ไหปีศาจ - บทที่ 560 เจ้าไม่สามารถเรียนรู้ได้
บทที่ 560 เจ้าไม่สามารถเรียนรู้ได้
บทที่ 560
เจ้าไม่สามารถเรียนรู้ได้
เฉินซังเทียนได้รับข่าวจากลั่วอู๋และมาสำนักโล่พิทักษ์ในทันที
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว หลิงเจิ้งรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ถือชิ้นส่วนโลหะรูปทรงดาบไว้ในมือราวกับว่าเขาได้รับสมบัติมาและไม่สามารถละสายตาไปจากมันได้
แน่นอนว่านี่คือดาบไร้ลักษณ์
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของมันได้หายไปและมันไม่ได้เป็นลูกบอลโลหะแบบเดิมอีกต่อไป แต่กลับสู่รูปลักษณ์ดาบตามเดิม
“หลิงเจิ้ง!” เฉินซังเทียนรู้สึกโล่งใจ “เจ้าปลอดภัยดี”
หลิงเจิ้งเงยหน้าขึ้นและความสนใจทั้งหมดอยู่ที่ดาบไร้ลักษณ์ เขาถามอย่างเหม่อลอย “เจ้าเป็นใคร”
เฉินซังเทียนไม่โกรธ
เขารู้ว่าหลิงเจิ้งเป็นเช่นนี้
“เจ้าไม่มีอะไรผิดปกติไปใช่ไหม?” เฉินซังเทียนถาม
ในเมื่อมันมีแค่ทะเลแก่นวิญญาณที่ถูกทำลาย
วิธีฝึกฝนของหลิงเจิ้งมีผลเพียงเล็กน้อยต่อร่างกาย ทะเลแก่งวิญญาณถูกทำลายไปเขาก็จะกลายเป็นคนธรรมดาทันที
อย่างมากก็แค่เก่งกว่าคนธรรมดาเล็กน้อย
“โอ้ ข้าสบายดีแค่เวียนหัวนิดหน่อย” หลิงเจิ้งตอบอย่างสบาย ๆ
เฉินซังเทียนตะลึง “เวียนหัว?”
“อาจจะเป็นเพราะเขานั่งยอง ๆ นานเกินไปหรือไม่ก็หิวมานานเกินไป ข้าบังคับให้เขากินอะไรแล้ว” ลั่วอู๋พูด
เฉินซังเทียนพยักหน้าและจ้องมองไปที่หลิงเจิ้งสักพัก
หลิงเจิ้งดูค่อนข้างปกติ เพียงแค่ดูซีดเซียวเล็กน้อย แต่ยังมีสติ แล้วก็ดูเหมือนว่าจะมีเลือดอยู่ในดวงตาของเขา
เฉินซังเทียนสังเกตความผิดปกติ “หลิงเจิ้ง เจ้าไม่ได้นอนมานานแค่ไหนแล้ว?”
หลิงเจิ้งเงยหน้าขึ้นมองอย่างว่างเปล่า “ทำไมข้าต้องนอนล่ะ? ข้าไม่เคยนอน”
ลั่วอู๋ตีหน้าผากตัวเอง
ดูเหมือนว่าเขาจะพลาดอะไรไปนิดหน่อย
เขาเวียนหัวไม่ใช่แค่เพราะนั่งยองเป็นเวลานานและหิวเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเขาไม่ได้นอนมานานด้วย
ต้องขอบคุณร่างกายเขาที่ดีกว่าคนธรรมดา มิฉะนั้นเขาจะตายไปแล้ว
หลิงเจิ้งไม่มีความคิดเกี่ยวกับสถานะของตัวเองเลย
ลั่วอู๋ยึดดาบไร้ลักษณ์ไปและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ไปนอนซะ”
“ไม่ง่วงแล้วจะไปนอนทำไม?” หลิงเจิ้งรู้สึกงงงวย
“เพราะว่าถึงเวลาที่เจ้าต้องนอนแล้ว”
“ทำไม?”
“เจ้าสงสัยมากเกินไปแล้ว” ลั่วอู๋หมดความอดทน นักดาบในตำนานคนแรกทำตัวน่ารำคาญขนาดนี้ได้ยังไง
เจ้าไม่ได้นอนมาหลายสิบปี เจ้ารู้ไหมว่าการง่วงนอนมันเป็นอย่างไร?
ลั่วอู๋ตบเขาที่ด้านหลังศีรษะ
ดวงตาของหลิงเจิ้งมืดลงและเป็นลม
การบังคับให้นอนหลับ
ลั่วอู๋ชี้ไปที่หลิงเจิ้งและพูดกับเฉินซังเทียน “เจ้าพาตัวเขาไปได้แล้ว”
“ไม่ล่ะ ข้าโล่งใจแล้วที่เห็นว่าเขาสบายดี ปล่อยให้เขาอยู่กับเจ้านี่แหละ” เฉินซังเทียนกล่าว “ข้าคิดว่าพวกเจ้าเข้ากันได้ดี”
หัวของลั่วอู๋ปกคลุมไปด้วยเส้นสีดำ เข้ากันได้ดีตรงไหนกัน
“อย่าล้อเล่น ข้าไม่รู้จักเขาดีขนาดนั้น เจ้ามาทำอะไรที่นี่กันแน่?” ลั่วอู๋กล่าวอย่างรวดเร็ว
เฉินซังเทียนตอบ “ข้าไม่ได้ล้อเล่นกับเจ้า ให้เขาอยู่กับเจ้าจะเป็นการดีกว่าจริง ๆ”
“ทำไม?”
“เพราะตระกูลเฉินไม่มีใครดูแลเขาเลย ข้าก็ยุ่งมากและข้าไม่น่าจะดูแลเสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย และของใช้ต่าง ๆ ของเขาได้” เฉินซังเทียนกล่าว
เพราะว่ามีเฉินซังเทียนอยู่ ตระกูลเฉินจึงมีฐานะสูง
แต่กำลังของตระกูลจริง ๆ แล้วมีน้อย
เนื่องจากเฉินซังเทียนไม่กระตือรือร้นที่จะใช้อำนาจของตระกูล
สำนักโล่พิทักษ์เป็นร้านค้าขนาดใหญ่อยู่แล้ว และมีคนจำนวนมากกว่า
ลั่วอู๋พูดไม่ออก “เพราะเรื่องแค่นี้? งั้นข้าจะจ่ายเงินจ้างสาวรับใช้สักคนให้ตระกูลเฉินก็ได้”
เฉินซังเทียนหัวเราะ “แน่นอนว่าไม่ใช่ด้วยเหตุแค่นี้ หลิงเจิ้งเป็นฝ่ายกบฏที่มีส่วนร่วมในการก่อกบฏ การปักหลักอยู่สักที่นั่นไม่ง่ายนัก บางทีใครบางคนอาจจะไม่พอใจเรื่องนี้ แต่ถ้าเขาอยู่ที่นี่ก็จะไม่มีปัญหา”
“สำนักโล่พิทักษ์เทียบกับตระกูลเฉินได้ที่ไหน?” ลั่วอู๋ไม่เข้าใจ
เฉินซังเทียนพูดเบา ๆ “แล้วใครจะคิดว่าเจ้าจะกบฏล่ะ บางทีอาจจะมีคนที่โง่พอจะส่งจดหมายร้องเรียนไป แต่จักรพรรดิจะไม่มีวันเชื่อแน่”
ใช่แล้ว
ตอนแรกที่ลานจัตุรัสซวนวู
ลั่วอู๋อาศัยความแข็งแกร่งของคนคน นึ่งทีละคนเพื่อจัดการไพ่ในมือของหลี่ซวนซง
เหตุการณ์นั้นคนของราชวงศ์ พลเรือน และทหารทุกคนเห็นกันหมด
ถ้าบอกว่าลั่วอู๋มีจิตใจที่ไม่ดี? เกรงว่าจะโดนคนของราชวงศ์เหยียบจมดินแน่ เคยเห็นโจรที่เต็มใจช่วยชีวิตพวกเขารึเปล่าล่ะ?
ลั่วอู๋ดูหดหู่ เขารู้สึกได้ว่าเขาถูกคำนวณเอาไว้แล้ว
หลิงเจิ้งคนนี้ไร้ประโยชน์ และนิสัยใจคอของเขาแปลกมากจนเขาไม่ได้เป็น “แขกรับเชิญ” ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
เฉินซังเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่าประเมินหลิงเจิ้งต่ำไป เขาก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่งนะ”
“แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร เขาสูญเสียมันไปหมดแล้ว” ลั่วอู๋เม้มริมฝีปาก
“เจ้าไม่เข้าใจ” เฉินซังเทียนพูดด้วยเสียงต่ำ “แม้ว่าเขาจะสูญเสียมิติวิญญาณไปแล้ว แต่วิสัยทัศน์และประสบการณ์ของเขาก็ยังคงอยู่ ข้าจำได้ว่าเจ้าก็มีดาบที่ดีเช่นกัน ถ้าเจ้าสามารถเรียนรู้จากเขาได้ มันจะช่วยเจ้าไปตลอดชีวิต
ลั่วอู๋เห็นว่ามันเข้าท่า
เรียนรู้กระบวนท่าดาบที่ทรงพลัง นี่เป็นวิธีที่จู่ ๆ ก็โผล่ขึ้นมา
ลั่วอู๋เป็นทุกข์จากการขาดทักษะดาบที่ทรงพลัง เนื่องจากเขาไม่มีทักษะเขาก็สามารถเรียนรู้กระบวนท่าดาบของจริงได้โดยตรง
“อืม งั้นให้หลิงเจิ้งอยู่กับข้าก่อนก็ได้” ลั่วอู๋พยักหน้า
เฉินซังเทียนจากไปด้วยความพึงพอใจ
หลิงเจิ้งนอนหลับมาสามวันแล้วคืน พอตื่นขึ้นมารู้สึกเหมือนถูกแยกออกจากโลก
“นั่นคือความรู้สึกของการนอนหลับงั้นรึ?” หลิงเจิ้งพึมพำกับตัวเอง
โต๊ะมีอาหารอร่อย ๆ พร้อมที่จะรับประทาน รอให้หลิงเจิ้งมาเพลิดเพลินกับมัน แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนขี้ตะกละ เขากินแบบลวก ๆ เล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่หิวและเป็นลมอีกดังนั้นเขาจะไม่กินอะไรมาก
รอยยิ้มของลั่วอู๋ปรากฏต่อหน้าหลิงเจิ้ง “หลิงเจิ้ง เจ้าตื่นแล้ว”
“อืม” ดูเหมือนว่าหลิงเจิ้งจะลืมไปแล้วว่าเขาหลับไปได้อย่างไร แต่ก็สงสัยนิดหน่อยว่า “ข้าจำได้ไม่ชัดว่าข้าเห็นเฉินซังเทียน มันเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า?”
“อย่าห่วงเรื่องนั้นเลย” ลั่วอู๋กล่าวอย่างจริงจัง “หลิงเจิ้ง ความเข้าใจและประสบการณ์ของเจ้าเกี่ยวกับวิชาดาบยังคงอยู่ใช่ไหม?”
“แน่นอน” หลิงเจิ้งขมวดคิ้วและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “ดาบไร้ลักษณ์”
ลั่วอู๋หยิบดาบไร้ลักษณ์ให้หลิงเจิ้งและหลิงเจิ้งก็ยังคงมองดูมันด้วยความสนใจ
“งั้นช่วยสอนข้าหน่อยนะ” ลั่วอู๋พูดตรงประเด็น
หลิงเจิ้งไม่เข้าใจ “จะให้สอนอะไร?”
“ดาบไง สอนวิชาดาบ ตอนที่เจ้าต้านพลังดาบของจักรพรรดิดาบ วิชาดาบของเจ้ามันทรงพลังมาก เจ้าสามารถสอนให้ข้าได้ไหม?” ลั่วอู๋ถามอย่างคาดหวัง
หลิงเจิ้งวางดาบไร้ลักษณ์ในมือลงอย่างคาดไม่ถึง “เจ้าต้องการเรียนรู้มัน?”
“ใช่ ใช่” ลั่วอู๋พยักหน้ารัว ๆ “มันยากไหม?”
“มันง่าย” หลิงเจิ้งส่ายหัว
ลั่วอู๋มีความสุขมาก
ง่ายรึ?
เยี่ยมเลย
“งั้นสอนข้าสิ” ดวงตาของลั่วอู๋เป็นประกาย “เจ้าสอนวิชานั้นให้ข้าได้ ดาบไร้ลักษณ์นี้ก็เป็นของเจ้า”
ลั่วอู๋แสร้งทำเป็นลืมว่าเขาเคยสัญญาว่าจะให้ดาบไร้ลักษณ์แก่หลิงเจิ้งแล้ว
หลิงเจิ้งไม่สนใจเพียงแค่พูดว่า “ข้าเกรงว่าจะไม่ได้”
“ทำไมล่ะ? เจ้าคิดว่าข้าจะทำไม่ได้หรือ? ข้าต้องทำได้ แน่ ๆ” ลั่วอู๋ร้อนรน
เขาสามารถเรียนรู้วิชาดาบได้มากมาย
กับวิชาจากอาจารย์คนนี้จะเป็นอะไรไป
หลิงเจิ้งส่ายหัว “ไม่ใช่แบบนั้น แต่เพราะเจ้าไม่มีความถนัดด้านนั้น เจ้าก็เรียนรู้มันไม่ได้หรอก”
ลั่วอู๋เจ็บปวดในทันที
“ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่าง่ายรึ?” ลั่วอู๋กล่าวด้วยใบหน้าขมขื่น
“ใช่ มันง่ายมาก” หลิงเจิ้งกล่าวอย่างมั่นใจ “แต่เจ้าไม่มีคุณสมบัตินั้น เจ้าก็ไม่สามารถเรียนรู้ได้”
การตอกย้ำครั้งที่สองของหลิงเจิ้ง ทำให้ลั่วอู๋เจ็บมากขึ้น
คุณสมบัติของข้ามันแย่ขนาดนั้นเลยรึ!!