ไหปีศาจ - บทที่ 532 ความโกรธ
บทที่ 532 ความโกรธ
บทที่ 532
ความโกรธ
ลั่วอู๋ไม่คาดคิดว่าองค์ชายเล็กยังคงต้องการดึงดูดตัวเองเข้ามาเป็นพวก
แต่อีกฝ่ายเองก็สัญญาแล้วว่าจะไม่ฆ่าองค์หญิงเจียโรวและองค์จักรพรรดิ
จริง ๆ แล้วความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้มีมากเท่าไหร่ เพียงแต่ลั่วอู๋นั้นไม่ชอบที่จะมีส่วนร่วมในการสมรู้ร่วมคิดกับสิ่งที่องค์ชายเล็กทำ
การก่อสงครามบนแผ่นดินใหญ่ ทำให้ทั้งทวีปกลายเป็นดินแดนของราชวงศ์มังกรเร้นกาย
ช่างเป็นอุดมการณ์ และ ความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่
ใบหน้าของลั่วอู๋ซับซ้อนเล็กน้อย เมื่อมองไปยัง หุ่นวิญญาณที่สดใสตรงหน้าเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “ยอมแพ้เถอะ เจ้าทำมันไม่สำเร็จหรอก เจ้ายังพอมีเวลามากพอให้ยอมแพ้อยู่นะในตอนนี้”
นี่เป็นเหมือนหินขนาดใหญ่ที่ตกลงไปในแอ่งน้ำลึกก่อให้เกิดคลื่นนับพัน
ความสงบบนใบหน้าของหุ่นวิญญาณเปลี่ยนเป็นความโกรธในทันที
เขาไม่ใช่คนที่จะถูกยั่วยุได้ง่าย ๆ
ถึงแม้ว่าเขาจะโกรธ เขาก็ทำแค่เพียงกลับไปที่ห้องและปลดปล่อยพลังวิญญาณของเขาออกไปตามความพอใจเท่านั้น เพื่อที่จะบรรลุจุดประสงค์ของการระบายอารมณ์
แต่ตอนนี้เขาโกรธมากจริงๆ
“เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” หุ่นเชิดวิญญาณคำราม เขามีความไม่พอใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขา
แม้แต่เย่เฟิง ก็ยังตัวสั่น เขานั้นรู้ถึงความน่ากลัวขององค์ชายเล็กดี
ในขณะนี้มีร่องรอยของความแปลกประหลาดใจในแววตาของลั่วอู๋ ไอ้เด็กนั่นมันบ้าไปแล้ว เขากล้าคิดที่จะต่อต้าน องค์ชายได้อย่างไร?
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้าขุ่นเคืองข้ากำลังบอกความจริงกับเจ้า”
“หุบปาก!” หุ่นวิญญาณคำรามจากนั้นร่างของเขาก็เริ่มทรุดลง เห็นได้ชัดว่าพลังวิญญาณขององค์ชายเล็กแปรปรวนอย่างรุนแรงจนหุ่นเชิดวิญญาณไม่สามารถทนได้
มือของเย่เฟิงพุ่งไปอย่างรวดเร็วเพื่อพยายามทำให้หุ่นวิญญาณกลับมาเสถียร “ฝ่าบาท!”
องค์ชายเล็กตระหนักได้ถึงสิ่งนั้น ในไม่ช้าเขาจึงสงบลง
หุ่นวิญญาณเองก็สงบลงตามไปอย่างรวดเร็ว
“ โอ้ ดูเหมือนข้าใจร้อนเกินไปหน่อย ความยียวนกวนประสาทของเจ้า ทำให้ข้าเสียอารมณ์ได้จริง ๆ” องค์ชายเล็กหัวเราะกับตัวเอง หลายปีแห่งการอดกลั้นนั้นได้ส่งผลร้ายต่อระบบอารมณ์ของเขา
องค์ชายเล็กจ้องมองไปที่ลั่วอู๋ดวงตาของเขาค่อยๆปกคลุมไปด้วยของพลังวิญญาณมังกรทอง เต็มไปด้วยความกดดันที่เหนือกว่าเดิมมาก “เจ้าตัดสินใจที่จะปฏิเสธความใจกว้างของข้าสินะ?”
ลั่วอู๋ประหลาดใจเล็กน้อย
พลังวิญญาณมังกรทอง?
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องโกหกเช่นกันที่ว่ากันว่าองค์ชายเล็กไม่ได้มีการฝึกฝนพลังวิญญาณ
นี่มันลึกล้ำเกินไป
“เจ้าเข้าใจถูกแล้ว” ลั่วอู๋ตอบด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ต่อสู้เพื่อเจ้า เพื่อครองโลก?
การทำสงครามไม่ใช่ทางเลือกที่ดี
เพราะสงครามนั้นจะคร่าชีวิตของผู้คน
องค์ชายเล็กมองไปที่ลั่วอู๋อย่างเย็นชา “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจในวันนี้”
“เจ้าต้องการอะไร?” ลั่วอู๋รู้สึกถึงบางอย่างที่เลวร้ายในใจของอีกฝ่าย
“ข้าชอบทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยสองมือเสมอหนึ่งคือการชักจูง อีกหนึ่งคือการบีบบังคับ” องค์ชายเล็กพูดอย่างเฉยเมย “ในเมื่อเจ้าทำให้ข้ารำคาญ ก็จะไม่มีการเตือนอีกต่อไป”
จะกลั่นแกล้งกันงั้นเหรอ ?
เขาจะใช้อะไรบังคับให้ลั่วอู๋ยอมแพ้ได้กัน ?
สำนักโล่พิทักษ์? หลี่หยิน? องค์หญิงเจียโรว?
“เจ้าคิดจะทำอะไร” ลั่วอู๋ตะโกน
องค์ชายเล็กทิ้งประโยคไว้อย่างเงียบ ๆ “ในอนาคตจะไม่มีสำนักโล่พิทักษ์”
เห็นได้ชัดว่าองค์ชายเล็กได้ตัดสินใจบางอย่างเกี่ยวกับสำนักโล่พิทักษ์แล้ว
“ หลี่ซวนซง!” หัวใจของลั่วอู๋เต้นแรง เขาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ผมสีเงินของเขาชี้ขึ้น ดวงตาเบิกกว้างเส้นเลือดปะทุเหมือนกำลังจะแตก ดวงตาของเขาดูเหมือนมีเปลวไฟพวยพุ่งออกมา เขาโมโหมาก
ลั่วอู๋ไม่ได้ไร้เดียงสาที่จะคิดว่าอีกฝ่ายจะจบเพียงแค่การทำให้สำนักโล่พิทักษ์ล่มสลายเพียงอย่างเดียว
ผู้ที่คอยติดตามลั่วอู๋ตั้งแต่แรก ๆ นั้นล้วนอยู่ในสำนักโล่พิทักษ์สาขาเมืองหลวงของจักรวรรดิ และหลี่หยินเองก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน
เมื่อนึกถึงพวกเขาทั้งหมดความตื่นตระหนกของ ลั่วอู๋ ก็แผ่ขยายออกไปราวกับโรคระบาด
หลังจากเสียขวัญ เขาก็โกรธจัด
โกรธชนิดที่ต้องฆ่าใครสักคนเพื่อระบาย
องค์ชายเล็กพูดอย่างเย็นชา “เจ้าได้เลือกแล้ว”
“อา” ลั่วอู๋คำรามออกมาพร้อมกับทุบกำปั้นบดขยี้หุ่นวิญญาณออกเป็นชิ้น ๆ ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงพร้อมตะโกน “ถ้าเจ้ายุ่งกับพวกเขาข้าจะฆ่าเจ้า! ”
เสียงคำรามอันน่ากลัวดังไปทั่วป่าทำให้นกจำนวนนับไม่ถ้วนตกใจบินกระจัดกระจาย
หุ่นวิญญาณแตกสลาย บทสนทนาจึงไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อีก
อีกด้านหนึ่งนายพลแห่งเทพเจ้าเย่เฟิงพูดออกมาอย่างเย้ยหยัน “เจ้าโง่ ฝันอยู่รึไง นี่คือผลของการทำให้ฝ่าบาทขุ่นเคือง นี่คือการลงโทษของเจ้า”
จากนั้นเขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ว หันกลับมาหัวเราะพลางเตรียมพร้อมที่จะจากไป “ดูเหมือนว่าฝ่าบาทยังไม่พร้อมที่จะฆ่าเจ้า เขาอาจจะอยากให้เจ้ารู้สึกสิ้นหวังก่อนรึเปล่านะ ฮ่าฮ่าฮ่า น่าสนใจ”
เสียงนั้นจางหายไป
ทว่าทันใดนั้นเองข้างหูของเย่เฟิงก็มีเสียงที่ดูลึกล้ำน่ากลัวดังขึ้นมา
“คิดว่าข้าปล่อยเจ้าไปแล้วงั้นเหรอ?”
เย่เฟิงคิ้วย่นแล้วรีบหันกลับไป เขาเห็นลั่วอู๋ที่กำลังถือดาบสีแดงสดมือของเขา
ในตอนนี้ลั่วอู๋ก็เหมือนกับสัตว์ร้ายที่กำลังเกรี้ยวกราด
“โอ้เจ้าไม่ต้องการสู้กับข้าหรอกใช่ไหม?” เย่เฟิงเย้ยหยัน: “ข้าอุตส่าห์ปล่อยให้เจ้ามีชีวิต เจ้ายังอยากจะรนหาที่ตายอีกเหรอ?”
ลั่วอู๋ จ้องมองไปที่เย่เฟิง “เจ้าจำหงเฉาได้ไหม?”
“ หงเฉา?”เย่เฟิงพึมพำสองสามคำด้วยความสงสัย”ใครกัน นึกไม่ออกเลย นางบำเรอในศาลาเสี่ยวเฉียง?”
“นางเป็นหนึ่งในสาวใช้คนสนิทขององค์หญิงเจียโรว” ลั่วอู๋กำดาบระบำแห่งความตายในมือแน่น ความโกรธของเขาตอนนี้ดูเหมือนจะกลืนกินเหตุผลทั้งมวลไปแล้ว
เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อระบายความโกรธนี้
เย่เฟิงแสดงออกอย่างกะทันหัน ในที่สุดเขาก็พูดอย่างโกรธ “สาวใช้ราคาถูกในชุดสีแดงหรือเปล่า ข้าจะใช้ทักษะค้นหาวิญญาณกับนาง นางเลยฝืนการควบคุมจิตใจโดยทำให้จิตใจของนางพังทลายลง นั่นทำให้ข้าโกรธมาก เดี๋ยวก่อน เจ้ารู้จักนางได้อย่างไร? ”
“ ลงไปถามนางในปรโลกเองสิ” ลั่วอู๋เดินตรงขึ้นไปพร้อมกับดาบในมือของเขา
ด้านหลังเขามีเงาเสมือนของลิงเผือกคำรามอย่างดุร้าย
ความโกรธเป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของพลังอันน่ากลัวที่ ลิงเผือกมี ยิ่งมันโกรธมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีพลังวิญญาณมากขึ้นเท่านั้น ว่ากันว่าบรรพบุรุษของลิงเผือก คือลิงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำลายสวรรค์เพราะความโกรธอันไร้ขอบเขตของมัน
ในขณะนี้ลั่วอู๋ไม่ได้ใช้ทักษะเพิ่มพูนพลังใด ๆ ลมปราณของเขาได้ผ่านระดับทอง มิติ 10 ไปแล้ว และเขากำลังเข้าใกล้ระดับทองขั้นสูง
นี่คือพลังอันน่ากลัวที่มีมาตั้งแต่จุดต้นกำเนิดของ ลิงเผือก
เย่เฟิงประหลาดใจมาก เขาไม่แปลกใจที่ทำไมองค์ชายเล็กจึงต้องการรับเด็กหนุ่มคนนี้มาร่วมทัพ เขามีความสามารถบางอย่างที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
เงานั้นคือลิงเผือกของตระกูลลั่วงั้นหรือ?
ไม่สิ เขาเป็นแค่ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองเองนี่นา!
แต่เขาไม่มีเวลามาคิดเรื่องนั้น ในตอนนี้เขาต้องสู้ก่อน
“อย่าได้ใจเกินไปเจ้าหนุ่ม แม้ว่าเจ้าจะเข้าใกล้มิติวิญญาณทองขั้นสูงแล้ว แต่ก็มีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงที่เก่งกว่าเจ้าอีกมาก หากข้าอยากจะฆ่าเจ้า มันก็เป็นอะไรที่ง่ายมากสำหรับข้า” ดวงตาของเย่เฟิง ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นสีเทาและสีดำ จากนั้นพลังวิญญาณอันทรงพลังก็เบ่งบานออกมา
ในฐานะที่เขาเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูง มิติ 6 เขามีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนั้นจริงๆ
ในระดับทองขั้นสูงเพียงช่องว่างระหว่างมิติวิญญาณ เล็ก ๆ แต่ละขั้นก็ห่างชั้นกันมาก
นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณที่เก่งในการต่อสู้ทางจิตใจ เขารู้ดีเกี่ยวกับการตายของปังชิเย่ แต่เขาคิดว่าปังชิเย่นั้นตายด้วยน้ำมือของคนในตระกูลลั่ว ไม่ใช่ฝีมือของ ลั่วอู๋
ข้างหลังเย่เฟิงก็ปรากฏเงาดำคืบคลานออกมาอย่างช้าๆ
มันคือเงาของ ก้อนความฝัน สัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูง
สัตว์วิญญาณชนิดนี้นั้นมีความสามารถในการสะกดจิตสัตว์วิญญาณอื่น ๆ ทำลายจิตวิญญาณในความฝันและยึดครองโลกทะเลแก่นวิญญาณของอีกฝ่ายมาเป็นรางวัลสินสงคราม