ไหปีศาจ - บทที่ 551 ช่วยองค์หญิงเจียโรว
บทที่ 551 ช่วยองค์หญิงเจียโรว
บทที่ 551
ช่วยองค์หญิงเจียโรว
เทพพิทักษ์เวหานั้นเป็นสัตว์วิญญาณที่แตกต่างออกไปจากสัตว์วิญญาณชนิดอื่น ๆ
ในแง่ของคุณค่าของแก่นวิญญาณแล้วเทพพิทักษ์เวหานั้น สูงที่สุดในบรรดาสัตว์วิญญาณระดับเพชรเพราะมันมีต้นกำเนิดมาจาก หยู่ ซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิ
ของขวัญชิ้นนี้จึงเป็นอะไรที่หนักอึ้งมาก
นี่ทำให้ลั่วอู๋ถึงกับตกตะลึง
หลี่หวู่หยวน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “รับไปเถอะองค์จักรพรรดิถึงกับยอมสูญเสียพลังวิญญาณของมังกรทองไปเกือบสามดวง และพยายามอย่างหนักในการปราบปรามและเทพพิทักษ์เวหาเพื่อสกัดเอาแก่นวิญญาณของมันออกมาให้ได้อย่างสมบูรณ์เลยนะ เรียกได้ว่าองค์จักรพรรดิลงทุนหาของรางวัลชิ้นนี้มาให้เจ้าอย่างจริง ๆ จังๆเลยทีเดียว”
มันยากมากที่จะสกัดแก่นวิญญาณของสัตว์วิญญาณออกมาให้ได้อย่างสมบูรณ์ การได้มาซึ่งมันนั้นแทบจะไม่คุ้มกับสิ่งที่เขาเสียไปเลยด้วยซ้ำ เพราะการที่องค์จักรพรรดิจะต้องฟื้นฟูจิตวิญญาณมังกรทั้งสามดวงนั้นคงจะทำให้เขาต้องพักฟื้นไปเป็นเวลาอย่างน้อยหลายเดือน
หากเรื่องแบบนี้หลุดออกไปองค์จักรพรรดิ คงจะถูกเอาไปพูดดูถูกเหยียดหยาม
โชคดีที่มีเพียงไม่กี่คนที่ได้เห็นเหตุการณ์นั้น เช่น หลี่หวู่หยวนที่น่าจะเป็น “คนแนะนำ”
แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของการให้รางวัล ก็คือการหวังให้อีกฝ่ายชื่นชม
ด้วยเหตุนี้คำพูดของ หลี่หวู่หยวน จึงทำให้เทพพิทักษ์เวหาในมือขององค์จักรพรรดิก็ยิ่งมีค่ามากขึ้นไปอีก
องค์จักรพรรดิที่ฟังอยู่ก่อนแล้วหันศีรษะของเขาไปอีกทาง ดูเหมือนว่าองค์จักรพรรดินั้นมีความขัดแย้งบางอย่างกับ หลี่หวู่หยวนอยู่ แต่หลี่หวู่หยวนก็ไม่สนใจยังคงหัวเราะออกมา
ลั่วอู๋หยิบแก่นวิญญาณของเทพพิทักษ์เวหาใส่ลงไปในไหปีศาจ “ขอบคุณมากขอรับ ท่านองค์จักรพรรดิ”
มันต้องเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับลั่วอู๋ ในการความเข้าใจ แก่นแท้ของทักษะวิญญาณแห่งการทำลายล้าง เขาจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธมัน
หลังจากขอบคุณเขาแล้วลั่วอู๋แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะถามว่า “คนของข้าที่ได้รับการช่วยเหลือจากพวกขุนนางพวกเขาไปอยู่ที่ไหนกัน?”
เมื่อทุกอย่างสงบลงแล้ว มันก็แน่นอนว่าลั่วอู๋ต้องการเจอพรรคพวกในสำนักโล่พิทักษ์อย่างรวดเร็วเพื่อที่เขาจะได้มั่นใจ
“คนของสำนักโล่พิทักษ์สินะ พวกเขาได้กลับไปที่สำนักโล่พิทักษ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว” องค์จักรพรรดิกล่าว
พวกเขาเหล่านั้นต่างถูกส่งกลับไปที่สำนักโล่พิทักษ์แล้วเป็นที่เรียบร้อย
ต่อมาลั่วอู๋ก็ตัดสินใจถามอีกเรื่องหนึ่ง “แล้วองค์หญิง เจียโรวล่ะ”
ทีฮั๋วหัวหน้ากองทหารองครักษ์มังกรขาว เขาได้แสร้งทำเป็นยอมจำนนแล้วนำตัวองค์หญิงเจียโรวไปขัง และเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกมองออก เขาจึงไม่ได้บอกความจริงกับ องค์หญิงเจียโรว
องค์จักรพรรดิเงียบไปครู่หนึ่ง “ข้าเกือบลืมไปเลย ไม่ต้องห่วงนางนั้นอยู่ในที่ปลอดภัย”
เหล่าขุนนางต่างส่งคนไปช่วยผู้คนที่ถูกคฤหาสน์องค์ชายจับไปเท่านั้น ส่วนองค์หญิงเจียโรวนั้นยัง ปลอดภัยดี เนื่องจากนางมีกองทหารองครักษ์มังกรขาวคอยปกป้องนางอยู่ โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงไม่ต้องช่วยเหลือนาง
ลั่วอู๋พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“ถ้าอย่างนั้น ไว้ข้าจะไปหาองค์หญิงเจียโรวทีหลัง” ลั่วอู๋พูดว่า “แล้วหลี่ซวนซงล่ะ เจ้าจะทำยังไงกับเขา”
ลั่วอู๋ไม่เห็นร่างของหลี่ซวนซงที่นี่
“เขาถูกคุมขังอยู่ในคุก” องค์จักรพรรดิกล่าวอย่างใจเย็น “การก่อกบฏมีโทษร้ายแรงถึงประหารชีวิต ไม่จำเป็นต้องคิดเลย ว่าข้าจะต้องจัดการกับเขายังไง”
หัวใจของลั่วอู๋เย็นชาลง
องค์จักรพรรดิช่างไร้ความปรานี
แม้ว่า หลี่ซวนซง จะเกลียดชังเขา แต่เขาก็เคยได้รับการยอมรับจากองค์จักรพรรดิ รวมถึงได้รับการสนับสนุนอย่างลับ ๆ จากเขาอยู่บ่อยครั้ง ทว่าตอนนี้เขากลับดูไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
ขุนนางคนหนึ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า “ฝ่าบาท ได้โปรดคิดทบทวนเรื่องนี้อีกครั้งเถอะ เพราะคำสาปของท่านมัน … ”
ตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องคำสาปในร่างขององค์จักรพรรดิแล้ว มันจึงไม่ใช่ความลับสำคัญที่ต้องปิดบังอีกต่อไป
“ ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องอะไร” องค์จักรพรรดิพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ไม่ต้องกังวลไปน่า ข้ายังมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกนานเพียงพอ ที่จะฝึกฝนผู้มีความสามารถคนอื่น ๆ”
แม้ว่าองค์ชายคนอื่น ๆ จะมีความสามารถครึ่ง ๆ กลาง ๆ แต่ถ้าพยายามฝึกฝนพวกเขาให้เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงแล้วละก็ แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่สามารถเทียบได้กับ หลี่ซวนซง แต่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรในการสืบทอดบัลลังก์ขององค์จักรพรรดิ
ขุนนางรู้สึกเสียใจเล็กน้อยและยอมล่าถอย
ลั่วอู๋เองก็เลือกที่จะเดินจากไป
ส่วนหลินกุยและฉูจานเทียน ก็เดินทางกลับไปด้วยกัน
พระราชวังได้รับความเสียหายอย่างหนักจนอาจจะต้องสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด แต่เนื่องจากองค์จักรพรรดิทรงปลอดภัย พลเรือนและทหารของราชวงศ์มังกรเร้นกายจึงกลับมาสงบสุขมั่นคงอีกครั้ง
ในการกบฏครั้งนี้มีผู้คนเป็นจำนวนมากที่สมควรจะถูกประหารกวาดล้าง แต่พวกเขาก็ได้รับการอภัยโทษ
องค์จักรพรรดิได้ทำการจับกุมเหล่าสมาชิกสมุนที่ภักดีกับองค์ชายเล็กไปเพียงบางส่วนเท่านั้น คนอื่น ๆ ทั้งหมดถูกปล่อยกลับไปดังเดิม แม้แต่กองทัพหมาป่าที่โจมตีพระราชวังเองก็ยังได้รับการอภัยโทษ พวกเขาเพียงแต่ทำให้ชนชั้นสูงของกองทัพไม่พอใจ จึงมีการปลดนายพลบางคนออก แต่ตอนนี้ปัญหานั้นได้จบลงแล้ว ด้วยความเมตตากรุณาสูงสุดขององค์จักรพรรดิ
ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของอาณาจักร ไม่เคยมีกรณีไหน ในการกวาดล้างกบฏที่ “ใจดี” เช่นนี้มาก่อน
……
……
ณ ห้องใต้ดินของเมืองหลวงของจักรวรรดิ
องค์หญิงเจียโรว ลืมตาขึ้น พลางทุบถ้วยชาออกจากมือด้วยความโกรธ “ทำไมข้าถึงยังไม่เข้าใจ แก่นแท้ทักษะของภูตดอกไม้ได้อีก ! น่าหงุดหงิดชะมัด แบบนี้ข้าจะออกไปข้างนอกได้เมื่อไหร่กันล่ะ?”
ในมุมมองของนางมีเพียงขึ้นเป็นระดับทองขั้นสูงเท่านั้นที่จะมีแววในการหลบหนี
นางติดอยู่ในคุกนี้มานานกว่าสองเดือนแล้ว
องค์หญิงเจียโรวนั้นไม่ได้รับข่าวสารจากโลกภายนอก และไม่สามารถติดต่อใครได้ ความรู้สึกอันเหงาหงอยไร้ซึ่งเรี่ยวแรงนี้กำลังจะทำให้นางเป็นบ้า
“เพล้ง!”
ถ้วยน้ำชาแตกออกเป็นชิ้น ๆ
ไม่นานนักสาวใช้ก็เข้ามากวาดเศษถ้วยน้ำชาออกเปลี่ยนเป็นถ้วยใหม่ให้ จากนั้นก็เดินกลับไป
“ปล่อยข้าออกไปนะ!”
องค์หญิงเจียโรว กรีดร้อง
เสียงสะท้อนของนางดังก้องไปทั่วทางเดินอันเย็นยะเยือก
น่าเสียดายที่ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ กลับมา
องค์หญิงเจียโรวโกรธมากจึงทุบถ้วยทิ้งไปอีกครั้ง จากนั้นสาวใช้ก็กลับเข้ามาเปลี่ยนถ้วยอีก
แน่นอนว่าองค์หญิงเจียโรวจะไม่ลงมือกับสาวรับใช้ที่ไร้อาวุธและไร้เดียงสาเหล่านี้แน่ นางจึงทำได้เพียงทุบถ้วยอีกครั้ง
การทำซ้ำ ๆ ซากแบบนี้ ดูเหมือนจะช่วยคลายความโกรธของนางลงได้เล็กน้อย
“อย่าทุบถ้วยทิ้งสิ รู้ไหมว่ามันไม่ง่ายนะที่จะปั้นถ้วยชาขึ้นมา” จู่ๆเสียงที่ดูเย้ยหยันก็ดังขึ้นมาในห้อง
“มันก็เรื่องของเจ้า” องค์หญิงเจียโรว ไม่ต้องการที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่แล้วนางก็ต้องตะลึง เพราะน้ำเสียงนั้นเป็นเสียงที่ฟังดูคุ้นเคย
องค์หญิงเจียโรว สังเกตมองดูใกล้ ๆ แล้วจึงพบว่ามีใครอีกหนึ่งคนอยู่ในห้องนี้
“ ลั่วอู๋!” องค์หญิงเจียโรว ประหลาดใจมากและเข้าไปกอด ลั่วอู๋
นางกอดให้แน่นมากที่สุด เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นภาพลวงตาของนางที่หลอนไปเอง
“ เป็นเจ้าจริงๆเหรอ?” ความคับข้องใจภายในขององค์หญิงเจียโรว พุ่งออกมาราวกับกระแสน้ำ นางร้องไห้ จนน้ำตาของนางไหลออกมาท่วมใบหน้า “ในที่สุดเจ้าก็มาช่วยข้า ข้าคิดถึงเจ้ามาก”
ในตอนนี้นางระบายความไม่สบายใจภายในออกมาได้ด้วยวิธีนี้เท่านั้น
ลั่วอู๋ ตบหลังของ องค์หญิงเจียโรว เบา ๆ และปลอบโยนนาง “ไม่เป็นไรมันจบแล้ว พวกเราออกไปกันได้แล้ว”
“จริงๆเหรอ” องค์หญิงเจียโรว มองออกไปนอกประตูอย่างระมัดระวัง แน่นอนว่ายามที่ประตูนั้นได้ออกไปกันหมดแล้ว นางจึงรู้สึกโล่งใจอย่างกะทันหัน แต่ทันใดนั้นใบหน้าของนางก็กลับกลายเป็นกังวลอีกครั้ง ” ลั่วอู๋เจ้ารีบไปหยุด หลี่ซวนซงเร็ว เขาต้องการจะก่อกบฏ รีบไปบอกพ่อของข้าที”
องค์หญิงเจียโรว อยากจะรีบออกไป แต่ก็ถูก ลั่วอู๋ ดึงกลับมาอย่างเบา ๆ
“ไม่เป็นไรมันจบแล้ว หลี่ซวนซง ถูกส่งเข้าคุกแล้ว” ลั่วอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อ องค์หญิงเจียโรว ได้ยินดังนั้นนางก็โล่งใจ
“ เยี่ยมมาก” องค์หญิงเจียโรว ถอนหายใจยาวอย่าง โล่งอก แต่ก็รีบพูดด้วยความโกรธ“ ข้าไม่เคยคิดว่ากองทหารองครักษ์มังกรขาวจะร่วมมือกับการก่อกบฏด้วย ข้าโกรธมาก ไม่นึกเลยว่าลุงทีฮั๋วที่คอยดูแลข้ามาตลอดกว่าสิบปีจะเป็นคนจอมปลอมปลอม! ข้าจะไม่เรียกเขาว่าลุงอีกแล้ว”
ลั่วอู๋เกาหัวของเขา “อืม จริง ๆ แล้วข้ามีอะไรจะบอกเจ้า”
“เกิดอะไรขึ้น?” องค์หญิงเจียโรวสงสัย
ลั่วอู๋หันไปที่ประตูและเรียกคนเข้ามา “นายพลทีฮั๋วท่านเข้ามาได้แล้ว”
ทันทีที่พูดจบ ทีฮั๋ว ก็เข้ามาพร้อมกับง้าวหนักในมือของเขา ตอนนี้เขาไม่ได้มีท่าทีเย็นชาอีกต่อไป เพียงแต่รู้สึกเขินอาย
“ องค์หญิงเจียโรว” ทีฮั๋ว พูดด้วยเสียงกระซิบ
ดวงตาของ องค์หญิงเจียโรว เบิกกว้าง
“เจ้ายังกล้าที่จะเสนอหน้ามาอีกงั้นเหรอ … ไม่สิ ลืมไปก่อน ข้าเอาชนะเจ้าไม่ได้ ลั่วอู๋รีบพาข้าออกจากที่นี่เร็ว !”
“ อย่าเพิ่งรีบหนีไปไหนสิ” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม “ นายพลทีฮั๋ว ไม่ได้ทำตามคำสั่งของใครซะหน่อย”
องค์หญิงเจียโรว ตะลึง
“เจ้าเองก็เป็นฝ่ายกบฏด้วยงั้นเหรอ?” องค์หญิงเจียโรว จ้องมองไปที่ ลั่วอู๋ ด้วยความตกตะลึง
ลั่วอู๋ไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้
ข้าจะเป็นพวกกบฏได้ที่ไหนเล่า