ไหปีศาจ - บทที่ 468 ข้าเป็นคนฆ่าเอง
บทที่ 468 ข้าเป็นคนฆ่าเอง
บทที่ 468
ข้าเป็นคนฆ่าเอง
ทุกสายตาจับจ้องไปที่ลั่วอู๋
ทั้งหมดอยู่ในความตกใจ และความสับสน ผู้คนแสดงความอย่างรู้อยากเห็นอย่างเป็นประกายในหัวใจ
หินคราม
ตระกูลที่มีความเก่าแก่ที่สุดเท่านั้น ที่สามารถรู้วิธีการสกัดออกมาได้
และตระกูลดังกล่าวเท่านั้น ที่สามารถเรียกตัวเองได้เป็นชนชั้นสูง
ในประวัติศาสตร์ ในบางกรณีนอกเหนือจากนี้ยังมีบางตระกูลที่ได้รับรู้ถึงวิธีการสกัดมาจากพระราชวัง และหลังจากนั้นก็ยกได้ระดับของตระกูลตนเองขึ้นไปอยู่ในอันดับต้น ๆ แต่มันก็มีจำนวนอยู่น้อยมาก
เจ้าหนุ่มผู้นั้นเป็นใคร และมาจากตระกูลไหนกัน? ทำไมเขาถึงได้มีหินครามกันล่ะ?
ท่านอาจารย์หลินออกจากความรู้สึกผิดหวังของตนเอง และมองไปที่ลั่วอู๋ แม้ว่าจะรู้ถึงความไม่น่าไว้วางใจ แต่เขาก็ได้ถามออกไป “เจ้าหนู เจ้ามีหินครามจริงงั้นหรือ?”
“แน่นอน” ลั่วอู๋หยิบหินครามชิ้นเล็กออกมา
รูปร่างของมันเป็นหินสีฟ้าที่คอยเปล่งแสงสีฟ้าอันอบอุ่นออกมา ดั่งพลังแห่งมหาสมุทรที่แสนลึกลับ มันมีความละเอียดอ่อนอย่างมาก ซึ่งผู้คนต่างสามารถรับรู้ถึงพลังงานนั้นได้
มันคือหินครามอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หินครามชิ้นนั้นมีน้ำหนักเพียง 250 กรัม มันน้อยกว่าครึ่งกิโลกรัมด้วยซ้ำ ซึ่งมันน้อยกว่าของหยู่ปิงเล็กน้อย
แต่ถึงอย่างนั้น ท่านอาจารย์หลินก็รู้สึกปลาบปลื้มอย่างมาก
“การประมูลได้สิ้นสุดลงแล้ว” ท่านอาจารย์หลินตัดสินใจในทันที
ในประเด็น ความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่สำหรับเขาที่ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าหินคราม ซึ่งเป็นถึงความหวังครั้งใหม่ของเขา
ลั่วอู๋ยิ้ม
ยังคงทันเวลาอยู่
ไม่ใช่ว่า ลั่วอู่ไม่สามารถสกัดหินครามไม่มากกว่านี้ แต่เขามีเวลาไม่มากพอที่จะสกัดได้จำนวนมาก
นอกจากนี้ ก็ยังมีแร่ทะเลที่กองเป็นภูเขาขนาดใหญ่อยู่ในมิติไห ซึ่งลั่วอู๋ได้นำแร่ทะเลเข้าไปเก็บรวบรวมเอาไว้ในที่แห่งนั้น
หลังจากไปเข้ายังสมาคมแห้งท้องทะเล
หินคราม 10 กรัม เพื่อนำไปแลกเปลี่ยนกับแร่ทะเลราคาถูกที่สุดที่สมาคมแห้งท้องทะเลได้ถึง 2 ล้านตัน ดูเหมือนว่ามันจะคุ้มค่าอย่างมาก
ตระกูลที่มีหินครามนั้น จะไม่ยอมนำไปแลกเปลี่ยนได้ง่าย ๆ
การประมูลได้สิ้นสุดลงแล้ว
ผู้คนได้แยกย้ายกันออกไป
แน่นอนว่า ได้มีผู้คนจำนวนมากได้โยนกิ่งใบมะกอกให้ลั่วอู๋ และพวกเขาก็ได้ลุกขึ้นมาด่าทอและโจมตีภูมิหลังของลั่วอู๋
แต่ลั่วอู๋ไม่ได้สนใจมัน และคนเหล่านั้นก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินจากไป
ใบหน้าของชายอ้วนแสดงถึงความสับสน บางครั้งก็อยากร้องไห้ออกมาโดยไม่มีน้ำตา ถึงเขาจะกระอักเลือดมากแค่ไหน เขาก็สู้คนอื่นไม่ได้
หินคราม หินคราม ข้าต้องการวิธีการสกัดหินคราม
“มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ? เจ้าดูเศร้านะ” ลั่วอู๋ถามด้วยความสงสัย
ชายอ้วนแสดงสีหน้าที่โศกเศร้า “เจ้าคนใหญ่คนโต เจ้าไม่กล้าสู้ซึ่งหน้ากับข้า เจ้าแสร้งทำเป็นว่ายากจน เจ้าจงใจจะตอกหน้าข้า ตอนนี้เจ้ายังมาล้อเลียนข้า ข้าไปทำให้เจ้าไม่พอใจหรือไงกัน?”
“ไม่เลย ข้าไม่เคยรู้สึกไม่พอใจเจ้า ข้าก็แค่เป็นคนเลวเท่านั้น” ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“เจ้าไปเอาหินครามมาจากที่ไหนกัน?” “เจ้าต้องมีตระกูลที่ดีอย่างแน่นอน ข้าประหลาดใจชะมัด” ชายอ้วนกล่าว
ลั่วอู๋ส่ายหัว “ไม่ใช่ ข้าแค่ต้องการซื้อยาปีกสีครามแห่งความมืด แต่มันก็เป็นเรื่องดีสำหรับเจ้า ซวนหยู่ฮานได้ตายไปแล้ว อย่าที่จะพยายามเคารพเขาเลย”
ด้วยเหตุนั้นเอง ลั่วอู๋ก็ได้หันกลับไป
เขากำลังจะปิดการประมูลในตอนนี้ และรับยาปีกสีครามแห่งความมืดกลับไป
ชายอ้วนทำสีหน้ามึนงงว่า มันคือเรื่องจริงงั้นเหรอ? ผู้สามารถนำหินครามออกมาได้จะไม่ได้มาหลอกลวงเขาด้วยวิธีเช่นนี้แน่นอน
ลั่วอู๋เข้ามาภายในร้านฟ้าคราม และนำยาปีกสีครามแห่งความมืดกลับออกไป
ท่านอาจารย์หลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าหนู ถ้าเจ้าต้องการขายหินครามในอนาคต เจ้าสามารถมาหาข้าโดยตรงได้ ข้าสามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าได้นะ”
ยิ่งเพิ่มหินครามเข้าไปในเตาหลอมมากเท่าไหร่ ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็ยิ่งดีเท่านั้น
แม้ว่าจะไม่ได้ใช้กับเตาหลอม แต่มันก็เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับในการดำเนินการของร้านฟ้าคราม
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นมาว่า “ข้าต้องการยาปีกสีครามแห่งความมืดทั้งหมดที่เจ้าเป็นคนสกัด ข้าสามารถแลกเปลี่ยนหินครามได้”
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ท่านอาจารย์หลินอดขยับตัวไม่ได้ “เจ้าหนู เจ้ามีหินครามกี่ชิ้นกัน?”
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น” ลั่วอู๋พูดอย่างห้วน ๆ “ในอนาคต ถ้าเจ้ามียาปีกสีครามแห่งความมืด เจ้าแค่พูดออกมา แล้วข้าจะส่งคนไปหาเจ้าเอง”
ดวงตาของหลินตาเจินกะพริบ ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง และในที่สุดเขาก็พยักหน้าตอบ “ตกลง”
ลั่วอู๋ได้หันกลับไป และพูดกับฮวงเสี่ยวหยวนที่อยู่ข้างเขา “เจ้าต้องรับผิดชอบในการติดต่อที่แห่งนี้ในอนาคต ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้กับเจ้าโดยเฉพาะ”
“รับทราบขอรับ” ฮวงเสี่ยวหยวนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และบันทึกลงในสมุดในทันที
ลั่วอู๋ได้เข้าสู้มิติไหในทันที และในไม่ช้า เข้าก็ได้เรียกต้าหวงออกมา
ประสิทธิภาพของยาปีกสีครามแห่งความมืดกำลังจะหายไป
เราจะต้องรีบดำเนินการในทันที
“ออกมากลืนกินมันซะ” ลั่วอู๋โยนยาปีกสีครามแห่งความมืดให้กับต้าหวง
ต้าหวงกลืนยาเม็ดสีฟ้าขนาดเล็กด้วยความรวดเร็วดั่งสายฟ้า เห็นได้ชัดเลยว่ามันยาวิญญาณระดับ 9 แต่หลังจากกลืนลงไปแล้ว กลับไม่มีการตอบสนองใด ๆ ออกมาเลย
“โฮ่ง โฮ่ง” ต้าหวงร้องออกมา 2 ครั้ง และทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกติ
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้นเลย
ลั่วอู๋ลูบไปที่หัวของต้าหวง “ยาเม็ดนี้เป็นเพียงยาแค่เพิ่มความน่าจะเป็น ทุกอย่างขึ้นกับความพยายามของเจ้าเอง ลุยเลย”
ต้าหวงเข้าใจความหมายของลั่วอู๋ มันแลบลิ้นออกมาและพยักหน้าไปมา ซึ่งทำให้ผู้คนต้องหัวเราะออกมา
ยาเม็ดที่เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในร่างกายของสัตว์วิญญาณ และจะไม่ระเบิดออกมาจนกว่าการพัฒนาของมิติกำลังจะเกิดขึ้น เพื่อช่วยให้สัตว์วิญญาณสำเร็จในกระบวนการวิวัฒนาการ
ในบรรดาสัตว์วิญญาณทั้ง 3 ตัว ต้าหวงนั้นเป็นผู้ที่ต้องการยาปีกสีครามแห่งความมืดมากที่สุด
เพราะคุณสมบัติของมันยังคงอยู่ในระดับทองคำ
เนื่องจาก การกลายเป็นดักแด้ครั้งสุดท้าย ผีเสื้อปีกมายาได้พัฒนาศักยภาพร่างกายของตนเองออกมา คุณสมบัติของมันได้รับการพัฒนาขึ้นไปอยู่ในระดับเพชร ทองขั้นสูงแล้ว เลยไม่จำเป็นต้องใช้ยาปีกสีครามแห่งความมืดในการช่วยพัฒนาเลย
ยาปีกสีครามแห่งความมืดของยาเม็ดนี้ แน่นอนว่า มันจะดีกว่านี้ถ้าเจ้าไม่ต้องการมัน เจ้าสามารถมอบมันให้กับหลี่หยิน หรือว่า ฉู จงฉวน ได้
นั่นคือเหตุผลที่ลั่วอู๋พร้อมที่จะทำข้อตกลงระยะยาวกับร้านฟ้าครามแห่งนี้
ส่วนการแลกเปลี่ยนธุรกิจอื่นลั่วอู๋ไม่ได้สนใจ เพราะร้านฟ้าครามแห่งนี้แข็งแกร่ง เนื่องจากแข็งแกร่งเกินไป มันจึงมีความโลภอยู่เป็นจำนวนมากและอยู่นอกเหนือจากความควบคุมของเขา
ลั่วอู๋ได้ออกจากมิติไห
หลังจากที่เขาจะเดินจากไป ชายอ้วนก็ได้สบตาเขาอีกครั้งหนึ่ง
“เจ้าคนใหญ่คนโต” ชายอ้วนพูดตะคอก
ลั่วอู๋หยุดชะงัก “มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
ชายอ้วนมองไปรอบ ๆ เพื่อยืนยันว่าไม่มีใครอยู่โดยรอบเขา จากนั้นเขาก็กล่าวเบา ๆ “ข้าพยายามติดต่อกับซวนหยู่ฮานด้วยความสัมพันธ์ดั้งเดิมของข้า แต่ข้าก็ล้มเหลว มันน่าจะเป็นที่พระราชวังที่คอยปิดข่าว”
เนื่องจากเขาต้องการที่จะเชิดชูซวนหยู่ฮาน เขาจึงต้องการการติดต่อภายในวังตลอดเวลา มิฉะนั้น ประสิทธิภาพของยาปีกสีครามแห่งความมืดจะหายไป
แต่ว่าตอนนี้ไม่มีการติดต่อใด ๆ กลับมาเลย
ชายอ้วนรู้สึกโชคดีอย่างมาก ที่ไม่ได้ของประมูลมา ไม่เช่นนั้นก็อาจจะเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่
“อะไรนะ เจ้าเชื่องั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ไม่ได้ยิ้มตอบ
“ใช่แล้ว ข้าเชื่อ” ชายอ้วนพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับผู้ที่สกัดหินครามได้อย่างง่ายดาย
เจ้าอ้วนอ้างว่าตนนั้นมีความรู้ แต่เขาไม่รู้ว่าลั่วอู๋นั้นมาจากตระกูลไหน และมาจากไหน
บุคคลลึกลับเช่นนี้จะมีคำพูดที่หนักแน่น
บางทีท่านสามารถใช้ประโยชน์จากความลึกลับนี้เพื่อเข้าไปยังพระราชวังก็เป็นได้?
“เจ้าคนใหญ่คนโต เจ้ามาจากพระราชวังใช่หรือไม่?” ชายอ้วนถาม
ลั่วอู๋ส่ายหัว “ไม่ใช่”
“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรกันว่าซวนหยู่ฮานได้ตายไปแล้ว…”
ลั่วอู๋ยิ้มอย่างใจเย็น “ข้าเป็นคนฆ่าเขาเอง”
ชายอ้วนแสดงสีหน้าที่ขุ่นมัว
ความหนาวเย็นก่อตัวขึ้นมามาจากด้านหลัง ก่อนที่พุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า
“เจ้า เจ้าเป็นคนฆ่าเขางั้นเหรอ?”