ไหปีศาจ - บทที่ 556 ตามหาหลินเจิ้ง
บทที่ 556 ตามหาหลินเจิ้ง
บทที่ 556
ตามหาหลินเจิ้ง
เฉินซังเทียนนั้นเป็นคนที่ลั่วอู๋ให้ความเคารพเป็นอย่างสูง
เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณคนแรกของโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่หยิ่งยโสโอหัง มีความเป็นธรรมและมีหลักการ เห็นได้ชัดจากการที่เขายอมปฏิบัติตามข้อตกลงการเดิมพันในอดีต และบังคับให้เฉินหมิงหยู่หลานของเขาเรียกลั่วอู๋ว่าอาจารย์
ยิ่งไปกว่านั้น เฉินซังเทียน ยังอ่อนโยนและมีเมตตาต่อคนอื่น ๆ ในยามที่เขาชนะใครเขาก็ไม่ได้เอาเปรียบคนคนนั้น กล่าวได้ว่าเฉินซังเทียนเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคนหนึ่งในอาณาจักรราชวงศ์มังกรเร้นกาย
ที่เขามาในคราวนี้ก็เพราะ หลินเจิ้ง มีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวก็คือ เฉินซังเทียน
ด้วยบุคลิกของเขา มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะผูกมิตรกับคนอื่น ๆ
ว่ากันว่าแม้แต่ เฉินซังเทียน เองก็ยังเคยเกือบถูกหลินเจิ้งฆ่าไปครั้งหนึ่ง และทั้งสองก็ต่อสู้กันหลายต่อหลายครั้ง
แน่นอนว่ามันมักจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของ เฉินซังเทียน เสมอ
ต่อมาพวกเขาได้สนิทกันในที่สุด เนื่องจากเฉินซังเทียนได้เคยช่วยชีวิตของหลินเจิ้งเอาไว้ ดังนั้น หลินเจิ้ง ผู้ซึ่งยึดมั่นในมนุษยสัมพันธ์อย่างมากจึงถือว่าเฉินซังเทียนเป็นเพื่อนสนิทของเขา ตราบใดที่เฉินซังเทียนขอให้ช่วย หากคำขอนั้นไม่มากเกินไปเขาก็ไม่ลังเลที่จะตอบตกลง
เมื่อได้ยินคำถามของ เฉินซังเทียน ลั่วอู๋ก็ยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าไม่รู้ หลังจากที่เขาเดินกลับออกไปจากพระราชวัง เขาก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย”
หลังจากที่เฉินซังเทียนกลับมาถึงเมืองหลวงของจักรวรรดิ เขาก็ได้ยินว่า หลินเจิ้ง ได้มีส่วนร่วมในการก่อกบฏ มันจึงทำให้หัวใจของเขาก็เต้นรัว
เขารู้ดีว่าหลินเจิ้งเป็นหนี้คฤหาสน์ขององค์ชาย
แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่า คนโง่เช่นหลินเจิ้งจะกล้ามีส่วนร่วมในการก่อกบฏ
เขาอยากจะดุหลินเจิ้งให้สาสมสักครั้ง แต่ทันทีที่เขาได้ยินว่าหลินเจิ้งหลิงถูกทำลายทะเลแก่นวิญญาณ เขาก็รีบมาหาลั่วอู๋ด้วยความร้อนใจ
ทันทีที่ได้ยินคำตอบของลั่วอู๋ เฉินซังเทียนก็มีสีหน้าที่เคร่งเครียด
หลินเจิ้งในตอนนี้ไม่มีความสามารถในการใช้พลังวิญญาณ จึงไม่สามารถติดต่อได้ด้วยวิธีการตามปกติ นอกจากนี้เขายังเป็นคนรักสันโดษตัวคนเดียวและไม่มีที่อยู่อาศัยแน่นอน เฉินซังเทียน จึงไม่รู้ว่าจะหาตัวเขาได้ที่ไหน
“ ท่านหาเขาไม่เจอเหรอ?” เมื่อลั่วอู๋รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่าง หลินเจิ้ง และ เฉินซังเทียน และเขารู้สึกประหม่าขึ้นมา
เฉินซังเทียน ส่ายหัวและดูเหมือนจะเห็นความกังวลของลั่วอู๋จึงกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำให้เจ้าลำบาก เขามีส่วนร่วมในการก่อกบฏและเจ้าก็ต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง เขาสมควรถูกสั่งสอนอยู่แล้ว ที่ข้าอยากรู้คือใครกันที่ทำให้คนโง่คนนี้ โง่พอที่จะมีส่วนร่วมในการก่อกบฏ ”
เฉินซังเทียน และ หลินเจิ้ง เป็นเพื่อนรักกันมานานแสนนาน
ความสัมพันธ์ของ เฉินซังเทียน กับ หลินเจิ้ง ไม่เพียง แต่เป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้อาวุโสกับรุ่นน้องอีกด้วย
ลั่วอู๋เข้าใจความเสียใจของเฉินซังเทียนที่มีต่อหลินเจิ้ง
อัจฉริยะเช่นคนอย่างหลินเจิ้ง
คนแบบเขามีเพียงไม่กี่คนในทุกยุคสมัย
เฉินซังเทียน ย่อมหวงแหนพรสวรรค์ของเขาเป็นธรรมดา
“ข้ารู้ดีว่าด้วยบุคลิกของเขา มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่คนอื่นจะหลอกใช้ประโยชน์จากเขา แต่ข้าก็ไม่สามารถโทษเขาได้ ส่วนนึงมันก็เป็นความผิดของข้าเอง” เฉินซังเทียนถอนหายใจ
ลั่วอู๋ปลอบใจ “ท่านมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ ท่านควรจะโทษคฤหาสน์องค์ชายมากกว่า เห็นได้ชัดว่าองค์ชายวางแผนโดนอาศัยช่วงที่พวกท่านทุกคนไม่อยู่”
“ใช่” แววตาของเฉินซังเทียนเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่าคฤหาสน์องค์ชายจะมีความสามารถในการสั่นคลอนผนึก ในอดีตเพื่อผลประโยชน์ในการชิงบัลลังก์ หลี่ชวนเฉิงกล้าที่จะทำลายผนึก บุตรชายของหลี่ชวนเฉิงคนนี้ก็เช่นกัน เขาโหดร้ายเกินกว่าที่จะปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ข้าจะไปที่วังและไปขอร้องให้องค์จักรพรรดิ ตัดคอเขาโดยเร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต ”
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
มันหายากจริงๆที่จะได้เห็น เฉินซังเทียน เต็มไปด้วยจิตสังหาร
ยิ่งไปกว่านั้นข้อมูลที่เปิดเผยโดยคำพูดของเขาเองก็ยังทำให้ลั่วอู๋ประหลาดใจเช่นกัน
ผลประโยชน์ในการชิงบัลลังก์?
ในใจของ เฉินซังเทียน บัลลังก์ขององค์จักรพรรดิไม่ได้สำคัญเท่ากับผนึกใช่ไหม?
ลั่วอู๋พยายามถาม “ท่านกำลังพูดถึงผนึกของนรกมนตราใช่รึเปล่า?
“ เจ้ารู้เรื่องผนึกของนรกมนตราด้วยหรือ?” เฉินซังเทียน รู้สึกประหลาดใจ
ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องนี้เท่าไหร่นัก
แม้แต่ศิษย์แนวหน้าของสำนักเฉียนหลงก็ยังเคยได้รู้ความลับเหล่านี้
ลั่วอู๋พยักหน้า “ก็นิดหน่อย แล้วผนึกที่ว่ามันอยู่ที่ไหนกัน”
เขาทำเป็นสงสัยว่าผนึกอยู่ที่ไหน
ใบหน้าของ เฉินซังเทียน ดูแปลก ๆ ไป “มันอยู่ลึกเข้าไปในป่าหวงชา ข้านึกว่าเจ้ารู้อยู่แล้วเสียอีก เจ้าเคยอยู่ในเขตหวงชามาก่อนมิใช่หรือ”
ใช่แล้ว ลั่วอู๋นั้นรู้
ว่าผนึกอยู่ในส่วนลึกของเขตหวงชา
“ที่สภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างผิดปกติ มีสัตว์วิญญาณแปลก ๆ มากมาย รวมถึงสภาพแวดล้อมที่แปลกประหลาด มันเกี่ยวข้องกับผนึกที่อยู่ในส่วนลึกของป่าหวงชางั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ถาม
เฉินซังเทียน พยักหน้า “ใช่แล้ว พลังวิญญาณของผนึกที่ผสมกับพลังวิญญาณชั่วร้ายที่หลงเหลืออยู่นั้นได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อโลกภายนอก เดิมทีป่าหวงชานั้นเคยเป็นป่าเทียนหวู่อันอุดมสมบูรณ์ มันจึงสะสมพลังวิญญาณอันชั่วร้ายไว้มากมาย จนสร้างสภาพแวดล้อมที่แปลกประหลาดเช่นนั้นขึ้นมาในส่วนลึกของป่าหวงชา”
ลั่วอู๋เข้าใจแล้ว
ว่าทำไมสถานที่อย่างป่าหวงชาถึงได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานที่อันตรายที่สุดในอาณาจักรแม้ว่าสภาพแวดล้อมของหุบเขามรณะจะแปลกมากและเต็มไปด้วยหมอกพิษ แมลงและสัตว์มีพิษหลายชนิด แต่มันก็ยังแตกต่างจากส่วนลึกของป่า หวงชา ที่มีสภาพแวดล้อมอันซับซ้อน จนทำให้ผู้คนที่เข้าไปรู้สึกแย่ จนบางคนถึงกับเปลี่ยนไปอย่างไม่สมเหตุสมผล
ปรากฏว่ามันมีสาเหตุอันซับซ้อนดังกล่าวอยู่
“ข้าขอตัวไปที่พระราชวังก่อน” เฉินซังเทียน ครุ่นคิดสักครู่แล้วจึงพูดต่อ “นอกจากนี้ข้าจะพยายามหาตัวหลินเจิ้งให้เจอเอง เขาน่าจะกำลังหมดเรี่ยวแรง ข้ากังวลมากว่าเขาจะลืมกินอาหารจนอดอยาก”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ลั่วอู๋ก็รู้สึกตลกร้าย
หลินเจิ้งเป็นคนที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ
“ข้าสามารถช่วยติดต่อร้านค้ารายใหญ่ในเมืองหลวงทั้งหมดและขอให้พวกเขาค้นหาได้” ลั่วอู๋แนะนำ
เมืองหลวงของจักรวรรดิใหญ่เกินไป มันจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะค้นหาคนในพื้นที่เมืองหลวงจักรพรรดิทั้งหมดโดยตระกูลหรือกองกำลังเพียงบางกลุ่ม เว้นแต่องค์จักรพรรดิจะส่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความสงบในเมืองทุกคนออกไปตามหา
แต่มันเป็นไปไม่ได้
เขาคงขอให้องค์จักรพรรดิออกคำสั่งตามหา “คนทรยศ” ไม่ได้หรอก เพราะถ้าเจอหลินเจิ้งซึ่งเป็น “คนทรยศ” เขาก็น่าจะถูกจับโดยทันทีไม่ใช่เหรอ?
อีกทั้งตอนนี้หลินเจิ้งเองก็ไม่ใช่นักดาบอันดับหนึ่งของโลกอีกต่อไปแล้ว
อย่างไรก็ตามกลุ่มของร้านค้ารายใหญ่นั้นมีคนกระจายอยู่ทั่วเมืองหลวงของจักรวรรดิ มันจึงเป็นวิธีที่ดีในการค้นหาผู้คน หากจะขอให้พวกเขาช่วย
สำนักโล่พิทักษ์นั้นมีความร่วมมือทางการค้ากับร้านค้ารายใหญ่มากมาย เขาแน่ใจว่าพวกเขาไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหาจะช่วยเหลือเรื่องอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้
เฉินซังเทียน พยักหน้าและไม่ปฏิเสธ “ฝากเจ้าด้วยก็แล้วกัน”
หลังจากนั้น เฉินซังเทียน จึงเดินไปที่พระราชวัง
ปล่อยให้ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่คนเดียว
หลี่ซวนซงมีวิธีที่จะทำลายผนึกอย่างนั้นเหรอ?
มันเป็นอะไรที่ยากจะคิดได้จริงๆ ผนึกนั้นถูกวางเอาไว้โดยผู้มีอำนาจในยุคโบราณ
คนอย่างหลี่ซวนซงมีวิธีในการทำลายผนึกได้อย่างไร?
เมื่อนึกถึงความร่วมมือระหว่างหลี่ซวนซงและ ภูตไหใบหน้าของ ลั่วอู๋ก็มืดมนทันที
“ภูตไห!”
ลั่วอู๋เริ่มคิดว่าเขาอยากจะเชิญคนให้มาล้อมจัดการกับภูตไห
แต่ภูตไหนั้นอยู่ในสภาพที่ไม่แน่นอนและยากที่จะหาตัวได้
“เมื่อไหร่ท่านเจ้าสำนักจะกลับมากันนะ?” ลั่วอู๋ถอนหายใจ
หากนักบุญอุปถัมภ์กลับมา เขาอาจจะพบร่องรอยของภูตไห โดยวิธีการเดียวกันกับครั้งก่อนที่เขาใช้หาตัวของภูตไหให้ลั่วอู๋
……
……
ในคุกมืดที่ไหนสักแห่งของพระราชวัง
หลี่ซวนซงสวมเครื่องแบบของเรือนจำ เขายังดูจะมีสภาพจิตที่ดี ไม่เหมือนกับนักโทษที่กำลังจะตายคนอื่น ๆ แม้ว่าเขาจะกลายเป็นนักโทษ แต่เขาก็ยังคงรักษาท่าทางและความภาคภูมิใจขององค์ชายเอาไว้
ห้องขังนี้ไม่ได้ชื้นและเหม็นเปรี้ยวเหมือนห้องขังธรรมดา ๆ ที่นี่ค่อนข้างสะอาดและยังมีที่ว่างสำหรับการพักผ่อน
ยังไงซะเขาก็ยังเคยเป็นองค์ชาย แม้ว่าจะติดคุกเขาก็ควรได้รับการรักษาเกียรติขั้นพื้นฐานให้ดีที่สุด
ปัญหามีเพียงแค่อาหารนั้นยังมีรสเปรี้ยวและเหม็น
หลี่ซวนซงจึงไม่ได้ขยับตะเกียบเลยแม้แต่น้อย
หรือบางทีเขาอาจจะไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากกินอาหาร
ดูเหมือนว่าเขากำลังเล่นกับไหคริสตัลอยู่ โดยมีแสงส่องสว่างอยู่ในมือของเขา
มันเป็นเรื่องแปลกมากที่เขาสามารถเก็บไหใบเล็กใบนี้เอาไว้ได้ แม้ว่าเขาจะต้องผ่านการตรวจค้นร่างกายของเขาก่อนเข้าคุก
“ เอี๊ยด … ”
เสียงเสียดแทงของประตูที่เปิดออกดังขึ้น
เรือนจำเปิดให้คนเดินเข้ามา
“มีคนมาเยี่ยมเจ้า” เสียงของผู้คุมดังขึ้นมาจากภายนอกห้องขัง