ไหปีศาจ - บทที่ 508 เนินผี
บทที่ 508 เนินผี?
บทที่ 508
เนินผี?
ลั่วอู๋ไม่คิดมากเกินไปเกี่ยวกับความเฉยเมยของคฤหาสน์องค์ชาย
ถ้าไม่รบกวนกัน ทุกอย่างก็พูดง่าย
อย่างไรก็ตามเขาจะกลับไปที่สำนักเฉียนหลงในอีกหนึ่งเดือน เมื่อถึงเวลาสำนักโล่พิทักษ์จะได้รับการคุ้มครองโดย คฤหาสน์ชวนเทียนและจักรพรรดิ เขาคิดว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในเวลานี้ลั่วอู๋ไปที่หุบเขามรณะ
ด้วยประคำพิษทั้งห้า หมอกพิษแห่งหุบเขามรณะก็ไม่สามารถหยุดเขาได้
ห้องโถงใหญ่ในหุบเขามรณะนั้นมืดมนและน่าสะพรึงกลัวเช่นเคย และมีกลิ่นแปลก ๆ ราวกับว่ามีวิญญาณแห่งความแค้นนับไม่ถ้วนสะสมและร้องไห้อยู่
แต่ลั่วอู๋กลับไม่รู้สึกอะไรมาก
เพราะเขารู้ว่าใครอยู่ในนั้น.
ลั่วอู๋เดินตรงเข้าไปในห้องโถงโดยไม่พูดอะไร
ตามที่คาดไว้ มีกลิ่นเหม็นในนั้น ซากสิ่งมีชีวิตจำนวนมากถูกเก็บไว้ในขวดเพื่อการวิจัย
มันชุ่มเลือดและน่าขยะแขยง
เหล่าสัตว์ประหลาดนั้นต่างก้มหน้าศึกษา และบางครั้งก็คุยกับตัวเอง มิฉะนั้นพวกเขาจะตะโกนด่าและรบกวนเพื่อนของพวกเขา
พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นว่าลั่วอู๋เข้ามา
“อะแฮ่ม ๆ” ลั่วอู่ไอสองสามครั้ง
……
ไม่มีใครเงยหน้ามองเขา
“อืม พวกเจ้าไม่กลัวว่าบ้านจะถล่มไม่ว่าใครจะบุกรุกเข้ามางั้นรึ?” ลั่วอู๋ถามพร้อมกลอกตาของเขา
สัตว์ประหลาดเงยหน้าขึ้นทันที
พวกเขาเห็นลั่วอู๋ บรรยากาศแช่แข็งเล็กน้อย ไฟวิญญาณสีเขียวเข้มภายใต้เสื้อคลุมสีดำกะพริบ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีความสุขกับมัน
ในเมื่อพวกเขาสาบานว่าจะยอมจำนนต่อลั่วอู๋
แต่มันก็ยากสำหรับพวกเขาที่จะยอมจำนนต่อคนอ่อนแอคนนี้
ลั่วอู๋พูดอย่างไร้เดียงสา “ทำไมไม่มีใครต้อนรับข้าเลย?”
“ยินดีต้อนรับ” ห้องโถงมีเสียงปรบมือเบาบาง สัตว์ประหลาดพูดอย่างไร้พลัง
ลั่วอู๋ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ผลการวิจัยล่าสุดเป็นยังไงบ้าง มังกรกระดูกผีเป็นอย่างไรบ้าง?”
เห็นได้ชัดว่ามีสัตว์ประหลาด หลายคนสนใจหัวข้อนี้และเริ่มมีชีวิตชีวาทีละคน
“ไม่พอ มันยังไม่พอ!”
“มันเปราะบางเกินไปที่จะศึกษาพลังของมังกรผีในช่วงสองสามเดือนนี้”
“ไอ้ลูกหมาตัวไหนสับอุ้งเท้ามันกัน? บอกกันไปหลายร้อยครั้งแล้วว่ามังกรกระดูกผีที่สมบูรณ์ถึงจะน่าศึกษา”
“ไฟแห่งวิญญาณสมบูรณ์เพียงพอแล้ว เจ้าต้องการทำอะไรให้ร่างกายของเจ้าสมบูรณ์ล่ะ? เจ้าเข้าใจวิถีชีวิตบ้างรึเปล่า?”
“นั่นเป็นสาเหตุที่เจ้าขโมยไฟแห่งวิญญาณไปแล้วมังกรกระดูกผีก็เลยอ่อนแอมาตลอดทั้งเดือนสินะ?”
“เจ้าเอาปีกของมันไปไม่ใช่รึ”
“มันมีต้นกำเนิดของพิษมังกรอยู่ที่ปีก ซึ่งเป็นวัตถุดิบการวิจัยที่สำคัญมาก ข้าคิดว่ามันประกอบด้วยกระดูกสัตว์วิญญาณมังกรอย่างน้อยเจ็ดชนิด”
“หลังจากศึกษาเสร็จ เจ้าก็ต้องเอามาคืน”
“ข้าคืนแล้ว”
“มันอยู่บนหัวของเจ้า ไอ้ตาบอด”
“ข้าคิดว่ามันสวยงามเมื่ออยู่บนหัวข้า”
“อยากสวยอะไรกัน? งั้นทำไมไม่เอาเท้าเจ้ามาห้อยบนหัวบ้างล่ะ?”
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า อย่างน้อยข้าก็ไม่ได้จับงูมาบังคับให้มันผสมพันธุ์กับมังกรกระดูกผีสักหน่อย”
“อะไรนะ?! ถึงว่าทำไมมีของเหลวแปลก ๆ บนมังกรกระดูกผี เจ้ามันบ้าไปแล้ว มังกรกระดูกผีไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์นะ”
“……”
สัตว์ประหลาดกลุ่มนี้ทะเลาะกันทันทีและวิพากษ์วิจารณ์เพื่อนของพวกเขาเรื่องการถืออำนาจในงานวิจัยของพวกเขา มิฉะนั้นพวกเขาคงจะได้ศึกษาสิ่งใหม่ ๆ ไปแล้ว
ลั่วอู๋เหงื่อออกที่หน้าผาก
มังกรกระดูกผีมีชีวิตที่น่าสังเวชขนาดไหน
ไม่น่าแปลกใจที่มังกรกระดูกผีตัวสุดท้ายตายภายในไม่กี่เดือน คราวนี้พวกเขาหักห้ามใจได้มาก แต่คาดว่าอีกไม่นาน
ปรากฏว่าพวกเขายังไม่ได้พัฒนาคนใหม่ ๆ
นอกจากนี้ยังสามารถเห็นได้ว่าหยีเทียนเฉิน ซึ่งตายด้วยน้ำมือของลั่วอู๋นั้นเป็นอัจฉริยะในด้านนี้ ท้ายที่สุดมีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ศึกษาสิ่งมีชีวิตใหม่ได้จริงๆ
“เอาล่ะ ๆ ๆ อย่าทำเสียงดังเดี๋ยวจะจัดให้อีกตัว” ลั่วอู๋กล่าว
สัตว์ประหลาดหยุดต่อสู้
ตราบใดที่ยังมีมังกรกระดูกผี ก็จะไม่ส่งเสียงดัง
“ฉิงชาอยู่ที่ไหน?” ลั่วอู๋ถาม
ฉิงชาเจ้าผู้ครองแห่งหุบเขามรณะที่แท้จริง และยังเป็นผู้ที่ทำข้อตกลงกับภูตไหและมอบความเป็นอมตะให้กับสัตว์ประหลาดอย่างต่อเนื่อง
“เจ้าแก่ขี้โกหก อยู่ชั้นบนสุด” สัตว์ประหลาดทั้งหมดพูดเป็นเสียงเดียว
สำหรับฉิงชา พวกสัตว์ประหลาดไม่กลัวเลย
เป็นการเยาะเย้ยและดูหมิ่นมากกว่า
“ทำไมเขาไม่มาวิจัยกับพวกเจ้าล่ะ?” ลั่วอู๋ไม่เข้าใจ
เป็นการดีที่จะไม่ถาม เพราะเป็นการไปแหย่รังผึ้งเสียมากกว่า ว่าแล้วสัตว์ประหลาดทั้งหมดก็เริ่มตำหนิฉิงชากันอีกครั้ง
“เจ้าแก่ขี้โกหกคนนี้ยังคงศึกษาวิธีชุบชีวิตสัตว์ประหลาดตัวน้อยอยู่”
“ครั้งที่แล้วก็สัญญาว่าจะคืนชีพสัตว์ประหลาดตัวน้อย แต่ก็โกหกเรา”
“น่าขยะแขยง”
“คนโกหกที่สมควรตาย”
“ข้าขอเสนอให้โค่นตำแหน่งผู้นำของเขา! แล้วยึดห้องชั้นบนสุด”
“เอาด้วย!”
“พอได้แล้ว” ลั่วอู๋พูดอย่างช่วยไม่ได้ “ข้ามาที่นี่เพื่อทำธุระ ไม่ได้มาที่นี่เพื่อฟังการทะเลาะวิวาทและคำสาปส่งของพวกเจ้า ไปเรียกฉิงชามาหาข้าเถอะ”
สัตว์ประหลาดสองสามคนสบถไปที่ห้องชั้นบนสุดและเรียกฉิงชาลงมา
ลมปราณฉิงฉายังคงแข็งแกร่งและทรงพลังมาก และดีที่สุดในบรรดาสัตว์ประหลาด อย่างไรก็ตามไฟแห่งวิญญาณในดวงตาของเขาจางลงมาก คาดว่าเขาคงใช้ความคิดและจิตใจทั้งหมดเพื่อชุบชีวิตหยีเทียนเฉิน
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉิงชาถามด้วยเสียงทุ้ม
“รู้จักเนินผีไหม” ลั่วอู๋ถาม
ใบหน้าของสัตว์ประหลาดว่างเปล่า
“ที่ไหนกัน?” “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
แม้แต่ฉิงชายังส่ายหัว “ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย”
ในเวลานี้ดูเหมือนสัตว์ประหลาดบางคนจะนึกถึงอะไรบางอย่าง “ดูเหมือนว่าข้าจะนึกอะไรได้นะ มันดูเหมือนว่าจะเป็นสถานที่ที่หยินฉีมาบรรจบกัน แต่ข้าก็ไม่เคยไปที่นั่น”
“จริงรึ? พวกเจ้าเป็นหน้าใหม่ที่อยู่ในหุบเขามรณะมาแค่ร้อยปีแต่เคยได้ยินเรื่องนี้ แต่พวกเราที่อยู่มาหลายพันปีไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเนี่ยนะ?” บางคนสงสัย
“เจ้าเป็นใครถึงไม่รู้”
“เด็กน้อย อย่าหยิ่งเกินไป ข้าเป็นปู่ของเจ้าได้เลยนะ ถ้านับตามวัยแล้ว”
“หวังบาอยู่มานาน จะให้เรียกคุณปู่วังบาเลยไหม?”
“เจ้าเป็นผู้วิเศษรึไง…”
เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะต่อสู้กันอีกครั้ง ลั่วอู๋ก็หยุดพวกเขาด้วยอาการปวดหัว: “ข้าจำได้แล้ว ถึงตอนนี้มันจะเรียกว่าเนินผี แต่มันเคยเป็นหวังกู่มาก่อน”
ในเวลานี้ทั้งห้องเงียบกริบ
ครู่ต่อมาสัตว์ประหลาดกระซิบ “เจ้าจะถามเรื่องหวังกู่ไปทำไม?”
ดูเหมือนว่าสัตว์ประหลาดแก่เหล่านี้หลายคนจะรู้จักหวังกู่
“ข้ากำลังจะไป ข้าเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ข้าอยากจะไปให้ลึกกว่านี้เลยมาถามเจ้าว่ารู้รายละเอียดหรือไม่” ลั่วอู๋ถาม
ลั่วอู๋ไม่ลืมคำมั่นสัญญาที่มีต่อไป๋ฉี
นายพลผีนั้นทรงพลัง ดุร้ายและไม่เกรงกลัวความตายจริง ๆ ภายใต้คำสั่งของไป๋ฉี พวกเขาสามารถรุกคืบและล่าถอยอย่างเป็นระเบียบ และสามารถสร้างกองกำลังที่ทรงพลังได้
แค่มันเล็กเกินไป
ผีที่อ่อนแอของลั่วอู๋ไม่พร้อมที่จะรับมัน เขาจึงต้องการจับตัวที่ทรงพลังสักตัว
อย่างน้อยก็ระดับทอง
“ข้าควรชื่นชมความกล้าหาญของเจ้าหรือดูถูกความโง่เขลาของเจ้าดี?” ทันใดนั้นฉิงชาก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “หวังกู่ไม่ใช่ที่ที่คนธรรมดาจะเข้าไปได้”