหนุ่มสาวที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาจะสามารถต่อสู้รับมือกับกลุ่มของพวกเขาได้
ในที่แห่งนี้มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถรับมือกับพวกเขาได้
ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มการโจมตีอย่างมั่นใจ โดยไม่มีการลังเลใด ๆ
พลังวิญญาณอันน่ากลัวเริ่มเอ่อล้นขึ้นมา พร้อมกับทักษะที่พวกเขาทุกคนต่างได้ฝึกฝนมาพร้อม ๆ กัน “หยินและ หยางแห่งแดนเหนือ” ทักษะที่เป็นดั่งมรดกของพระราชวังเป่ยหมิง
อย่างไรก็ตามจุดเด่นด้านความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นแตกต่างกัน บางคนมุ่งความสนใจไปที่ความเยือกเย็น และศิลปะการต่อสู้ ในขณะที่บางคนลงลึกด้านความขัดแย้งระหว่างหยินและหยาง และบางคนก็ได้ผสมผสานเข้ากับแนวคิดทั่วไปของทะเลเหนือสุดขอบ
ทำให้ทักษะพลังวิญญาณอันเชื่อมโยงกันนี้ เปลี่ยนแปลงแตกแขนงออกไปได้หลายรูปแบบ
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาแต่ละคนต่างก็มีมิติวิญญาณและความพยายามอุตสาหะอันยอดเยี่ยม ด้วยที่พวกเขาต่างก็เป็นนายน้อยแห่งวังหลวงมาหลายปี พวกเขาจึงทรงพลังมาก
น่าเสียดายที่พวกเขาตัดสินความแข็งแกร่งของกลุ่มคนเบื้องหน้าของพวกเขาผิดไป
“ระวังล่ะ หากพวกเจ้าต่อสู้ จนเกิดเหตุวุ่นวายล่ะก็ มันจะต้องดึงดูดสายตาของ ผู้รักษาความสงบในพระราชวังเป่ยหมิงมาแน่ ๆ ” เหวินเสี่ยวรีบเตือน
“พวกข้าต่างหากที่อยากจะพูดประโยคนั้นกับเจ้า” ลั่วอู๋พูดคำหนึ่งจากนั้นก็ปลุกพลังวิญญาณในดาบระบำแห่งความตายให้ระเบิดออกมาอย่างเต็มที่ พร้อมเรียกภูตสวรรค์แห่งการเกิดใหม่และการทำลายล้างออกมาด้วยเสียงคำรามต่ำ “ใช้พลังทั้งหมดที่มีกำจัดพวกเขา”
ภูตสวรรค์แห่งการเกิดใหม่และการทำลายล้างเหมาะสำหรับการต่อสู้ระยะประชิดแบบนี้มาก ทักษะต่างๆของมันสามารถรองรับการต่อสู้แบบนี้ได้ดี
เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ลุกโชน ไปพร้อมกับทักษะดาบแห่งการทำลายล้างที่ฟาดฟันออกไป ยิ่งไปกว่านั้น ลั่วอู๋ยังใช้ “ลมหายใจมังกร” และ “กลืนกินสวรรค์” เพื่อจบการต่อสู้ให้สิ้นสุดไปอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกับฉูจงฉวนเองก็ได้ใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของ อาชูร่า
ทักษะ ระดับ SS [ร่างอวตารเทพปีศาจ]
แม้เขาจะยังไม่เชี่ยวชาญทักษะนี้เท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ได้กังวลว่าตัวเองจะสูญเสียการควบคุม เพราะถ้าหากเขาต้องการที่จะเชี่ยวชาญทักษะนี้แล้วล่ะก็ เขาก็ต้องใช้มันออกมาในการต่อสู้จริง
ร่างของ ฉูจงฉวน ดูเหมือนจะกลายเป็นแบบเดียวกันกับ อาชูร่า ทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยออร่าจากจิตสังหารของเทพปีศาจ เงาเสมือนจริงของอาชูร่า ซึ่งมีความสูงหลายสิบฟุตสั่นสะเทือนไปทั้งวิหาร ดูเหมือนว่าร่างสามหัวหกแขน ได้กลายเป็นเก้าหัวของเทพปีศาจ ปากของเขาพ่นไฟนรกออกมา พร้อมกับมือทั้ง 999 เบื้องหลังเขา
ว่ากันว่านี่คือรูปร่างของ ราชาแห่งอาชูร่าในตำนาน
หลินยูหลันแสดงทักษะ แสงเทพห้าสีของนางออกมา มันเป็นทักษะที่นางเชี่ยวชาญและคุ้นเคยมากที่สุด โดยมีระดับความสำเร็จสูงมากกว่า 50%
หากเทียบกับ ทักษะระดับ SS ด้วยกันแล้ว แสงเทพห้าสีนั้นอาจจะมีพลังทำลายน้อยกว่า แต่มันก็มีจุดเด่นที่แตกต่างจากทักษะอื่น ๆ ในด้านการทำลายล้างเป้าหมาย ด้วยคุณสมบัติอันน่ากลัวและหลากหลายของมัน เช่น “การกระจาย” “คุมขัง” “การเจาะทะลวง” และอื่น ๆ
ทันทีที่แสงเทพห้าสีปรากฏขึ้น การโจมตีหลายอย่างของบรรดานายน้อยแห่งวังหลวงก็ล้มเหลวในทันที ทำให้พวกเขาตกใจทำอะไรไม่ถูก
ต่อจากนั้นทักษะพิษร้ายทลายพิภพขององค์หญิงเจียโรวก็ถูกปล่อยออกมา โดยมีหลี่หยินซึ่งสวมมุกป้องกันพิษที่ลั่วอู๋มอบให้ ซ่อนตัวอยู่ในกระแสน้ำพิษเหล่านั้น มือของนางค่อยๆกลายเป็นหนามเหมือนก้ามปูอันคมกริบพร้อมพุ่งเข้าปาดคอของศัตรูจำนวนมากในพริบตา
“ระวังพิษ!”
“ระวังนังนั่นด้วย!”
“ไม่ไหว ข้ารู้สึกถึงนางไม่ได้ นางเร็วเกินไป”
นายน้อยแห่งวังหลวงทั้งห้าลุกลี้ลุกลนอยู่ครู่หนึ่ง โชคดีที่พวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง การโจมตีระดับนี้จึงไม่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บถึงตาย
อย่างไรก็ตามแม้การถูกตัดคอจะไม่สามารถทำให้พวกเขาตายได้ แต่ทันทีที่พวกเขาตั้งตัว ทักษะวิญญาณอันรุนแรงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพิษร้ายทลายพิภพ ลมหายใจมังกร กลืนกินสวรรค์ ดาบของอาชูร่า ก็พุ่งเข้ามาปิดฉากพวกเขาจนหมดสิ้น
มันเป็นไปตามที่ ลั่วอู๋ พูด
ทุกคนได้ใช้พลังทั้งหมดที่พวกเขามีแสดงพลังอย่างเต็มที่ สังหารนายน้อยแห่งวังหลวงทั้ง 5 คนเบื้องหน้าพวกเขาแบบตัวต่อตัว
นี่ทำให้การต่อสู้สิ้นสุดลงก่อนที่ผู้บังคับใช้กฎหมายของวิหารจะมาถึง
ลั่วอู๋เดินเข้าไปหาเหวินเสี่ยว “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร” เหวินเสี่ยวส่ายหัว แม้บาดแผลบนร่างกายของเขาจะร้ายแรงมาก แต่มันก็ไม่ถึงแก่ชีวิต เขาใช้ทักษะในรักษาแผล พร้อมทั้งผ่อนคลายร่างกายของตัวเอง
ลั่วอู๋มองไปที่ซากศพทั้งหกบนพื้น “ทั้งหกคนนี้คือคนที่ส่งช้างมังกรทะเลมาฆ่าเจ้างั้นเหรอ?”
“ไม่ ไม่ใช่พวกเขา” เหวินเสี่ยวกล่าว
ทุกคนต่างตกตะลึง
พวกเขาไม่ได้คิดว่าเหวินเสี่ยวจะตอบปฏิเสธ
“ หมายความว่ายังไง ?” “แล้วคนพวกนี้เป็นใคร ทำไมเจ้าถึงต้องมาสู้กับพวกเขา” ลั่วอู๋ กล่าว
“ คนที่ต้องการฆ่าข้าคือ ซวนหยู่ฮาน นายน้อยแห่งวังหลวงที่มีอำนาจมากที่สุดของพระราชวังเป่ยหมิง ข้าติดกับแผนของเขา ส่วนทั้ง 6 คนที่เสียชีวิตตรงนั้น คือนายน้อยแห่งวังหลวงอีก 6 คนที่เหลือของพระราชวังเป่ยหมิง แต่พวกเขาเองก็คิดที่จะฆ่าข้า มันจึงไม่สำคัญว่าพวกเขาจะตายรึเปล่า” เหวินเสี่ยวดูเหมือนจะไม่กังวล แต่อย่างใด
พรรคพวกลั่วอู๋ ต่างรู้สึกได้ถึงปัญหานี้
เมื่อกี้เท่ากับว่า พวกเขาเพิ่งได้บุกเข้าไปในวิหารของพระราชวังเป่ยหมิงและฆ่าเหล่านายน้อยแห่งวังหลวงของพระราชวังเป่ยหมิง?
นี่คือมันหมายความว่ายังไงกัน
สิ่งนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นเพียงการยั่วยุแน่ นี่มันไม่ต่างอะไรไปจากการถอนรากถอนโค่นขุมกำลังอำนาจของพระราชวังเป่ยหมิงเลยด้วยซ้ำ
นายน้อยแห่งวังหลวง เหล่านี้แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเป็นผู้ปกครองสูงสุดได้ แต่ในอนาคตพวกเขาก็คงจะได้ดำรงตำแหน่งสำคัญในพระราชวังเป่ยหมิง และเป็นขุมกำลังอันดับ ต้น ๆ ของพระราชวังเป่ยหมิง
เหตุการณ์นี้จะต้องทำให้เหล่าผู้มีอำนาจในพระราชวังเป่ยหมิงโกรธอย่างแน่นอน
ในขณะนี้ข้างนอกเองก็ได้มีการแผ่คลื่นพลังวิญญาณอันทรงพลังออกไป
เหล่าผู้รักษาความสงบของพระราชวังเป่ยหมิง ต่างก็ถูกดึงดูดด้วยพลังวิญญาณที่แผ่ออกมาจากการต่อสู้ พวกเขาพุ่งทะลุกำแพงจากด้านนอกของห้องโถงหางกวง ทะลวงเข้ามาโดยไม่สนสิ่งอื่นใด ๆ
“เกิดอะไรขึ้น?” มีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงผู้แข็งแกร่งหลายคนพุ่งเข้ามาตามด้วย ผู้คุมจำนวนมากของห้องโถงหางกวงที่เข้ามาล้อมรอบ
ทันทีที่พวกเขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในวิหาร พวกเขาต่างก็ยืนเหงื่อตกด้วยความตกตะลึง
ศพของนายน้อยแห่งวังหลวง…
นายน้อยแห่งวังหลวงเสียชีวิตพร้อมกันถึงหกคน
นี่เป็นเหตุการณ์เลวร้ายที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบหลายพันปี พวกเขาทั้งหมดต่างเสียชีวิตในพระวิหาร
ขณะนั้นเอง ชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องโถง เขามีความสูงมากกว่าสิบเมตร ราวกับเป็นเนินเขาขนาดย่อม ๆ ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องโถงทั่วทั้งห้องโถงก็สั่นสะท้าน
ชื่อของเขาคือ ฉีโปจิง ผู้นำของเหล่าผู้รักษาความสงบ ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับทองขั้นสูง มิติ 10 เป็นคนที่ทรงพลังและแข็งแกร่งมากในพระราชวังเป่ยหมิง
“หาตัวคนที่ทำมาให้ได้ และข้าต้องการพวกมันมาทั้ง ๆ ที่ยังมีชีวิต” เสียงคำรามของเขาระเบิดออกเหมือนฟ้าร้อง ซึ่งทำให้ผู้คนตรงนั้นปวดหัว
ร่างของเขาสั่น ด้วยความโกรธเกรี้ยว
ในฐานะหัวหน้าคณะผู้รักษาความสงบ การที่มีคนสามารถบุกเข้ามาในวิหาร ก่อเหตุรุนแรงอุกอาจเช่นนี้ แต่เขากลับเข้ามาหยุดเอาไว้ไม่ทัน มันเป็นดั่งการละทิ้งในหน้าที่ของเขา
นี่คือความตายของนายน้อยแห่งวังหลวงถึงหกคน
แน่นอนว่าเรื่องใหญ่เช่นนี้ ตัวเขาไม่สามารถแบกรับความผิดพลาดนี้ไว้ได้ด้วยตัวคนเดียว
ดังนั้นเขาต้องจับเหล่าผู้ก่อเหตุที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมดมาส่งมอบให้กับผู้ปกครองสูงสุดให้จงได้