ไหปีศาจ - บทที่ 576 ทักษะใหม่
บทที่ 576 ทักษะใหม่
บทที่ 576
ทักษะใหม่
การเปลี่ยนแปลงของต้าหวงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากก่อนหน้านี้เท่าไหร่ แต่กลับดูมีอำนาจและทรงพลังกว่าเดิมมาก มันมีแผงคอสีเงินหนาเป็นชั้น ๆ ที่คอเหมือนสิงโตสีขาว
แน่นอนว่าต้าหวงไม่ชอบคำเปรียบนี้แน่
การวิวัฒนาการสำเร็จ
นัยน์สีแดงของมันมีจิตสังหารรุนแรงราวกับว่ามีพลังวิญญาณแห่งการทำลายล้างอันไม่มีที่สิ้นสุดแฝงอยู่ ลั่วอู๋ที่มองไปที่ ต้าหวง จากนั้นเขาก็เข้าใจทักษะใหม่สองอย่างในคราวเดียว
ทักษะแรก ทักษะระดับ SS [นัยน์ตาแห่งการทำลายล้าง]
แน่นอนว่าการผ่านความเสี่ยงอันยิ่งใหญ่ย่อมมีผลตอบแทนกลับมามากมาย
ต้าหวงนั้นได้ดูดซับพลังวิญญาณจากแก่นแท้ทักษะแห่งการทำลายล้างของเทพพิทักษ์เวหามาเป็นจำนวนมากในคราวเดียว แม้ว่าส่วนใหญ่จะยังคงสะสมอยู่ในร่างกายและยังไม่ถูกดูดซึม แต่มันก็ได้ให้ประโยชน์อย่างมากต่อต้าหวง
ทักษะระดับ SS นั้นเป็นอะไรที่หายากมาก
แม้แต่สัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูงระดับสูงบางตัวมีทักษะระดับ SS เพียงแค่สองทักษะด้วยซ้ำ ในกรณีส่วนใหญ่การมีทักษะ ระดับ ss มากกว่าสองทักษะนั้นคือสิทธิพิเศษของสัตว์วิญญาณระดับเพชร
แต่ตอนนี้ต้าหวงมีทักษะระดับ SS ถึงสามอย่าง
นอกจากนี้มันยังมีทักษะที่ได้มาจากแก่นแท้ทักษะแห่งการทำลายล้าง แต่ก็ยากยิ่งกว่าที่จะพูดซึ่งหมายความว่าไม่จำเป็นต้องเข้าใจกฎหมายใหม่เพื่อปรับปรุงพลังของทักษะระดับ SS
ทักษะนี้แตกต่างจากลมปราณมังกรมาก
ลมปราณมังกรนั้นมีพลังทำลายล้างอันน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง มันสามารถทำลายภูเขาและทะเลสาบให้หายไปได้ มันมีพลังอันน่ากลัวพอที่จะสามารถสร้างความเสียหายให้กับภูมิประเทศได้
อย่างไรก็ตามนัยน์ตาแห่งการทำลายล้างนั้นสามารถรวมพลังทำลายล้างอันรุนแรงนั้นไว้ที่จุดเดียวได้ ทำให้เป้าหมายที่ถูกโจมตีกลายเป็นผงในชั่วพริบตา
ในแง่ของพลังนัยน์ตาแห่งการทำลายล้างนั้นอ่อนแอกว่าลมปราณมังกรเล็กน้อย แต่ความเร็วในการปลดปล่อยพลังวิญญาณนั้นเร็วกว่ามาก ทำให้ศัตรูไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ทัน
ทักษะที่สองระดับ s [เหินฟ้า]
ทักษะนี้สามารถช่วยให้ผู้ใช้พุ่งขึ้นไปในอากาศได้ทันที ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นทักษะโจมตี ซึ่งสามารถทำให้ผู้ใช้ไปปรากฏเหนือศีรษะของคู่ต่อสู้ได้ในทันทีแล้วโจมตีลงมาข้างล่าง
มันเป็นทักษะที่ทรงพลังและใช้งานได้หลากหลาย
ลั่วอู๋พอใจกับผลลัพธ์ในครั้งนี้มาก
แต่มันก็น่าเสียดาย
แก่นวิญญาณของเทพพิทักษ์เวหานั้นช่วยให้เขาเข้าใจแก่นแท้ทักษะวิญญาณได้หลากหลาย มันจึงควรใช้เป็นเครื่องมือในระยะยาวมากกว่าของสิ้นเปลืองที่ใช้แล้วทิ้ง
แต่ในเมื่อต้าหวงกินมันไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมาคิดอีก
แก่นแท้ทักษะทั้งสามของลั่วอู๋ ทักษะการอัญเชิญและทักษะการกลืนกินได้มา ถึงจุดสูงสุดของ “การเริ่มต้น” แต่แก่นแท้ทักษะแห่งการทำลายล้างนั้นได้ไปถึงจุดสูงสุดของ “ความเข้าใจเบื้องต้น ” ในระดับที่สอง ซึ่งอยู่ห่างจากระดับที่สาม ” การหยั่งรู้ ”เพียงก้าวเดียว
ต้องบอกว่าผลลัพธ์ในคราวนี้ช่วยเขาได้มากจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะแบบไหน การจะสามารถเข้าใจแก่นแท้ทักษะในระดับเดียวกับลั่วอู๋ในตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย
“เป็นไงบ้างต้าหวง” ลั่วอู๋ ถาม
แม้ว่าการรับรู้ของผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณจะเชื่อมโยงกัน แต่ต้าหวงที่เพิ่งได้รับการวิวัฒนาการนั้นได้รับการรับรู้แบบใหม่มา
ต้าหวง คงรู้สึกได้ว่ามันทำอะไรผิดลงไป มันจึงกลับไปร่างเดิม มันย่อตัวลงอย่างซื่อสัตย์ซุกลั่วอู๋ถูไปมาสองครั้ง
“ยังพอมีเวลาอยู่” ลั่วอู๋รู้สึกแปลกใจ “มาเถอะต้าหวง มาลองกันอีกครั้ง”
หลังจากนั้นชายหนึ่งคนและสุนัขหนึ่งตัวก็ได้ผสานพลังวิญญาณกันอีกครั้ง
พลังแห่งการทำลายล้างอันบริสุทธิ์เล็ดลอดออกมาจาก ลั่วอู๋ พร้อมกับเงาของสุนัขอันทรงพลัง คำรามขึ้นไปบนฟ้าราวกับจะกลืนกินสวรรค์และโลก
ลั่วอู๋รู้สึกได้ถึงพลังบางอย่าง
แก่นแท้ทักษะแห่งการทำลายล้างได้รับการเลื่อนขั้นเป็นระดับที่สาม “การหยั่งรู้”
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงหลายคน พยายามอย่ามากเพื่อที่จะได้เชี่ยวชาญแก่นแท้ทักษะจนถึงขั้น การหยั่งรู้ แต่ลั่วอู๋นั้นกลับเข้าใจถึงขั้นนี้ตั้งแต่ในช่วงที่เพิ่งก้าวขึ้นสู่มิติวิญญาณระดับทองขั้นสูง
นี่อาจเป็นประวัติการณ์เลยก็ว่าได้
แม้ว่าคนอื่น ๆ จะมี “ยาระดับสวรรค์” ที่เทียบเคียงได้กับ ยาวิญญาณจากสวรรค์ แต่พวกเขาก็คงไม่เต็มใจที่จะใช้มันเพื่อเร่งรัดขั้นตอนนี้
เพราะมันก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ล่ะคนว่าวิธีใดดีกว่า กล่าวก็คือการปรับปรุงความแข็งแกร่งนั้นสามารถทำได้อย่างรวดเร็วในระยะสั้น หรืออาจจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไปในระยะยาวก็ได้
สิ่งที่ลั่วอู๋รู้สึกได้ในตอนนี้มันแปลกประหลาดมาก
ราวกับว่าเขาได้ก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่ การรับรู้แก่นแท้ของทักษะได้รับส่งเสริมให้เขาให้อยู่ในสถานะของ “ความเข้าใจอันชัดเจน” ในทักษะ มันทำให้เขาใช้พลังวิญญาณได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นอย่างเป็นอิสระ
“ไปเลย!”
ลั่วอู๋สะบัดนิ้วของเขา
พลังวิญญาณแห่งการทำลายล้างหลั่งไหลมาที่ปลายนิ้วของเขา จากนั้นก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วทำให้เจาะรูขนาดใหญ่ขึ้นบนกำแพง
นี่คือการประยุกต์ใช้แก่นแท้ทักษะ
ลั่วอู๋รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้เขาสามารถใช้แก่นแท้ทักษะ เพื่อสร้างทักษะของตัวเองขึ้นมาได้
แน่นอนว่าพลังของทักษะที่สร้างขึ้นนั้นรุนแรงมาก มันถูกปรับปรุงกระทั่งคุณภาพของพลังวิญญาณ แม้แต่ทักษะเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างที่ไม่เข้าตาก็อาจจะแข็งแกร่งขึ้นลิบลับด้วยแก่นแท้ทักษะ
ตอนนี้พลังทำลายล้าง ของทักษะลมปราณมังกรเองก็ทรงพลังขึ้นกว่าเดิมมาก
มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะสังหารศัตรู ที่มีความแตกต่างทางมิติวิญญาณไม่มากราว ๆ 3 – 4 มิติวิญญาณ
ลั่วอู๋, ต้าหวง และ ตวนซี ต่างไปถึงมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูง 1 กันแล้ว มีเพียงผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะที่ยังคงอยู่ในระดับทอง มิติ 10
แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะศักยภาพแก่นวิญญาณของมันนั้นได้รับการพัฒนาจนถึงระดับทองขั้นสูงแล้ว โดยที่มันไม่จำเป็นต้องรอการวิวัฒนาการ เพียงแค่ฝึกไปทีละขั้นตอน มันก็น่าจะสามารถยกระดับมิติวิญญาณเป็นระดับทองขั้นสูงได้
ลั่วอู๋ลูบหัวต้าหวง “คราวหน้าอย่ากินอะไรมั่ว ๆ อีกล่ะ ครั้งนี้พวกเราโชคดีมาก ถ้าเจ้าไม่มียาปีกสีครามแห่งความมืดละก็ เจ้าคงตายไปแล้ว”
ต้าหวง พยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา
จากนี้ไปมันคงไม่กล้ากินอะไรมั่ว ถ้ามันเจอสิ่งแปลกปลอม ต้าหวงก็คงจะรีบคายออกมาเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายเช่นนี้อีก
ลั่วอู๋เดินออกจากบ้านไปโดยมีต้าหวงเดินตามมา
นกหน้าโง่ที่ปกครองท้องฟ้ารีบบินลงมาในทันทีที่มันรู้สึกได้ถึงลมปราณของลั่วอู๋และต้าหวง มันตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
อะไรกัน!
ทองขั้นสูงทั้งคู่?
ไม่จริงน่า นี่มันเร็วไปแล้ว
นกโง่นั้นยังคงติดอยู่ในระดับทอง มิติ10 และไม่พบโอกาสในการพัฒนามิติวิญญาณต่อ
จินตนาการที่ว่าหลังจากมันพัฒนาไปถึงทองขั้นสูงแล้วจะสามารถพลิกกลับมาปกครอง มนุษย์ผู้น่าเกลียดชังและสุนัขโง่ ให้อยู่ใต้อุ้งเท้า จะไม่มีวันเป็นจริงงั้นหรือ?
ความคิดของนกโง่เสียความมั่นใจไปเล็กน้อย
ลั่วอู๋มองไปที่นกโง่ด้วยความประสงค์ร้าย “อะไรกัน เจ้าไม่พอใจกับการพัฒนาของข้างั้นเหรอ ?”
นกโง่รีบส่ายหัว
มันไม่สามารถที่จะบดขยี้ลั่วอู๋ได้จนกว่ามันจะไปถึงมิติวิญญาณระดับเดียวกัน
หากสู้ตอนนี้การสูญเสียนั้นจะมากเกินไป
นกโง่มองไปที่ลั่วอู๋อย่างประจบสอพลอแล้วก้มหัวให้อย่างคนสูงศักดิ์
สุภาพบุรุษย่อมก้มหัวได้ในยามที่จำเป็น
นี่คือสิ่งที่มันได้เรียนรู้มา
ลั่วอู๋แปลกใจเล็กน้อย ว่าแม้แต่นกโง่ก็ยังรู้วิธีก้มศีรษะ .
“เจ้าต้องการให้ข้าช่วยเจ้าก้าวข้ามกำแพงมิติวิญญาณงั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ ถาม
นกโง่พยักหน้า
“นั่นเป็นเรื่องยากพอสมควรเลยแฮะ” ลั่วอู๋ครุ่นคิด
เรื่องแบบนี้ส่วนใหญ่แล้วจะต้องพึ่งพาตัวเอง ปัจจัยภายนอกจึงมีผลเพียงเล็กน้อย ยกเว้นในกรณีของต้าหวง
ที่สำคัญศักยภาพแก่นวิญญาณของนกโง่นั้นเป็นเพียงแค่ระดับทอง
หากต้องการไปให้สูงกว่านี้ มันจะยากกว่าผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะมาก
“ถ้าเจ้าต้องการพัฒนาความแข็งแกร่งของเจ้า ข้าสามารถช่วยแก้ไขระดับแก่นวิญญาณเพื่อให้การต่อต้านของเจ้าน้อยลง นั่นน่าจะเป็นวิธีที่เร็วที่สุด” ลั่วอู๋ กล่าว
แต่นกโง่ส่ายหัวพลางกระพือปีกและชี้ไปที่ต้าหวง
มันต้องการที่จะวิวัฒนาการเหมือนต้าหวง ไม่ใช่การแก้แก่นวิญญาณแบบทั่ว ๆ ไป
มันรู้สึกได้ว่าต้าหวงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดทางแก่นวิญญาณ ไม่ใช่การแก้ไขแก่นวิญญาณทั่ว ๆ ไป มันจึงต้องการที่จะวิวัฒนาการแบบเดียวกันด้วย
ลั่วอู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วหัวเราะ“เจ้าจะต้องรออีกนานมากเลยนะ”
ยาปีกสีครามแห่งความมืด
มันต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๆ ครึ่งปีในการกลั่น
ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์หลิน ซึ่งเป็นผู้กลั่นเองก็ต้องการที่จะพักผ่อน ราว ๆ ปีนึงโดยประมาณ
นกโง่พยักหน้าเพื่อแสดงว่ามันเต็มใจที่จะรอ
แม้ว่ามันจะไม่รู้ความแตกต่างระหว่างการวิวัฒนาการและการยกระดับแก่นวิญญาณระเหิด แต่สัญชาตญาณทางชีววิทยาก็บอกเขาว่าต้าหวงนั้นมีวิธีที่ดีกว่า
ลั่วอู๋พยักหน้า “ข้าจะพยายามทำให้เจ้าได้ยาปีกสีครามแห่งความมืดมาโดยเร็วที่สุด”
นกโง่ยังคงเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับเขา
หากลั่วอู๋สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของมันได้ ก็จะเป็นเรื่องดีสำหรับเขาเช่นกัน