ไหปีศาจ - บทที่ 564 ปรากฏตัว
บทที่ 564 ปรากฏตัว
บทที่ 564
ปรากฏตัว
ความต้องการฆ่าของผู้บัญชาการหลิงหลงนั้นหนักแน่นจนแทบล้น
แม้ว่าลั่วอู๋จะมีความสุขแต่ก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อยเช่นกัน การให้ผู้บัญชาการหลิงหลงบุกเข้าไปในสุสานของราชาผีก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร
ดังนั้นลั่วอู๋จึงถามกับจี๋กุยเป็นการส่วนตัว เขาเป็นรองผู้บัญชาการของหน่วยสยบมังกรและเขามีประสบการณ์การเป็นรองผู้นำ และทั้งคู่ก็เป็นคนสนิทกัน โดยธรรมชาติแล้วเขาต้องรู้หลายสิ่งหลายอย่าง
จี๋กุยบอกลั่วอู๋ว่าเกิดอะไรขึ้น
ลั่วอู๋ก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือเรื่องคฤหาสน์องค์ชาย
เขาเห็นใจช้างเผือกหกงาอยู่ครู่หนึ่ง ใครทำอะไรเจ้ากัน? ทำกับเทพผู้งดงามได้อย่างไร?
ถ้ากองทหารอื่นไปล้อมช้างเผือกหกงาก็ไม่เท่าไหร่ แต่นี่เป็นถึงหน่วยสยบมังกร
จี๋กุยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดเขาก็กระซิบ “เจ้ารู้จักผู้นำเก่าและมันก็พอเป็นไปได้ที่จะบอกเจ้าสักเรื่อง ที่จริงอารมณ์ของผู้บัญชาการหลิงหลงจะหงุดหงิดอย่างมากเป็นบางช่วง ตอนแรกผู้นำคนเก่าทำอะไรบางอย่างเพื่อกวนประสาทผู้บัญชาการหลิงหลงและเพียงเพราะเขาไปโดนช่วงเวลานั้นพอดี ทั้งสองคนจึงทะเลาะกันครั้งใหญ่ หลังจากสงครามครั้งใหญ่นั้น ผู้นำคนเก่าแพ้หมดสภาพ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะลาออกและหายตัวไป”
ผู้นำเก่าคือผู้คู่ควรกับธรรมชาติ หลงเซี่ย
และลั่วอู๋เคยได้ยินจี๋กุยบอกว่าหลงเซี่ยและผู้บัญชาการ หลิงหลงมีความสัมพันธ์กันมานาน
ลั่วอู๋รู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว
จากนั้นลั่วอู๋ก็เริ่มสงสัย “ช่วงที่นางหงุดหงิด เดือนละครั้ง ครั้งล่ะเจ็ดวันรึเปล่า?”
จี๋กุยกลอกตา “เจ้าอยากจะสื่ออะไร?”
แม้ว่าเขาจะพูดอย่างจริงจังว่า “ช่วงเวลานั้นไม่ค่อยแน่ใจ บางครั้งก็สี่หรือห้าเดือน บางครั้งก็หนึ่งหรือสองปี แต่เมื่อผู้บัญชาการหลิงหลงเข้าสู่สถานะนั้น มันจะกลายเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง หากเจ้าสังเกตว่ามีอะไรผิดปกติ เจ้าอย่าได้ไปยุ่งเชียวรู้ไหม?”
ลั่วอู๋พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากหงุดหงิด แม้แต่คนรักเก่าก็ยังน่วม ที่เหลือเจ้าตัวก็เป็นคนเล่ามาเอง
ผู้บัญชาการหลิงหลงและลั่วอู๋ไม่จำเป็นต้องเตรียมการ ใด ๆ
แน่นอนว่าฉูจงฉวนจะไม่นั่งเฉย ๆ แน่นอน เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาอย่างยิ่ง ดังนั้นฉูจงฉวนจึงขอให้ฉูจานเทียนและหลินกุยมาด้วย
“เจ้าหนู จี๋กุยบอกอะไรเจ้ารึเปล่า?” ระหว่างทางผู้บัญชาการหลิงหลงถามอย่างเย็นชา
“ไม่เลย” ลั่วอู๋พูดพร้อมเหงื่อเย็นเฉียบ
แล้วก็ยังจริงที่ว่าเกิดอะไรขึ้นในหน่วยสยบมังกรนั้นไม่ทางปกปิดมันจากผู้บัญชาการหลิงหลงได้
“ฮึ่ม” เสียงของผู้บัญชาการหลิงหลงต่ำลงเล็กน้อย “เจ้าไม่ต้องกลัวขนาดนั้น ถึงแม้ว่าข้าจะอารมณ์ไม่ดีบ้างเป็นบางช่วง แต่ก็ไม่ได้กลายเป็นคนไร้เหตุผล และข้าจะไม่ฆ่าคนตามอำเภอใจแน่นอน”
ลั่วอู๋ใจชื้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ เจ้าเป็นนายเป็นนายชั้นสูงขนาดนี้จะควบคุมจิตสังหารของตัวเองไม่ได้ยังไงกัน”
“ควบคุมจิตสังหาร? ข้าควบคุมมันไม่ได้หรอก ถ้าเจ้าตกใจจนตายด้วยจิตสังหารของข้าอย่าโทษข้าละกัน” ผู้บัญชาการหลิงหลงพูดเบา ๆ
“……”
ลั่วอู๋เริ่มเสียใจที่เรียกนางว่าเทพงดงาม
……
……
ตระกูลฉู
เนื่องจากฉูจานเทียนเลื่อนขั้นเป็นระดับเพชร ตระกูลฉูจึงเอาชนะตระกูลมู่ได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างตระกูลฉูและภูเขาเทียนหวัง
ตอนนี้ตระกูลฉูเป็นตระกูลแรกในมณฑลทางใต้
กองกำลังที่มีอำนาจมักเลือกที่จะย้ายไปยังเมืองหลวงของจักรวรรดิ แม้ว่ามันจะเป็นของมณฑลทั้งสามสิบหกแห่งมังกรเร้นกาย แต่ก็มีความลำเอียงอยู่บ้างและไม่มีกองกำลังของตระกูลที่ทรงพลังมากมาย
แต่ถึงเวลาที่เด็ดขาดตระกูลฉูก็พร้อมที่จะจากไปเช่นกัน
ฉูจานเทียนได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับจักรพรรดิว่าจะยุติความโกลาหลและตระกูลฉูซึ่งมีผู้แข็งแกร่งระดับเพชรก็มีคุณสมบัติที่จะตั้งถิ่นฐานในเมืองหลวงของจักรวรรดิ
เมืองหลวงของจักรวรรดิมีผู้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นและพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง มีโอกาสและความเสี่ยงอยู่ร่วมกัน หากต้องการพัฒนาอย่างรวดเร็วเมืองหลวงของจักรวรรดิเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ในขณะนี้หลินกุยกำลังเยี่ยมตระกูลฉู
“เราจะเริ่มเมื่อไหร่” หลินกุยถาม
ฉูจงฉวนตอบว่า “ไม่ต้องกังวล สุสานราชาผีนั้นอันตรายเกินไป ลั่วอู๋อยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิเพื่อรอคนอื่น ราวกับว่าจะขอผู้แข็งแกร่งมาช่วยได้ รอเขากันเถอะ”
หลินกุยขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าด้วย
ฉูจานเทียนถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าผีแก่ เป็นอะไรไป? เจ้าดูรีบมากเลยนะ ปกติเจ้าไม่ใช่คนใจร้อนขนาดนี้นี่”
พวกเขารู้จักกันมาหลายปีดังนั้นพวกเขาจึงรู้นิสัยกันดี ฉูจานเทียนมีโอกาสช่วยชีวิตหลินกุยไว้ ดังนั้นเขาจึงพูดเล่นกับเขาได้
แน่นอนว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากฉูจานเทียนเข้าไปในหุบเขามรณะเป็นครั้งแรก
หลินกุยลูบมีดสีดำในมือของเขาและลูบปลายนิ้วของเขาบนใบมีด เขาพูดอย่างครุ่นคิด “มีดวิญญาณพร้อมที่จะเคลื่อนไหวเล็กน้อย ข้าเลยรู้สึกอยู่ตลอดว่าอาจมีบางอย่างรอข้าอยู่ในสุสานราชาผี”
ความรู้สึกเฮฮาของฉูจานเทียนสลายไป
สำหรับระดับนี้ สัญชาตญาณที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ไม่ใช่เรื่องคิดไปเองอีกต่อไปแล้ว แต่สามารถสัมผัสได้ถึงบางสิ่งจริง ๆ
“เจ้ารู้มั้ยว่าชื่อมีดแปดวิญญาณมันมาจากอะไร? มีนี้สร้างขึ้นโดยการสังเวยราชาผีแปดหัวยังไงล่ะ”
เสียงของผู้หญิงดังเข้ามา เสียงที่ไม่นุ่มนวล หยาบกระด้างเล็กน้อย ซึ่งมีร่องรอยของความเย่อหยิ่งและความน่าเกรงขาม
ท่าทางของฉูจานเทียนและหลินกุยค่อย ๆ เปลี่ยนไป
เพราะปราณนั่นที่ทำให้พวกเขารู้สึกสั่นสะท้านครอบคลุมทั้งไปทั้งคฤหาสน์ตระกูลฉู
ความรู้สึกแบบนี้ราวกับอยู่ในลานจัตุรัสซวนวูต่อหน้า หลิงเจิ้ง
ฉูจานเทียนรู้สึกขมขื่นในใจ
เขาไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งมาเป็นจักรพรรดิวิญญาณมาอย่างง่าย ๆ ก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้ชอบรสชาติของการได้รับความเคารพและการติดตาม แล้วทำไมเขาได้เจอกับพวกฝีมือระดับสัตว์ประหลาดนี้ได้ตลอดกัน
แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลินกุยถือมีดวิญญาณไว้ในมือและตั้งท่า เขาพร้อมที่จะต่อสู้
แต่ฉูจานเทียนคำราม “ข้าไม่รู้ว่าระดับจักรพรรดิที่ไหนมา แต่มันทำให้ตระกูลฉูเปล่งประกายจริง ๆ เจ้าเผยตัวออกมาได้หรือไม่?”
ฝ่ายหญิงไม่ตอบ
บรรยากาศฝืดเล็กน้อย
หัวใจของฉูจานเทียนค่อย ๆ จมลง คนที่มาที่นี่เป็นคนไม่ดีรึเปล่า?
แต่แล้วเสียงหัวเราะของชายหนุ่มก็ดังมา “ไม่ต้องกังวล ๆ เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาหรอกนะ”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ผู้คนก็ตกตะลึง “ลั่วอู๋?”
จากนั้นลั่วอู๋ก็เดินเข้ามาในห้องโถงคฤหาสน์ตระกูลฉู ตามด้วยผู้หญิงที่ดูเย็นชาสวมชุดเกราะเลือด ริมฝีปากของนางก็เป็นสีแดงเหมือนเลือดและลมปราณของนางช่างน่ากลัว นางมีท่าทางที่ภาคภูมิในตัวเองที่สุดในโลก
ฉูจงฉวนไม่ใจจึงตะโกน “เจ้าเข้ามาให้เร็วกว่านี้ไม่ได้รึไง? เจ้าเห็นไหมว่าพ่อของข้ากลัวขนาดไหน”
ฉูจานเทียนเขกหัวของฉูจงฉวนและพูดอย่างเคือง ๆ ว่า “ใครบอกว่าข้ากลัวกัน”
ฉูจงฉวนหดคอและไม่กล้าที่จะพูดต่อ
บรรยากาศที่ตึงเครียดละลายไปในทันที
ลั่วอู๋หัวเราะและพูดว่า “ข้าขอแนะนำเจ้าให้เจ้าได้รู้จัก นี่คือผู้นำของหน่วยสยบมังกร ผู้บัญชาการหลิงหลง”
ทุกคนต่างประหลาดใจ
ใครไม่คาดคิด ลั่วอู๋บอกว่าจะเรียกผู้ที่แข็งแกร่งสุด ๆ มา แต่ก็ไม่คิดเลยว่าคนคนนั้นคือผู้บัญชาการหลิงหลง
แม้ว่าชื่อเสียงของผู้บัญชาการหลิงหลงจะไม่เป็นที่ เลื่องลือไปทั่ว แต่ในแวดวงของผู้แข็งแกร่งระดับสูง นางก็ดังเหมือนกับฟ้าร้อง เพราะความแข็งแกร่งและบุคลิกสุดภาคภูมิ
พวกเขาแทบไม่เคยได้ยินว่าผู้บัญชาการหลิงหลงมีเพื่อนที่ไหนเลย
ไม่คิดเลยว่านางจะมาปรากฏตัวเพื่อลั่วอู๋