ไหปีศาจ - บทที่ 574 การพัฒนาร่วมกัน
บทที่ 574 การพัฒนาร่วมกัน
บทที่ 574
การพัฒนาร่วมกัน
ลั่วอู๋กำลังอยู่ในสภาพที่ผิดปกติเป็นอย่างมาก
เขานั่งนิ่ง ๆ มาเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว ซึ่งก็เพื่อปรับสภาพของตัวเองให้สมบูรณ์แบบ สำหรับการพัฒนามิติวิญญาณของตัวเอง
ในการก้าวขึ้นสู่มิติวิญญาณระดับทองขั้นสูง เขาจะต้องเข้าใจแก่นแท้ทักษะอย่างน้อย ๆ หนึ่งอย่าง แก่นแท้ของทักษะล้วนมีอยู่ในทักษะทุกประเภทบนโลก ทำให้มีแก่นแท้ทักษะอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
สิ่งที่ผู้ใช้พลังวิญญาณจะต้องทำก็คือการเข้าใจในแก่นแท้ทักษะของตนเองเขา และใช้สิ่งนั้นเป็นสะพานในการก้าวขึ้นไปสู่มิติวิญญาณที่สูงขึ้น
เมื่อเขาพยายามที่จะก้าวขึ้นไปในมิติวิญญาณที่สูงขึ้น ลั่วอู๋ ก็ได้เข้าใจว่าทำไมแก่นแท้ทักษะถึงจำเป็นต่อการก้าวขึ้นสู่มิติวิญญาณระดับทองขั้นสูง
เนื่องจากทรัพยากรทางวิญญาณของมนุษย์จะหมดลงในระดับมิติวิญญาณนี้ ร่างกายจึงต้องการพลังวิญญาณจำนวนมากจากภายนอก เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงของระดับสิ่งมีชีวิตสมบูรณ์
ดังนั้นเขาจะต้องเข้าถึงแก่นแท้ของทักษะเพื่อสื่อสาร ธรรมชาติเพื่อบรรลุวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตขั้นสูงสุด
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเขาไม่สามารถก้าวไปถึงจุดนั้นได้หากยังไม่เข้าใจแก่นแท้ของทักษะ
แต่การพัฒนาดังกล่าวดูเหมือนจะยังไม่ใช่วิธีที่สมบูรณ์แบบซะทีเดียว
เพราะนี่เป็นเพียงหนทางของผู้ใช้พลังวิญญาณเท่านั้น หากเป็นพวกนักรบที่ใช้ศิลปะการต่อสู้นั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีทางออกอื่นสำหรับการเลื่อนขั้นมิติวิญญาณอยู่เช่นกัน
ลั่วอู๋กลืนน้ำลายอย่างเคร่งขรึม เพ่งพลังวิญญาณของเขาไปที่แร่พระธาตุ จากนั้นก็เอายา เทียนหยวน หนิงลินเจ็ดเม็ดกลืนลงไป
ทันใดนั้นการพัฒนาก็เริ่มขึ้น
ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ด้วยการสะสมความเข้าใจจนเพียงพอจากการต่อสู้มากมาย การพัฒนามิติวิญญาณของลั่วอู๋ นั้นดูเหมือนจะดำเนินไปได้ตามธรรมชาติ
การรับรู้ของแก่นแท้ทักษะทั้งสามเริ่มสอดประสานกันในร่างกาย เขาสามารถสื่อสารกับธรรมชาติได้สำเร็จ ทำให้พลังวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมหาศาลในห้องฝึกหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง
ลั่วอู๋เข้าสู่สภาวะแห่งความว่างเปล่าอย่างที่เขาไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน
ความรู้สึกนี้นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าในหอคอยสีขาวเสียอีก เมื่อเขาได้เข้าใจถึงแก่นแท้ของทักษะ มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีความคลุมเครือหรือความเมื่อยล้าใด ๆ ในการฝึกฝนอีก
มันสมบูรณ์แบบมาก
นี่คือของขวัญจากสวรรค์และโลก เพื่อช่วยให้เขาก้าวข้ามไปสูงมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูง
ความเข้าใจในแก่นแท้ทักษะทั้งสามแบบของเขาได้ไปถึงจุดสูงสุดของขั้นแรกแล้ว ซึ่งตอนนี้ลั่วอู๋นั้นยังไม่มีทางที่จะก้าวไปได้ไกลกว่า เพราะมันเป็นขีดจำกัดของเขา
ด้วยสภาพนี้มันก็สมควรแล้วที่เขาจะเข้าใจถึงแก่นแท้ของทักษะทั้งสามจนถึงจุดสูงสุดของขั้นแรก
แต่ลั่วอู๋ก็ยังไม่พอใจ
มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยที่จะมีโอกาสแบบนี้ ครั้งต่อไปที่จะมีโอกาสแบบนี้ เขาอาจต้องรอจนถึงตอนที่ตัวเองพยายามก้าวข้ามจากขั้นทองขั้นสูงไปขั้นเพชร
ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องใช้แก่นวิญญาณของเทพพิทักษ์เวหา
เทพพิทักษ์เวหานั้นเป็นหนึ่งในสามแก่นวิญญาณดั้งเดิมของหยู่ ซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิ โดยแก่นแท้ทักษะแห่งการทำลายล้างนั้นเป็นของเทพพิทักษ์เวหา ดังนั้นหากเขาได้รับความเข้าใจของเทพพิทักษ์เวหาเกี่ยวกับแก่นแท้ทักษะแห่งการทำลายล้าง มันก็จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้เกี่ยวกับแก่นแท้ทักษะนี้ ทุกคนที่ได้เห็นพลังวิญญาณในการต่อสู้ของมันย่อมยืนยันจุดนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นสาเหตุที่ ลั่วอู๋ ได้รับการเกริ่นนำให้รู้จักกับแก่นแท้ทักษะแห่งการทำลายล้าง มาจากการที่เขาเฝ้าดูการต่อสู้ของเทพพิทักษ์เวหา
ในปัจจุบันเขาจึงต้องการแก่นวิญญาณของเทพพิทักษ์เวหา เพื่อใช้มันช่วยปรับปรุงความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับแก่นแท้ทักษะ ซึ่งเป็นบทบาทอันสำคัญที่สุดของแก่นวิญญาณเทพพิทักษ์เวหา
ไพ่ตายหลายอย่างของเขาได้หมดสิ้นไป เพื่อแลกกับแก่นวิญญาณที่ไม่มีใครเทียบได้ของมัน มันเป็นหลักประกันอันยิ่งใหญ่ที่จะช่วยให้เขาสามารถทำความเข้าใจแก่นแท้ของทักษะได้ในอนาคต
ลั่วอู๋รีบออกจากห้องฝึกซ้อมไป
เพราะอีกไม่นานเขาก็จะได้รับการเลื่อนขั้นมิติวิญญาณเป็นทองขั้นสูงแล้ว
“เทพพิทักษ์เวหา!” ลั่วอู๋มองไปรอบ ๆ ห้อง แต่ก็ไม่เห็นร่างของหมาสีแดง
มีเพียงต้าหวงที่มีดวงตาสีเข้มและกำลังทำใบหน้าไร้เดียงสานอนอยู่
“ไม่นะ มันหายไปไหน” ลั่วอู๋พูด
ต้าหวงหดคอไม่กล้าตอบ
อย่างไรก็ตามในขณะนี้กระเพาะของต้าหวงเริ่มออกอาการเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ ความเจ็บปวดจากแก่นวิญญาณแห่งการทำลายล้างที่มันไม่สามารถอธิบายเริ่มเล็ดลอดออกมา
ต้าหวงสะอื้นนอนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง … ปวดมาก
ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็สังเกตเห็นและตกใจมาก “เจ้ากินมันเข้าไปงั้นเหรอ ไม่จริงน่า ข้าเตือนเจ้าแล้วว่าอย่ากินมัน!”
ต้าหวงอยากร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
มันไม่ได้ตั้งใจกินเทพพิทักษ์เวหาเลย มันปฏิบัติตามคำสั่งของลั่วอู๋อย่างเคร่งครัด ปกป้องเทพพิทักษ์อย่างระมัดระวัง
แต่การคิดเช่นนี้ ทำให้ต้าหวงรู้สึกผิดเล็กน้อย
สิ่งที่มันเพิ่งกลืนลงไป จากสภาพแล้วน่าจะเป็นสุนัขสีแดง
แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นความผิดของมันซะทีเดียว เจ้าหมาโง่สีแดงตัวนั้นต่างหากไม่รู้ทำไมถึงเข้ามาในปากของมัน
แต่ตอนนี้ต้าหวงปวดท้องมาก จนไม่สามารถแม้แต่จะถ่ายทอดความคิดของมันออกมาได้ มันมีอาการกระตุกและส่งเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด
หัวใจของ ลั่วอู๋ จมลงจนไม่มีความคิดที่จะตำหนิต้าหวงอีก
แก่นแท้ของเทพพิทักษ์เวหานั้นมีพลังวิญญาณมากเกินไป มันมีแก่นแท้ทักษะแห่งการทำลายล้างอยู่ ซึ่งเหนือกว่าระดับของต้าหวงมากทำให้มันไม่สามารถย่อยพลังวิญญาณของเทพพิทักษ์เวหาได้ในตอนนี้
“ นี่มันอะไรกัน?”
ลั่วอู๋คำราม “ใช้การผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณเร็ว!”
ต้าหวงนั้นไม่มีวันปฏิเสธเสียงเรียกของลั่วอู๋ แม้ว่าตอนนี้มันจะเจ็บปวดมากจนยากที่จะลุกขึ้น แต่มันก็ยังวิ่งไปหาลั่วอู๋
หนึ่งคน และหนึ่งสุนัขผสมผสานพลังวิญญาณกัน
ทันใดนั้นลมปราณของทั้งคู่ก็พุ่งสูงขึ้น
เงาของสุนัขสีเงินตัวใหญ่คำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าด้านหลังลั่วอู๋ ปลดปล่อยพลังทำลายล้างอันน่ากลัวราวกลับคลื่นยักษ์
ลั่วอู๋ทรุดลงคุกเข่าด้วยความเจ็บปวด
หากความแตกต่างของพลังวิญญาณนั้นมีมากเกินไป ทักษะกลืนกินสวรรค์ก็จะไม่สามารถกลืนกินศัตรูนั้นเข้าไปได้ แต่เทพพิทักษ์เวหานั้นได้สูญเสียความแข็งแกร่งไปมากจึงไม่อยู่ในขอบเขตนั้น
แม้จะต้าหวงจะได้รับความช่วยเหลือจากลั่วอู๋ แต่ด้วยพลังวิญญาณที่มากเกินไป ซึ่งมาจากแหล่งที่มาอันยิ่งใหญ่ของเทพพิทักษ์เวหาประกอบกับแก่นแท้ทักษะแห่งการทำลายล้าง มันจึงทำให้เขาและต้าหวงไม่สามารถต้านทานพลังนั้นได้
“ ฟู่… ”
ลั่วอู๋พยายามบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ เพื่อพยายามทำความเข้าใจแก่นแท้ทักษะอย่างถึงที่สุด โดยพยายามเข้าถึงพลังวิญญาณที่มีแก่นแท้ของทักษะแฝงอยู่
นี่มันเป็นเรื่องยากเกินไป.
ตอนนี้ลั่วอู๋นั้นสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณในแก่นแท้ทักษะของเทพพิทักษ์เวหา ซึ่งทำให้ลั่วอู๋น่าจะพอเข้าใจมันได้ ถ้าเขาทำไม่ได้แล้วละก็ เขาก็คงจะไม่สามารถเลื่อนขึ้นเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงได้สำเร็จ จากนั้นเขาก็จะไม่สามารถรักษาสถานะนี้ของเขาเอาไว้ได้อีก
ลั่วอู๋ทำได้เพียงกระซิบ “ต้าหวง ข้าจำได้ว่าเจ้าเองก็เป็นระดับทอง มิติ 10 ด้วยเช่นกัน เจ้าพอจะพยายามที่จะเลื่อนขั้นมิติวิญญาณไปพร้อมกับข้าได้ไหม”
หลังจากนั้นลั่วอู๋ก็หยิบยาวิญญาณออกมาเป็นจำนวนมากออกมา เพื่อเติมเต็มพลังวิญญาณของเขา เขากลืนมันเข้าไปเยอะมาก เพราะไม่ว่าผลข้างเคียงจะเป็นอย่างไร เขาก็ต้องเอาชนะอุปสรรคนี้ไปให้ได้
พลังวิญญาณอันน่ากลัวรุมเร้าเข้ามา
การอยู่ในสถานะของการผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณ แล้วปล่อยให้สัตว์วิญญาณพัฒนามิติวิญญาณนั้นเป็นเรื่องที่บ้าบอมาก หากประมาทไปเพียงเล็กน้อยผู้เป็นนายก็อาจได้รับผลกระทบร้ายแรง
เนื่องจากตามหลักแล้ว ผู้ใช้พลังวิญญาณจะไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพัฒนาของสัตว์วิญญาณด้วยตัวเองตรง ๆ เช่นนี้เท่าไหร่ จึงไม่มีใครทำเช่นนั้นกัน
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันลั่วอู๋นั้นไม่มีทางเลือก เพื่อขจัดพลังวิญญาณที่มากเกินไป การผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณคือหนทางเดียว ต้าหวงเพียงคนเดียวไม่มีทางดูดซับพลังวิญญาณของแก่นแท้ทักษะแห่งการทำลายล้างได้แน่ อีกทั้งยังพลังวิญญาณจากต้นกำเนิดอันน่ากลัวของเทพพิทักษ์เวหาที่เป็นดั่งจุดด่างทางแก่นวิญญาณอีก
ลั่วอู๋กัดฟันของเขาและปล่อยให้พลังวิญญาณของยาวิญญาณแล่นไปตามเส้นวงจรวิญญาณของเขา
จากนั้นเขาก็ส่งมอบพลังวิญญาณนั้นให้กับต้าหวง เพื่อช่วยให้การยกระดับมิติวิญญาณของมันเสร็จสมบูรณ์
“มาเถอะต้าหวง”
ลั่วอู๋คิด
“กรร!”
เงาของสุนัขสีเงินตัวใหญ่คำรามส่งเสียงกระจายไปทั่วห้อง ในขณะที่พลังวิญญาณแห่งการทำลายล้างกำลังกัดเซาะร่างกายของมันอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่ามันอยากจะดูดซับพลังวิญญาณเหล่านั้นเข้ามาแค่ไหนมันก็ไม่สามารถทำได้
ผิวหนังของต้าหวงแตกออก ขนสีเงินนุ่มหนา เปล่งแสงสีฟ้าพราวออกมา อย่างฉับพลัน
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ดีใจมาก
ยาปีกสีครามแห่งความมืด
ยาวิญญาณที่ได้ลั่วอู๋ได้ซื้อมาจากพระราชวังเป่ยหมิง ยาระดับเก้า – ยาปีกสีครามแห่งความมืด
โดยยาเม็ดนี้นั้นสามารถปรับปรุงความน่าจะเป็นในการวิวัฒนาการของสัตว์วิญญาณได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันสามารถซ่อนอยู่ในร่างกายของสัตว์วิญญาณ จากนั้นก็ส่งผลระเบิดออกมาได้ ในตอนที่สัตว์วิญญาณกำลังจะเลื่อนขั้นมิติวิญญาณ
เมื่อมันเริ่มส่งผลก็หมายความว่า ต้าหวงนั้นเริ่มจะเกิดการวิวัฒนาการแล้ว
แต่มันต้องมากกว่านี้
พลังวิญญาณของยาปีกสีครามแห่งความมืดหลั่งไหลออกมา เข้าห่อแก่นแท้ทักษะที่เกิดเทพพิทักษ์เวหาจากนั้นก็ค่อยๆจมลงในร่างกายของต้าหวง
ยาปีกสีครามแห่งความมืดกระตุ้นของร่างกายของ ต้าหวงราวกับว่าจะฉีกขาดออกเป็นเสี่ยง ๆ จากนั้นก็ถูกจัดโครงสร้างใหม่ฟื้นฟูขึ้นมา
พลังวิญญาณที่เป็นดั่งจุดด่างดำอันทรงพลัง ซึ่งเกิดจากการกลืนต้นแก่นวิญญาณของ เทพพิทักษ์เวหา ได้รวมเข้ากับร่างกายของมันอย่างช้าๆ