ไหปีศาจ - บทที่ 456 ใครไล่ล่าใคร
บทที่ 456 ใครไล่ล่าใคร
บทที่ 456
ใครไล่ล่าใคร
ด้านบนของวิหาร
ชายวัยกลางคนหนึ่งผู้สงบนิ่งดั่งภูเขาได้ก้าวขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมหยิบมงกุฎโบราณที่ทำจากหินสีน้ำเงินอันลึกลับออกมา
มันคือหินคราม หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่าว่าศูนย์รวมแห่งท้องทะเล
นี่คือแร่ชนิดพิเศษที่หายากที่สุดของทะเลเหนือสุดขอบ
มันไม่เกินจริงหากจะเรียกแร่ชนิดนี้ว่ามหาสมบัติ มันมีในจำนวนที่น้อยมาก และจำเป็นต้องสกัดแร่ต่างๆจำนวนหลายหมื่นตัน กว่าจะออกมาเป็นหินครามที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ มันมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งมากอยู่ภายใน
ความพิเศษของมันคือเมื่อนำมาสร้างเป็นมงกุฎแล้วผู้สวมใส่จะสามารถยืมพลังวิญญาณแห่งท้องทะเลที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้มาใช้ได้
มงกุฎหินครามนี้เป็นของสิ่งที่มีมาตั้งแต่การก่อตั้งพระราชวังเป่ยหมิง มันถูกสร้างขึ้นโดยผู้ที่ไม่มีตัวตนในประวัติศาสตร์ โดยข้อมูลการสร้างของมันนั้นถูกกระจัดกระจายไปทั่วจนหาสืบได้ยาก ว่ากันว่าอาจจะต้องใช้เวลา ถึง 500 ปี ในการสร้างวัตถุอันทรงพลังนี้ขึ้นมาอีก
แม้แต่ราชาหมอกซานเหริน ชายที่มีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้น ยังตระหนักว่าต่อให้เป็นตัวเขาเองก็ยังต้องใช้เวลากว่า 500 ปีถึงจะสร้างมันขึ้นมาได้
มีเพียงผู้ปกครองสูงสุดของพระราชวังเป่ยหมิงเท่านั้น ที่จะมีคุณสมบัติในการสวมมงกุฎหินครามนี้ มันไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจอีกด้วย
ชายวัยกลางคนคนนี้คือผู้ปกครองสูงสุดคนปัจจุบันของพระราชวังเป่ยหมิง – จูกู่เฉิง
ตอนนี้เขาถูกล้อมรอบไปด้วยกลุ่มชายชราผู้ทรงพลัง
คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้อาวุโสของพระราชวังเป่ยหมิง
พวกเขามารวมตัวกันที่นี่และกำลังเตรียมตัวไปยังห้องโถงหางกวง ตามคำเชิญของซวนหยู่ฮาน ที่เชิญพวกเขาให้ไปคุยถึงเรื่องสำคัญบางอย่าง
ในฐานะนายน้อยแห่งวังหลวงที่มีอำนาจมากที่สุด จนหลายคนยกย่องให้เขาเป็นว่าที่ผู้ปกครองสูงสุดนต่อไปของพระราชวังเป่ยหมิง จึงไม่แปลกที่เหล่าผู้มีอำนาจจะใส่ใจกับคำเชิญของเขา
“ข้าไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นกำลังคิดอะไรถึงเรียกพวกเรา นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาเรียกหาพวกเรา” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชายชราผู้มีเกียรติอีกคนเดา “อาจจะเป็นเพราะเขาได้ค้นพบวิธีรักษาสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์แล้วก็เป็นได้ นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงเรียกพวกเราไปหา”
“ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะ” อีกหลายคนต่างเห็นด้วยอย่างคาดหวัง
อย่างไรก็ตาม จูกู่เฉิง ซึ่งเป็นผู้ปกครองสูงสุดของพระราชวังเป่ยหมิงนั้นกลับไม่ได้พูดอะไร เขาสังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะซวนหยู่ฮานเป็นเด็กชายที่มีความคิดซับซ้อนและจิตใจเข้มแข็ง เขาจึงไม่น่าจะทำอะไรที่อธิบายไม่ได้เช่นนี้
แน่นอนว่ามันไม่ใช่ข้อเสียที่จะมีจิตใจที่เข้มแข็ง เพราะหากเขาไม่มีจิตใจที่เข้มแข็งเขาก็คงไม่สามารถเป็นนายน้อยแห่งวังหลวงที่มีเยี่ยมยอดได้ ดังนั้นจู่กู่เฉิงจึงไม่ได้รังเกียจอะไรหากซวนหยู่ฮานจะได้สืบทอดของเขา
แต่ไม่นานมานี้เขาได้รับข่าวมาว่าเหวินเสี่ยวนั้นกลับมาถึงพระราชวังเป่ยหมิงแล้ว แต่กลับถูกสกัดกั้นด้วยฝีมือของใครบางคน ที่เขาเองก็ยังไม่พบว่าเป็นฝีมือของใคร
เขาไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องในวันนี้ด้วยรึเปล่า
พวกเขาเดินทางไปที่ห้องโถงหางกวงด้วยความรวดเร็ว เพื่อไปพบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน
“พระเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่ผู้รักษาความสงบมาที่นี่ทำไมกัน ห้องโถงหางกวงกลายสภาพเป็นแบบนี้ได้อย่างไร” เหล่าผู้บริหารระดับสูงต่างประหลาดใจ
ในเวลานี้ห้องโถงหางกวงได้พังทลายตกอยู่ในสภาพร่อแร่ใกล้จะกลายเป็นซากปรักหักพังเข้าไปทุกที
ทันทีที่พวกเขาลอยลงมาถึง ก็กลับต้องมาเห็นภาพที่ทำให้พวกเขาทุกคนโกรธ
มีศพของนายน้อยแห่งวังหลวงหกคนนอนอยู่บนพื้น
เหล่าผู้มีอำนาจของพระราชวังเป่ยหมิงแทบจะเป็นบ้าไปตาม ๆ กัน นี่ล้อกันเล่นใช่ไหม? นายน้อยแห่งวังหลวงหกคนถูกฆ่าตายอยู่ภายในวิหาร
ใบหน้าของ จูกู่เฉิง จมลงและเสียงของเขาดังก้องไปทั่วทั้งวิหาร “มีใครสามารถบอกข้าได้บ้างว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
อย่างไรก็ตามพรรคพวกลั่วอู๋ที่กำลังถูกเหล่าผู้รักษาความสงบของพระราชวังเป่ยหมิงปิดล้อมนั้นยุ่งเกินกว่าที่จะสนใจคนกลุ่มนี้ที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
ฉีโปจิงสะดุ้ง เข้าวิ่งเข้าไปทางต้นเสียงพร้อมกับเหงื่อเย็นที่ไหลมาบนใบหน้าของเขา “ท่านผู้ปกครองสูงสุด”
“มันเกิดอะไรขึ้น?” จูกู่เฉิง ถามอย่างเย็นชา
“การต่อสู้มันจบลงเร็วมาก เมื่อข้าไปถึงที่เหตุมันก็สายเกินไปแล้ว” ฉีโปจิงชี้ไปทางพรรคพวกลั่วอู๋ “มันเป็นฝีมือของพวกเขา”
เหล่าผู้มีอำนาจของพระราชวังเป่ยหมิงต่างมองข้าม ฉีโปจิงไปทางพวกลั่วอู๋
พวกเขาตกตะลึงมากที่ได้เห็นเหวินเสี่ยว
เพราะเหวินเสี่ยวนั้นได้ออกจากพระราชวังเป่ยหมิงไป นานแล้ว
“ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร ในเมื่อพวกเขาได้ลงมือทำแบบนั้นไปแล้ว ก็ต้องรับโทษประหาร คนพวกนี้ต้องตาย” ผู้อาวุโสคนหนึ่งโกรธเกรี้ยวและคำรามออกมา เพราะหนึ่งในนายน้อยแห่งวังหลวงที่ตายนั้นเป็นลูกหลานของเขาเอง
แน่นอนว่าผู้มีอำนาจคนอื่น ๆ เองก็ไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้
แต่พวกเขาก็ยังมองไปที่จูกู่เฉิงด้วยความสงสัย
เพราะพวกเขาต่างก็รู้ดีว่าผู้ปกครองสูงสุดดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับเหวินเสี่ยวเป็นอย่างมาก
จูกู่เฉิง สัมผัสได้ถึงความโกรธของเหล่าผู้มีอำนาจ พูดกันตามตรงตัวเขาเองก็โกรธเช่นกัน วัยรุ่นเหล่านี้ที่ตายไปต่างก็เป็นอนาคตของพระราชวังเป่ยหมิง
“ทั้งหมดยกเว้นเหวินเสี่ยว จะต้องถูกประหาร” จูกู่เฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น
ทันทีที่คำสั่งออกมาแรงกดดันของพรรคพวก ลั่วอู๋ ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้การปิดล้อมของเหล่าผู้รักษาความสงบ ยังเป็นอะไรที่พวกเขาสามารถรับมือได้ เพราะคนเหล่านี้ดูเหมือนต้องการจะจับเป็นพวกเขา
แต่ทันทีที่คำสั่งนี้ออกมา เหล่าผู้รักษาความสงบก็พร้อมที่จะสังหารพวกเขา
ลั่วอู๋คำราม“ เหวินเสี่ยว! ถ้าเจ้าหาทางออกจากเรื่องนี้ไม่ได้ ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้ทุกคนต้องมาเสี่ยงเพื่อเจ้าแน่”
“ข้าเข้าใจแล้วน่า” เหวินเสี่ยวตอบ เขาหันไปหาจูกู่เฉิงแล้วเขาจึงร้องออกมา “ท่านผู้ปกครองสูงสุด ได้โปรดหยุดฟังก่อน”
จูกู่เฉิง และเหล่าผู้มีอำนาจทั้งหมดมองไปที่เขาอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไรออกมา
จากนั้นการต่อสู้ก็เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น
การโจมตีโดยจากเหล่าผู้รักษาความสงบรุนแรงขึ้น เรื่อย ๆ
เหวินเสี่ยวคำราม “ทั้งหมดนี้เป็นการกับดัก มันอุบายของซวนหยู่ฮาน”
ทั้ง จูกู่เฉิง และเหล่าผู้มีอำนาจยังคงเงียบ
กับดัก?
ไม่ว่ามันจะเป็นแผนการเช่นไร แต่ความจริงที่นายน้อยแห่งวังหลวงทั้งหกคนได้ตายลงไปก็ไม่เปลี่ยนแปลง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตายด้วยฝีมือของพวกลั่วอู๋ ใครบางคนต้องตายเพื่อรับผิดชอบเรื่องนี้
พวกเขาจะต้องสืบหาความจริงแน่ เพียงแต่ตอนนี้เลือดก็ต้องชดใช้ด้วยเลือด
เหวินเสี่ยวเริ่มมีใบหน้าอันเศร้าหมอง ก่อนจะคำรามอย่างดุร้าย “พอก่อนเถอะ พวกเขามีวิธีในการรักษาสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ หากพวกท่านต้องการคนรับผิดชอบเรื่องนี้ ก็ฆ่าข้าเถอะอย่ายุ่งกับพวกเขา ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่าพระราชวังเป่ยหมิงจะจมลงสู่ใต้ทะเล ข้าจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะกลับมาพร้อมวิธีแก้ แต่ข้ากลับถูกปิดกั้นจนแทบจะกลับมาไม่ได้ ถ้าพวกเขาตายใครเล่าจะช่วยพระราชวังเป่ยหมิงได้? สมองพวกท่านเป็นสนิมรึยังไง ! ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่ามันเป็นแผนการของซวนหยู่ฮาน พวกท่านไม่เข้าใจคำพูดนี้รึยังไง?”
เหวินเสี่ยวตะโกนเหมือนคนบ้า ในขณะที่เทพตกสวรรค์ข้างหลังเขา เริ่มปลดปล่อยพลังวิญญาณรูปร่างคล้ายดอกไม้สีเข้มออกมาโจมตีและฆ่าผู้รักษาความสงบ
เหล่าผู้มีอำนาจต่างโกรธเกรี้ยว
เพราะอีกฝ่ายกล้าพูดจาดูถูกพวกเขา
เหวินเสี่ยวที่ออกไปข้างนอก เปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
แต่เมื่อคิดดูดี ๆ แล้ว พวกเขาก็ต้องตกใจเมื่อนึกได้ว่าเขาพูดเกี่ยวกับการรักษาสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์?
พวกเขาต่างก็รู้กันดีว่าเหวินเสี่ยวหนีออกจากพระราชวังเป่ยหมิง เพื่อหาทางรักษาสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์
เขาค้นพบมันแล้วจริงๆงั้นหรือ?
ไม่ว่าจะเป็นคำดูถูกหรืออุบายของซวนหยู่ฮาน พวกเขาก็ไม่สนใจอีกต่อไป พวกเขาแค่อยากรู้วิธีรักษาสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์
“ทุกคนจงหยุดเดี๋ยวนี้” จูกู่เฉิง เสียงทุ้มต่ำเช่นฟ้าร้องดังขึ้น เพื่อให้ทุกคนหยุดการกระทำใด ๆทั้งหมด
พรรคพวกลั่วอู๋ตกใจกันมาก
มันเป็นเสียงที่รุนแรงอะไรขนาดนี้
ดวงตาของ จูกู่เฉิง กวาดไปยังพรรคพวก ลั่วอู๋ “เรื่องตรวจสอบการบุกรุกเข้ามาในวิหารของพวกเจ้าเอาไว้ที่หลัง ตอนนี้จงบอกมาซะว่าใครสามารถรักษาสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้?”
หลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่พลังวิญญาณของพรรคพวกลั่วอู๋ ต่างก็หมดลงพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่วิ่งหนีพลางฟื้นฟูพลังวิญญาณของพวกเขาไปด้วย
“จะไม่ทำการสืบสวนต้นเหตุของเรื่องนี้หน่อยเหรอ ถ้าพวกเจ้าไม่ทำ พวกข้าทำกันเองก็ได้” ลั่วอู๋โกรธมาก
เหล่าผู้มีอำนาจของพระราชวังเป่ยหมิงต่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เขาหยิ่งเกินไปแล้ว
พวกเขาเพิ่งฆ่าคนไป แต่ต้องการจะสืบสวนต้นเหตุเนี่ยนะ?
ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่กำลังโกรธแค้นลุกขึ้นยืนด้วยความเกลียดชังในดวงตาของเขา “เจ้าฆ่านายน้อยแห่งวังหลวงทั้งหกของพระราชวังเป่ยหมิง มันเป็นบาปมหันต์ เจ้ายังจะต้องการที่จะสืบสวนอะไรอีก?”
“ ข้ามาที่นี่ด้วยเจตนาดี ข้าต้องการช่วยพวกเจ้ารักษาสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์” ลั่วอู๋พูดอย่างโกรธ ๆ “แต่ระหว่างทางข้ากลับถูกสกัดกั้นจนเกือบตาย นอกจากนี้เมื่อข้ามาถึงวิหารของพวกเจ้า ข้าก็ยังถูกนายน้อยเหล่านี้โจมตี แล้วทำไมข้ารับโทษในการสังหารพวกเขาด้วยล่ะ พวกเขาโจมตีข้าก่อนเอง ข้าเป็นเพียงผู้บริสุทธิ์ที่ปกป้องตัวเองเท่านั้น พวกเจ้าต่างหากที่มาโจมตีพวกข้าทำไม นั่นต่างหากล่ะที่เป็นอาชญากรรม”
เหล่าผู้มีอำนาจของพระราชวังเป่ยหมิงต่างเวียนหัวไปตาม ๆ กัน
พวกเขาไม่ได้รู้ความจริงอะไรเลย
นอกจากนี้ยังมีคำพูดของ ลั่วอู๋ ซึ่งเปิดเผยว่าพวกเขามาเพื่อรักษาสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์
เหล่าผู้มีอำนาจของพระราชวังเป่ยหมิงจึงไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะพวกเขาไม่สามารถพลาดโอกาสที่จะรักษาสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้
แม้ว่าอีกฝ่ายอาจจะหลอกพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหักห้ามใจตัวเองลงสักพัก
บรรยากาศในที่เกิดเหตุดูแปลกไปชั่วขณะ
จากนั้น จูกู่เฉิง ก็ถามขึ้นอย่างช้าๆ “เจ้าต้องการอะไร”
“พาคนที่ชื่อซวนหยู่ฮานมาให้ข้า ข้าจะเผชิญหน้ากับเขาตัวต่อตัว” ลั่วอู๋พูดอย่างเย็นชา “ถ้าพวกเจ้ากล้าที่จะไว้วางใจพวกเรา ข้าก็อยากจะเห็นว่าเขาเป็นคนแบบไหน”