ไหปีศาจ - บทที่ 561 ข้าไม่เข้าใจ
บทที่ 561 ข้าไม่เข้าใจ
บทที่ 561
ข้าไม่เข้าใจ
ลั่วอู๋รู้สึกโมโหอย่างมาก
เป็นช่วงเวลาแห่งความหงุดหงิด
“ข้าไม่ดีรึ? ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะบอกว่ามีหลายคนในโลกที่มีคุณสมบัติพอที่จะเรียนรู้วิชาดาบของเจ้ารึ?” ลั่วอู๋พูดอย่างไม่เต็มใจ
หลิงเจิ้งคิดแล้วกล่าวว่า “ก็ไม่ได้เจอคนแบบนั้นเลย”
“ทั้งหมดไม่มีคุณสมบัติเลยรึ?” ลั่วอู๋สงสัย
หลิงเจิ้งพยักหน้า “ใช่”
“แม้แต่เพื่อนระดับจักรพรรดิของเจ้าก็ยังไม่มีคุณสมบัตินี้?” ลั่วอู๋ถาม
หลิงเจิ้งตอบ “เกือบจะผ่าน”
แล้วเจ้าบอกว่าง่ายเนี่ยนะ!
ลั่วอู๋รำพึงในใจแล้วเขาก็พูดว่า “เจ้าบอกว่าง่าย ๆ แต่ตอนนี้บอกว่าไม่เคยมีใครที่มีคุณสมบัตินั่น เจ้าล้อเล่นกับข้าเหรอ?”
“ก็ข้าคิดว่ามันง่าย” หลิงเจิ้งพูดอย่างไร้เดียงสา “ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ไม่มีใครสามารถเรียนรู้ได้เลย”
ลั่วอู๋หายใจเข้าลึก ๆ และกลั้นแรงกระตุ้นที่จะทุบตีเขา
เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยวก่อน!
ตอนนี้จะอัดเขาไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็สอนข้าทั้งหมดเลย แม้ว่าจะเรียนวิชานั้นไม่ได้ ก็ยังสามารถเข้าใจวิชาสักเล็กน้อยได้”
“ยุ่งยากจริง ๆ” หลิงเจิ้งเกาหัว “เจ้าเรียนรู้ด้วยตัวเองสิ แต่ข้าก็เรียนรู้ด้วยตัวเองเหมือนกัน”
“เรียนรู้ด้วยตัวเองได้ยังไง? เจ้าต้องให้แนวทางสิ”
“’งั้นดูมดสิ”
“ข้าหมดความอดทนแล้ว! เจ้ากำลังล้อเล่นกับข้า” ลั่วอู๋เกือบคว่ำโต๊ะ และเขาก็ขู่ว่า “ถ้าเจ้าไม่สอน งั้นข้าจะเอาดาบไร้ลักษณ์ไป เจ้าจะไม่มีทางได้เห็นมันอีก”
หลิงเจิ้งรู้สึกหมดหนทางทันที “ก็ได้ ๆ”
ลั่วอู๋พ่นลม
นี่แทบจะไม่เปลี่ยนอะไรเลย
ลั่วอู๋ตั้งใจเตรียมพื้นที่ขนาดใหญ่และเชิญหลิงเจิ้งมา
“ข้าควรทำอย่างไรดี?” ลั่วอู๋ถาม
หลิงเจิ้งคิดและพูดว่า “ก่อนอื่นเจ้าต้องมีดาบ”
“ข้ารู้อยู่แล้ว” ลั่วอู๋หยิบระบำแห่งความตายออกมาจากไหปีศาจ เสียงดาบดังขึ้นเล็กน้อยและดูเหมือนจะแสดงพลังบางอย่างออกมา
ครั้งล่าสุดที่เหล่านายพลถูกโจมตีและสังหารอย่างต่อเนื่อง ระบำแห่งความตายได้ดื่มเลือดแห่งจิตวิญญาณและตอนนี้มันได้รับการเลื่อนไปเป็นขั้นที่สมบูรณ์ขึ้นเรียบร้อยแล้ว
ระบำแห่งความตายในวันนี้มีสติปัญญาเกิดขึ้น และสามารถกลายเป็นทหารของจริงได้ในระยะสั้น ๆ ระดับสติปัญญายังเด็กมาก
“ดาบดีนี่” หลิงเจิ้งกล่าวชมเชย
จากนั้นหลิงเจิ้งก็หยิบดาบของเขาออกมา และเงาสีเขียวก็แยกออกจากเขาแล้วค่อย ๆ ปรากฏต่อหน้าลั่วอู๋
ในพริบตาพลังดาบอันยิ่งใหญ่ก็พุ่งออกมา
ดาบนี้เป็นดาบหลิงเทียนในตำนาน ซึ่งมีลมปราณที่เรียบง่ายและมีแสงสีฟ้าอ่อน ดาบให้ความรู้สึกสงบและสันติ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าแม้หลิงเจิ้งจะเสียมิติวิญญาณไปแล้วก็ยังสามารถควบคุมดาบหลิงเทียนได้
ดาบมีจิตวิญญาณ
หลิงเจิ้งเป็นเจ้าของที่มันรับรู้และเต็มใจที่จะติดตามไปข้างกาย
ลั่วอู๋ดีใจที่เขาไม่ได้อัดหลิงเจิ้ง ไม่งั้นดาบหลิงเทียนคงได้ออกมาปกป้องเจ้านายมันโดยอัตโนมัติ และเขาคิดว่าเขาคงต้องเจ็บตัวแน่นอน
แม้ว่าจะไม่มีใครควบคุม ดาบหลิงเทียนไม่ใช่อะไรที่จะสามารถไปกลั่นแกล้งมันได้ พลังของดาบศักดิ์สิทธิ์คาดว่าไม่มีใครที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิจะปราบมันได้
กล่าวคือแม้ว่าหลิงเจิ้งจะเสียมิติวิญญาณไป แต่เขาก็ยังมีพลังต่อสู้ของมิติวิญญาณชั้นยอดอยู่
ลั่วอู๋ แอบพูดว่า “งานนี้คุ้มแล้ว ช่วยให้สำนักโล่พิทักษ์มียอดฝีมือมานั่งคุมในเมือง และข้าก็โล่งใจมากขึ้นเมื่อไม่อยู่”
ดาบหลิงเทียนลอยอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ มันเปล่งพลังดาบที่ผู้คนไม่กล้าดูหมิ่นออกมา
ดาบระบำแห่งความตายรู้สึกได้ถึงพลังของดาบนี้ และมันก็สั่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้าข้าอ่านไม่ผิด เจ้าน่าจะเป็นดาบเลือดเดือดที่สาบสูญไปในข่าวลือใช่ไหม?” หลิงเจิ้งกล่าว
ลั่วอู๋พยักหน้า “ใช่”
“ฝึกฝนมันให้ดี ดาบมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยม เจ้ารู้ไหมดาบที่มีชื่อเสียงทั้งสิบในสมัยโบราณหลายเล่มก็วิวัฒนาการมาจากดาบเลือดเดือด อย่างไรก็ตามเจ้าควรใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเจ้าได้รับการเลื่อนขั้นจนถึงระดับสวรรค์ การเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างไรนั้นเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่ดีกับประสบการณ์ของดาบ หากเจ้าไม่ต้องการได้รับดาบอันตรายเจ้าก็ไม่ควรฆ่าผู้บริสุทธิ์” หลิงเจิ้งกล่าว
“ในสมัยโบราณเป็นเพราะบางคนได้ทำการฆ่าคนที่ทำชั่วเพื่อทำให้ดาบเลือดเดือดได้รับการยกระดับอย่างรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่การเกิดดาบที่น่ากลัวหลายเล่ม ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นจึงเป็นที่แน่นอนว่ารุ่นก่อน ๆ จะไม่ละเว้นความพยายามที่จะทำลายดาบเลือดเดือดทั้งหมด แม้กระทั่งวิธีการหลอมดาบเลือดเดือดก็ถูกทำลายไปแล้ว”
ลั่วอู๋พยักหน้าอย่างรีบร้อนด้วยความรู้สึกหนาวสั่นในใจ
มีความลับเช่นนั้นอยู่
อย่างไรก็ตามลั่วอู๋ก็ไม่กลัว เขาไม่เคยฆ่าใครตามอำเภอใจ ทุกคนที่เขาฆ่านั้นมีเหตุผลของเขา หากเขายึดมั่นในความเชื่อและหลักการในใจของเขาจิตวิญญาณดาบจะไม่ผิดเพี้ยนแน่นอน
“ตอนนี้ได้เวลาเริ่มแล้ว” ลั่วอู๋กล่าวด้วยความสนใจ
เขารอไม่ไหวแล้ว
หลิงเจิ้งพยักหน้า
“ก่อนอื่น…” หลิงเจิ้งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้จากนั้นมองไปที่หินก้อนใหญ่ในระยะไกล “เจ้าสามารถใช้สิ่งนี้เป็นเป้าหมายได้”
“แล้วไงต่อ” ลั่วอู๋ถือดาบระบำแห่งความตายไว้ในมือและทำท่าทางไม่พอใจ
“จากนั้นหลับตาลงและตั้งสติให้เป็นหนึ่ง เจ้าควรจะปราศจากสิ่งรบกวนอย่างแท้จริงจากนั้นค่อย ๆ ยื่นดาบของเจ้าไปตามคำแนะนำที่สวรรค์และโลกประทานให้” หลิงเจิ้งกล่าว
นี่คือวิชาดาบของเขา
บุคคลที่แตกต่างกันสามารถแสดงทิวทัศน์ที่แตกต่างกันได้ตามการรับรู้ของตนเอง
แต่เดิมที่ลั่วอู๋หลับตาและเริ่มตั้งสมาธิ หลังจากได้ยินคำนี้เขาก็ลืมตาขึ้นและมองอย่างงง ๆ “คำชี้แนะจากสวรรค์และโลกนั่นคืออะไร?”
“เจ้าไม่เห็นการไหลและการกระจายของรัศมีและแก่นแท้ระหว่างสวรรค์และโลกงั้นรึ?” หลิงเจิ้งถาม
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้ามองไม่เห็น”
“เจ้าไม่มีเจ้าสมบัติเช่นนั้นจริง ๆ” หลิงเจิ้งตอบ
ลั่วอู๋ดูสับสน
เจ้ากำลังพูดถึงสิ่งที่คนสามารถทำได้รึ?
“ขอคำแนะนำหน่อยให้ข้าหน่อย อย่าพูดหยาบคายแบบนั้นเลย ของแบบนี้ใครจะไปเข้าใจล่ะ?” ลั่วอู๋กล่าวด้วยความโกรธเล็กน้อย
หลิงเจิ้งรู้สึกทุกข์ใจมาก “นั่นคือเหตุผลที่ข้าบอกว่ามันยุ่งยาก เพราะนั่นคือวิธีการทำงานของมันล่ะ”
ลั่วอู๋มองไปที่หลิงเจิ้งอย่างสงสัย
เขาไม่น่าจะโกหก
“ข้าจะพยายาม” ลั่วอู๋กำดาบระบำแห่งความตาย หลับตาลงเพ่งสติอย่างเต็มที่ จากนั้นก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของออร่ารอบตัวเขา
มันควรจะเป็นแบบนี้
ตามทิศทางของพลังวิญญาณที่ไหล
ลั่วอู๋ยื่นดาบออกมาเบา ๆ
มีลมกระโชกแรง
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ลั่วอู๋ โกรธ “เจ้าเห็นการไหลของแก่งแท้แห่งสวรรค์และโลกได้อย่างไร เจ้าแสดงให้ข้าดูสิ”
“โอ้” หลิงเจิ้งหลับตาและฟันดาบออกมาตามความประสงค์
แม้ว่าเขาจะกลายเป็นคนธรรมดา แต่ลั่วอู๋รู้สึกได้ถึงกระแสความคิดจากเขาอย่างชัดเจน และจากนั้นมันก็แตกออกจากร่างกายของเขา
เปรี๊ยะ
มีรอยแตกเล็ก ๆ ในก้อนหินที่ห่างไกล
หลิงเจิ้งลืมตาขึ้นอย่างเสียใจ นี่คือขีดจำกัดที่เขาทำได้
เพราะเขาไม่มีพลังวิญญาณแล้ว
ลั่วอู๋ตกใจ เขารู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่พลังของดาบหลิงเทียน แต่เป็นพลังของหลิงเจิ้ง ถึงจะไม่รุนแรงแต่ก็น่าตกใจจริง ๆ
เขารู้ไหมว่าตอนนี้เขาเป็นผู้ชายธรรมดา ๆ แล้ว
“ประมาณนั้นแหละ เข้าใจไหม?” หลิงเจิ้งถาม
ลั่วอู๋ก่ายหน้าผาก “ใครจะเข้าใจเรื่องแบบนั้นกัน”
“เจ้าไม่ได้การแล้ว” หลิงเจิ้งไม่พอใจและกล่าวว่า “แม้ว่าข้าจะไม่พบใครที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเรียนรู้ทักษะนี้ แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่เข้าใจมัน”
ความเข้าใจไม่ได้หมายถึงการเรียนรู้
มันเหมือนกับการยิงธนู แม้เห็นว่าลูกศรพุ่งออกไปด้วยเชือก แต่ก็ไม่สามารถเป็นนักแม่นธนูได้
แต่ลั่วอู๋ไม่เข้าใจว่าลูกธนูยิงออกไปได้อย่างไรด้วยซ้ำ
ลั่วอู๋อารมณ์เสีย “เจ้าหมายความว่าข้าโง่รึ?”
“ใช่” หลิงเจิ้งว่าตามตรง “คนที่มีพรสวรรค์ด้านวิชาดาบเพียงเล็กน้อยนั้นไม่สามารถเข้าใจมันได้เลย”
ลั่วอู๋โกรธมาก
เขาไม่มีความสุขกับเรื่องนี้
มันเหมือนเวทมนตร์ เขาไม่สามารถเข้าใจมัน มันแปลก ๆ
“เสี่ยวกงออกมา!” ลั่วอู๋เรียกเสี่ยวกงทันที
มือเปล่าเล็ก ๆ พร้อมกับเงาดาบต้านสวรรค์ ถูแขนเสื้อของลั่วอู๋อย่างใกล้ชิด มันเปิดดวงตาสีทองและดูเหมือนจะถาม ลั่วอู๋ ว่าจะทำอย่างไรเมื่อเขาขอให้เขาออกมาแล้ว
ลั่วอู๋พูดอย่างโกรธ ๆ “เสี่ยวกงเป็นสัตว์ที่พิเศษมาก แม้ว่าเขาจะเป็นสัตว์วิญญาณ แต่เขาก็มีพรสวรรค์ด้านวิชาดาบที่หาที่เปรียบมิได้ ข้าต้องการพิสูจน์ว่าเจ้าแค่สอนไม่ได้ แต่มันไม่เกี่ยวกับพรสวรรค์ของวิชาดาบเลย”
“โอ้” หลิงเจิ้งมองไปที่เสี่ยวกงและมองดาบในมือของเขาเป็นเวลานาน “งั้นข้าจะสาธิตมันอีกครั้ง”
หลังจากนั้นหลิงเจิ้งก็หลับตาลงอีกครั้ง และความคิดของเขาก็ไหลออกมา จากนั้นดาบก็ทะลุท้องฟ้าและทำให้หินแตกอีกครั้ง
“เสี่ยวกง บอกเขาสิว่าเข้าใจไหม?” ลั่วอู๋กล่าว
เสี่ยวกงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็พยักหน้า ข้าเข้าใจ
ลั่วอู๋หมดสภาพ
เจ้าเข้าใจมันได้เหรอ?
หลิงเจิ้งมองไปที่ลั่วอู๋ราวกับจะพูดว่า “ข้าบอกแล้วว่ามันเป็นปัญหาที่เจ้า เจ้าก็ไม่เชื่อ”