ไหปีศาจ - บทที่ 582 พลังแห่งดาบ
บทที่ 582 พลังแห่งดาบ
บทที่ 582
พลังแห่งดาบ
การจะเข้าถึงแก่นแท้แห่งดาบนั้นต้องการมากกว่าความรู้
ต่อให้ลั่วอู๋ได้รับความทรงจำทั้งหมดของจักรพรรดิดาบมา ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถเป็นจักรพรรดิดาบได้
เพราะมันไม่ได้ทำให้เป็นความสามารถของเขา เขาจึงไม่สามารถปลดปล่อยดาบพลังวิญญาณออกมาในรูปแบบเดียวกับจักรพรรดิดาบได้
ดังนั้นแม้ว่าการผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณจะทำให้เขาได้รับความรู้ของเสี่ยวกงมาให้กับตัวเองบางส่วน เขาก็ไม่สามารถใช้ทักษะนั้นได้อยู่ดี
แต่ตอนนี้มันต่างออกไป
ข้อมูลแก่นแท้ของดาบเหล่านั้นถูกแปลงออกมาลงเป็นทักษะอันคงที่ ทำให้ ลั่วอู๋ สามารถใช้มันได้โดยไม่ต้องทำความเข้าใจ
ลั่วอู๋อยากรีบลองทดสอบดูว่าสิ่งต่าง ๆ เป็นไปตามที่เขาคาดไว้หรือไม่
แต่เสี่ยวกงนั้นยังคงอยู่ในระหว่างฝึกฝนที่ต้องใช้สมาธิ และมันคงจะไม่ดีหากเขาไปรบกวน
ลั่วอู๋จึงเลือกที่จะรอ
หลินเจิ้งไม่กังวลเลยว่าสิ่งที่เขาสอนจะถูกขโมยไปโดยลั่วอู๋ เขายังคงก้มหน้าและตั้งสมาธิกับการแกะสลักไม้ไผ่ในมือ
บนงานแกะสลักไม้ไผ่ที่กองอยู่ข้างกระท่อมในป่าเหล่านั้น มีมดสองสามตัวเดินไปมาอย่างเงียบ ๆ และปีนเข้าไปในงานแกะสลักไม้ไผ่อย่างเอื่อย ๆ
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ
ระหว่างนี้ ลั่วอู๋ ได้แต่นั่งเฉย ๆ อย่างเบื่อหน่าย นั่งนับงานแกะสลักไม้ไผ่บนพื้นดิน
ที่นี่มีประติมากรรมไม้ไผ่ทั้งหมด 173 ชิ้น บางอันดูหยาบและปานกลาง ในขณะที่อันอื่น ๆ มีความพิถีพิถันและมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน
หลังจากแกะสลักเสร็จหนึ่งชิ้น หลินเจิ้งก็จะหยิบโถไม้ไผ่ใหม่เอี่ยมมาเพื่อทำการแกะสลักชิ้นต่อไป เขาจริงจังจนลืมกินและนอน
เขาน่าจะเพิ่งเรียนรู้วิชาการแกะสลักมาได้เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ ไม่งั้นเขาคงหาคำอธิบายไม่ได้ว่าทำไมงานแกะสลักไม้ไผ่ถึงได้มีคุณภาพไม่เท่ากัน
หลินเจิ้งกำลังก้าวหน้าในด้านนี้ ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก
ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความตั้งใจของอีกฝ่าย แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักดาบอันดับหนึ่งของโลกแล้ว แต่ด้วยท่าทีอันดื้อรั้นและจริงจังเช่นนี้ เขาก็คงสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแกะสลักไม้ไผ่ จนมีชื่อเสียงดังไปทั่วโลกได้
ในที่สุดเวลากว่า หนึ่งวันครึ่งก็ผ่านพ้นไป
เสี่ยวกง ได้ออกมาจากสภาพการณ์ฝึกฝน ฉายให้เห็นพลังวิญญาณสีทองแวววาวในดวงตาของมัน มันไม่ได้มีเพียงพลังของนัยน์ตาปีศาจเท่านั้น แต่ยังมีอย่างอื่นอีกด้วย
ทันทีที่มันเห็นลั่วอู๋ มันก็รู้สึกตื่นเต้น มันกระโดดขึ้นเกาหู จากนั้นก็ปีนขึ้นไปบนร่างของลั่วอู๋อย่างกระฉับกระเฉง เพื่อที่จะมานั่งยองๆบนไหล่ของลั่วอู๋
แม้ว่ามันจะไม่ได้เจอเขามาหลายเดือนแล้ว แต่มันก็ยังสนิทกับลั่วอู๋มาก
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องปกติ
ในโลกใบนี้ มีเพียงลั่วอู๋และหลินเจิ้งเท่านั้นที่สามารถเข้าใจมัน หลินเจิ้ง เป็นดั่งอาจารย์ผู้เข้มงวดส่วน ลั่วอู๋ นั้นเป็นดั่งพ่อผู้ใจดี มันจึงสนิทกับทั้งคู่มาก
ลั่วอู๋ลูบศีรษะของเสี่ยวกงจากนั้นก็ดึงดาบเสมือนออกมาส่งคืนให้กับเสี่ยวกง “ข้าเอามันมาคืนให้เจ้าแล้ว”
เสี่ยวกงรับเงาเสมือนของดาบต้านสวรรค์มา มันตื่นเต้นมากที่จะได้ใช้ทักษะการต่อสู้และบินไปบนท้องฟ้าด้วยดาบเล่มนี้จนแทบจะหายใจไม่ออก ส่วนหลินเจิ้งนั้นไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ ตราบใดที่มันยังรักการเรียนรู้ เขาก็จะไม่ไปบังคับอะไรมัน
ก่อนหน้านี้ เสี่ยวกง รู้สึกกดดันเล็กน้อยจาก หลินเจิ้ง ทำให้มันไม่กล้าปล่อยธรรมชาติที่มุทะลุขี้เล่นของตัวเองออกมา
แต่ตอนนี้เมื่อลั่วอู๋กลับมาแล้ว มันก็พร้อมที่จะเล่นสนุกไปกับดาบอย่างมีความสุข
ดาบเสมือนกลับมาอยู่ในมือของ เสี่ยวกง อีกครั้งทำให้มันปีติยินดีมาก
ลั่วอู๋ยื่นมือออกมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “มานี่สิ เสี่ยวกง”
ดูเหมือนเสี่ยวกงจะเข้าใจสิ่งที่ลั่วอู๋สื่อ มันเก็บดาบไปชั่วคราวด้วยความยินดี แล้วยื่นกรงเล็บเล็ก ๆ ของมันไปวางบนมือของลั่วอู๋ จากนั้นคนสองคนก็ระเบิดพลังวิญญาณแสงสีขาวออกมา
ลั่วอู๋ ส่งสะพานพันธสัญญาออกไปและ เสี่ยวกง ก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเล
แสงสีขาวส่องสว่างแพรวพราว
การทำพันธสัญญาวิญญาณได้เริ่มขึ้นแล้ว
ลั่วอู๋รู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณในร่างกายของเขา พลังวิญญาณของทะเลแก่นวิญญาณซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดลมปราณของเขาเริ่มหนาขึ้นเรื่อย ๆ
นี่คือประโยชน์ที่เข้าใจง่ายที่สุดของการทำพันธสัญญา
พลังดั้งเดิมของ สัตว์วิญญาณ และความแข็งแกร่งของมันจะถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันกับผู้ใช้พลังวิญญาณ แม้มันจะไม่ได้พัฒนามิติวิญญาณ แต่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งได้
การผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณ!
ลั่วอู๋แทบรอไม่ไหวที่จะได้ใช้การผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณ
แสงสีขาววนลงมาบรรจบกันและ พลังวิญญาณของเสี่ยวกงก็ได้หลอมรวมเข้ากับร่างกายของ ลั่วอู๋ จากนั้นเงาของลิงเผือกที่มีดาบต้านสวรรค์ในมือก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังลั่วอู๋
แม้ว่ามันจะไม่ได้มีลมปราณที่รุนแรง และไม่ทรงพลังเท่ากับต้าหวงหลังจากการหลอมรวม แต่ร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยพลังวิญญาณแห่งดาบอันรุนแรง
ลั่วอู๋หัวเราะแล้วดึงดาบระบำแห่งความตายออกมาจากมิติไห
“ลุยกันเลย!”
ใช้งานทักษะ ศิลปะแห่งจักรพรรดิดาบ
ครั้งแรกนั้นลั่วอู๋ไม่ค่อยถนัดในการใช้มันเท่าไหร่ ดาบระบำแห่งความตายลอยขึ้นไปในอากาศราวกับว่าพร้อมจะหายเข้าไปในเมฆได้ทุกเมื่อ
แต่ด้วยที่เขาอยู่ในสถานการณ์ผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณ ซึ่งแบ่งปันการรับรู้ของเสี่ยวกงมาได้ ลั่วอู๋จึงเริ่มใช้มันได้อย่างรวดเร็วและในไม่ช้าเขาก็สามารถทำให้ดาบบินไปตามความต้องการของตัวเองได้
ลั่วอู๋ชี้นิ้ว ส่งดาบระบำแห่งความตายพุ่งตรงเข้าไปในป่าไผ่ ทันใดนั้นต้นไผ่หลายร้อยต้นก็ล้มลงมาตามเสียงการฟาดฟัน
นี่มันทรงพลังมากเลยทีเดียว
ศิลปะแห่งจักรพรรดิดาบอาจจะไม่ใช่ทักษะการโจมตีที่ทรงพลังเท่าไหร่ แต่มันก็มีระยะการโจมตีที่ไกลที่สุด และน่าตื่นเต้นที่สุด
“แสดงให้ข้าดูว่าเจ้าบินไปได้ไกลแค่ไหน” ลั่วอู๋พยายามรับรู้ทิศทางของดาบวิญญาณที่บินออกไปของเขา
เมื่อดาบอยู่ห่างออกไปจากเขาประมาณสามลี้ ลั่วอู๋ก็รู้สึกได้ชัดว่าเขาเริ่มลำบากในการควบคุมมัน และเมื่อดาบอยู่ห่างออกไปมากกว่าห้าลี้ พลังในการพุ่งบินของดาบก็เริ่มลดลง และเมื่ออยู่ห่างออกไปมากกว่าสิบลี้ ดาบที่ลอยอยู่ก็ตกลงมาและเกือบสูญเสียความสามารถในการโจมตี
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือระยะการโจมตีของ ลั่วอู๋ อยู่ที่ประมาณสิบลี้
เรียกได้ว่าค่อนข้างดี
หากเขาฝึกฝนทักษะศิลปะแห่งจักรพรรดิดาบให้เชี่ยวชาญมากขึ้น และปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวเอง ระยะการโจมตีนี้ก็น่าจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน ซึ่งระยะการโจมตีสิบลี้ก็ถือว่าไกลมากแล้วสำหรับตัวเขาในตอนนี้
แน่นอนว่าหนทางนั้นยังอีกยาวไกล กว่าเขาจะไปถึงระดับสูงสุดที่สามารถโจมตีด้วยวิธีนี้จากระยะทางหลายพันลี้ แต่ลั่วอู๋ก็พอใจมากแล้วกับสิ่งที่เขาได้มา
“ลองอย่างอื่นกัน” ลั่วอู๋เรียกการดาบระบำแห่งความตายกลับมา คราวนี้เขาไม่ได้ชี้ไปที่ป่าไผ่ แต่เลือกท้องฟ้าอันกว้างใหญ่แทน
ใช้งานทักษะ [หยินเซียน]
ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็รู้สึกว่าสมองของเขาว่างเปล่า
ราวกับว่าความฟุ้งซ่านทั้งหมดได้หายไปในทันใด
มีเพียงเจตจำนงของร่างกายเท่านั้นที่ควบแน่นไปบนดาบ จากนั้นพลังวิญญาณก็ค่อย ๆ หลั่งไหลขึ้นไปบนดาบวิญญาณแทงทะลุขึ้นไปบนท้องฟ้า
ดาบวิญญาณค่อย ๆ ถูกสร้างขึ้นมา
พลังวิญญาณในเลือดของเขาไหลพลุ่งพล่าน
พลังของทักษะนี้ยังค่อนข้างธรรมดา เพราะตอนนี้ทักษะ “หยินเซียน” นั้นยังเป็นเพียงทักษะระดับ C แต่ด้วยการพัฒนาของเสี่ยวกงในอนาคตทักษะนี้จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน
จากนั้นลั่วอู๋ก็ใช้ทักษะใหม่อันสุดท้ายของเขาด้วยความคาดหวัง
ทักษะระดับ SS [วงล้อมแห่งดาบ]
ทักษะระดับ SS ไม่มีทางอ่อนแอแน่ นี่ยังไม่ได้พูดถึงปัจจัยว่าทักษะนี้เป็นสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจากหลินเจิ้งอดีตนักดาบอันดับหนึ่งของโลก
เพียงชั่วพริบตาลั่วอู๋ก็รู้สึกได้ถึงเงาดาบวิญญาณนับไม่ถ้วนที่ถูกแยกออกมาจากร่างของเขา จากนั้นพวกมันก็กลายเป็นดาบปรากฏขึ้นรอบ ๆ ตัวของเขา ครู่ต่อมามันก็พุ่งออกไปทำลายพื้นที่ กระจัดกระจายกันออกไป
จู่ ๆ ลั่วอู๋ก็รู้สึกได้
เมื่อศัตรูเข้ามาในระยะการโจมตีของตัวเอง ดาบวิญญาณเหล่านี้จะจู่โจมในทันที ราวกับว่าเขามีวิชาดาบอันหลากหลาย
ลั่วอู๋นั้นเหมือนได้กลายร่างเป็นปรมาจารย์แห่งดาบ ผู้สามารถสั่งการเงาของดาบได้ตามที่เขาต้องการ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหลังจากปล่อยทักษะนี้แล้ว เขาสามารถคงรักษาวิญญาณดาบโดยรอบเหล่านี้เอาไว้ได้เป็นเวลานาน โดยเสียพลังวิญญาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ทักษะนี้ไม่เพียงแต่เป็นทักษะที่มีพลังในการโจมตีสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นทักษะสำหรับโจมตีศัตรูที่เป็นกลุ่มขนาดใหญ่ที่ใช้พลังวิญญาณไม่มากอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถใช้แทนทักษะด้านการป้องกันได้ในระดับหนึ่งอีกต่างหาก
มันสมบูรณ์แบบมาก
หลินเจิ้งช่างคู่ควรกับการเป็นนักดาบอันดับหนึ่งของโลกจริง ๆ เพราะเขาสามารถสร้างทักษะดาบของเขาเองขึ้นมาได้ เช่นทักษะนี้ที่ทำให้ดาบวิญญาณต่าง ๆ เคลื่อนไหวไปบนท้องฟ้าอย่างอิสระ
ลั่วอู๋รู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นพูดออกมา “อาณาเขตวิญญาณ?”