ไหปีศาจ - บทที่ 615 เกาะ
บทที่ 615 เกาะ
บทที่ 615
เกาะ
ข้างในถ้ำ
ภาพมิติลวงตาของแต่ล่ะคนต่างปรากฏขึ้น ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นมาในชั่วพริบตา ผ่านฉากนับไม่ถ้วนจากความคิดของพวกเขาจากนั้นมันก็ค่อยๆสงบลง
จิตใจของพวกเขาล่องลอยออกไปเหมือนอยู่ในความฝัน
ที่นี่เหมือนเป็นดั่งจักรวาล ที่ทุกคนต่างสามารถค้นพบโลกของตัวเองได้
เหวินเสี่ยวลืมตาขึ้น
เบื้องหน้าของเขาคือทะเลสีดำอันกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด มันหยาบกร้าน เต็มไปด้วยลูกคลื่นสีดำขนาดใหญ่เข้ากระทบกับโขดหินในแนวปะการังทำให้เกิดเสียงคำรามดังไปทั่ว
เขาพบว่าตัวเองยืนอยู่บนชายหาดสีขาวบริสุทธิ์ เท้าสัมผัสกับทรายสีขาวหิมะนุ่มสบายต่อการเหยียบ
พวกมันเป็นดั่งแสงและความมืดอันตรงกันข้ามอย่างสุดขั้ว
ที่นี่ไม่มีลมทะเลเค็ม ไม่มีแสงแดดอุ่น ๆ ไม่มีร่างของนกนางนวลให้เห็นแม้แต่ครึ่งตัว เหวินเสี่ยวยืนอยู่คนเดียวระหว่างสวรรค์และโลก
“ อะไรกันเนี่ย” เหวินเสี่ยวขมวดคิ้ว
เขามองไปรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้มันแทบจะไม่มีอะไรเลย
“ช่างเป็นภาพลวงตาที่โง่เขลา” เหวินเสี่ยวพูดกับตัวเอง เขามองเห็นได้อย่างชัดเจนว่านี่เป็นภาพลวงตา เขาจึงตรงไปที่ทะเลดำแล้วตะโกนออกมา “บททดสอบบ้าบออะไรเนี่ย เอาข้าออกไปเร็ว”
ครู่ต่อมา
ทรายที่เท้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำ
โลกทั้งใบดูเหมือนจะตกอยู่ในความมืดมิด
ทว่าทะเลอันมืดมิด กลับมีแสงสีฟ้าจาง ๆ สว่างขึ้นมาพร้อมกับรอยแยกของทะเล และท้องฟ้าเองก็มีร่องรอยแสงเล็ก ๆ ส่องออกมา
ราวกับการพระอาทิตย์กำลังจะลอยขึ้นมาจากชายหาด
เหวินเสี่ยวนั้นยังคงถูกปกคลุมไปด้วยความมืด ดูเหมือนว่าตราบใดที่เขามีสมาธิพอ เขาก็จะสามารถควบคุมความมืดอันไม่มีที่สิ้นสุดรอบตัวเขาตามใจนึกได้ ด้านหลังของเขามีเงาของเทพตกสวรรค์ปรากฏขึ้น
ดวงตาของเทพตกสวรรค์นั้นทั้งเย็นชาอ้างว้างและโดดเดี่ยว ปีกทั้งหกที่สร้างมาจากความมืดอันไม่สมบูรณ์นั้นเปิดกว้าง แสดงความสูงส่งในฐานะราชาแห่งความมืด
“ทำไมนี่ถึง เป็นบททดสอบของข้ากัน” เหวินเสี่ยวเยาะเย้ย “ข้าจะไปหลงทางในความมืดได้ยังไง”
เหวินเสี่ยวหัวเราะ “ช่างไร้สาระสิ้นดี ความมืดคือข้า ข้าคือความมืด ข้าไม่เคยหลงทางในความมืด ข้าจะควบคุมความมืด”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะเงาของเทพตกสวรรค์แข็งขึ้น เรื่อย ๆ ในขณะที่ความมืดรอบ ๆ ก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ภายใต้การควบคุมของเหวินเสี่ยวมันได้เข้ามารวมอยู่ในร่างกายของเขาตลอดเวลา
ลมปราณของเหวินเสี่ยวพลุ่งพล่านอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ราวกับว่าเขากำลังจะกลายเป็นเจ้าแห่งความมืด
เหวินเสี่ยวหัวเราะอย่างดุเดือด ความรู้สึกของการควบคุมนี้มันยอดเยี่ยมมาก ความมืด? เกิดอะไรขึ้นกับความมืด? ความมืดเป็นแก่นแท้ของโลกใบนี้ยังไงล่ะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ.
แต่ในวินาทีต่อมาเสียงหัวเราะของเขาก็หยุดลง
เนื่องจากแสงสีฟ้าในทะเลนั้นส่องสว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ เหวินเสี่ยวจึงได้มองเห็นรูปร่างที่แท้จริงของแสงสีฟ้า มันคือเกาะที่กำลังลอยอยู่ในทะเลอันมืดมิดไร้ขอบเขตนี้
แม้ว่าเกาะจะมีขนาดใหญ่ แต่ก็ยังคงเป็นเพียงแค่เกาะ
เขารู้จักและคุ้นเคยกับเกาะนี้ มันคือพระราชวังเป่ยหมิงในทะเลเหนือสุดขอบบ้านเกิดของเขาและสถานที่ที่เขาตั้งใจจะปกป้องมาทั้งชีวิต
ใบหน้าของเหวินเสี่ยวมืดมน
ถึงแม้จะไม่มีลม แต่คลื่นที่หยาบกร้านสีดำอันน่ากลัวก็ซัดไปที่ขอบเกาะตลอดเวลา
“แอ่ว…”
เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดดังออกมา
จากนั้นด้วยเสียงครวญครางของสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เกาะก็เริ่มจมลงไปในทะเล
“ ไม่นะ!” เหวินเสี่ยวโพล่งตะโกนออกไป
เสียงดังขึ้นที่ฝั่ง
เขาส่งเสียงดังกึกก้องอยู่ตลอดเวลา
แต่มันก็ไม่มีประโยชน์ เกาะนั้นยังคงค่อย ๆ จมลงไป หูของเหวินเสี่ยวได้ยินเสียงของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนเรียกร้องขอความช่วยเหลือ
มันทั้งวุ่นวายและรุนแรง
เหวินเสี่ยวอดไม่ได้ที่จะเดินก้าวออกไปข้างหน้า แต่เขากลับรู้สึกลำบากใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เขารู้สึกคลุมเครือว่าเขาจะถูกทอดทิ้งโดยความมืดหากก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว
ลมปราณของเหวินเสี่ยวสั้นลง
“ตาย!”
“นี่มันนรกชัด ๆ”
“พวกเขาทั้งหมดกำลังจะตาย”
เหวินเสี่ยวคำรามพลางมองไปยังความมืดอันไร้ขอบเขต “ข้าจะกลายเป็นราชาแห่งโลกมืด ผู้ควบคุมทุกสิ่ง และจะไม่มีใครมาหยุดข้าได้”
เขาส่งเสียงคำรามเขย่าโลก
ความมืดเข้ามาปกคลุมร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง
ขณะเดียวกันแสงสีฟ้าในทะเลก็เริ่มสลัวลง เกาะค่อย ๆ จมลงไปอีก ราวกับกำลังจะถูกกลืนไปในทะเลอันมืดมิด
ทันใดนั้นเองอกของเหวินเสี่ยวก็เปล่งแสงอันบริสุทธิ์ออกมา
เงาสีขาวได้มาปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาอย่างช้าๆ
เงานั้นมีรูปลักษณ์เหมือนกับเขา
“เราจะช่วยพวกเขากัน” เงาสีขาวกล่าว
เหวินเสี่ยวกล่าวอย่างเย็นชา “จะให้ข้าทำอะไรได้เล่า ตอนนี้ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพระราชวังเป่ยหมิงแล้ว เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ”
เงาสีขาวเงียบ
“เกิดอะไรขึ้น?” เหวินเสี่ยวกล่าวด้วยความเย้ยหยัน
“ข้ากลัว…”
เหวินเสี่ยวหัวเราะ “ฮ่าฮ่า เจ้ากลัวงั้นหรือ เจ้าบอกว่าเจ้ากลัวเนี่ยนะ เจ้าไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจเลยหรือ เจ้าต้องการเป็นนักบุญไม่ใช่รึไง ! เจ้ายังมีเวลามากลัวอีกอย่างกันเหรอ”
เงาสีขาวมองไปที่เหวินเสี่ยวเงียบ ๆ จนเหวินเสี่ยวหัวเราะไม่ออกอีกต่อไป
“ใช่ ข้ากลัว” เงาสีขาวชี้ไปที่ทะเลดำแล้วพูดช้าๆ “ถ้าข้าเข้าไปใกล้ เจ้าข้าคงจะต้องถูกความมืดกลืนกิน”
“ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ตายไปเถอะ” ดวงตาของเหวินเสี่ยวฉายแววตาอันบ้าคลั่งและเปี่ยมไปด้วยความสุข
“ข้าคือเจ้า” เงาสีขาวพูด
“ ไม่!” เหวินเสี่ยวกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ข้าคือข้า”
เงาสีขาวถอนหายใจ
จากนั้นเขาก็ลอยเข้าไปในทะเลอันมืดมิด คลื่นความมืดเข้าซัดกลืนร่างสีขาวในทันทีจนไม่เหลืออะไรอีก
แสงสีขาวที่เป็นรอยแยกของทะเลและท้องฟ้าดูเหมือนจะหรี่ลงไปมาก
โลกทั้งใบดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นความมืดมิดอันบริสุทธิ์
หลังจากเงาสีขาวจากไป เหวินเสี่ยว ก็รู้สึกสบายใจโดยคิดว่าเขาได้ทิ้งภาระอันหนักอึ้งบางอย่างออกไปแล้ว
ความมืดไหลเข้ามาในร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขารู้สึกสบายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เขารู้สึกถึงความสุขที่ไม่เคยมีมาก่อน ความสุขนี้เปรียบได้กับความรักของชายและหญิงอันบริสุทธิ์ หรือการได้ครอบครองอำนาจอันทรงพลังสุดขั้ว
สมบูรณ์แบบ
เขารู้สึกเหมือนได้ขึ้นมาถึงจุดสูงสุด
โลกเริ่มมืดมิดลงเรื่อย ๆ
แสงไฟสีฟ้าและสีขาวล้วนมอดลง
ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา บัดนี้เขาคือราชาแห่งความมืด
เขาหลับตาและสนุกไปกับมัน
แต่น่าแปลกที่เขามักจะมีภาพบางอย่างอยู่ในความคิด ที่เขาลืมมันไม่ลงเสียที
เงาสีขาว
พระราชวังเป่ยหมิง
เขาอยากจะลืม แต่เขาก็พบว่าภาพเหล่านี้ชัดเจนขึ้นเรื่อย เป็นดั่งอาการจุกเสียดที่อธิบายไม่ได้จากในอกของเขา
เหวินเสี่ยวกุมอกของตัวเองแล้วลืมตาตื่นขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความบ้าคลั่ง
“นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร”
เขาไม่ได้กลมกลืนไปกับความมืดมิดโดยสมบูรณ์
เหวินเสี่ยวจ้องมองไปยังเกาะที่จมลงไปในทะเล
สายธารแห่งความเสียใจและความเศร้าไหลเข้ามาในหัวใจของเขา
เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ความคิดของการช่วยเหลือเต็มอยู่ในจิตใจของเขา
แสงสีฟ้าจาง ๆ กะพริบและกำลังจะดับลง ตอนนี้คลื่นสีดำขนาดใหญ่กำลังจะตกลงมาเพื่อบรรลุภารกิจสุดท้ายของมัน
“ ไม่!” เหวินเสี่ยวคำราม เลือดสีแดงฉานไหลออกมาพร้อมกับน้ำตาจากมุมตาของเขา
เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างเจ็บปวด
ความมืดดูเหมือนจะกลายเป็นมือนับไม่ถ้วนคอยดึงตัวเขาตลอดเวลา ไม่ยอมปล่อยให้เขาจากไปไหน เสียงอันน่าหลงใหลนับไม่ถ้วนดังเข้ามาในหูของเขา
“ข้าต้องออกไปจากที่นี่”
เหวินเสี่ยวแทบรอไม่ไหวที่จะก้าวขาทั้งสองของเขาออกไป เขาอยากกลับไปยังบ้านเกิด ความคิดบ้า ๆ นี้ ระงับความปรารถนาทั้งหมด
ทันใดนั้นความมืดก็แตกสลาย
เขาตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง
ในขณะนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ ถึงคำพูดของนักบุญก่อนที่เขาจะจากไป
“ไม่ว่าแสงจะสว่างแค่ไหนก็จะมีความมืดอยู่เสมอ แต่ไม่ว่าจะความมืดจะมืดมิดแค่ไหนก็จะมีร่องรอยของแสงสว่างเสมอ”
อาจารย์ของเขาคาดเดาเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้อย่างนั้นเหรอ ?
เหวินเสี่ยวว่ายลงไปในทะเลอันมืดมิด เขาว่ายน้ำอย่างบ้าคลั่งไปที่พระราชวังเป่ยหมิงจนหมดแรงจมลงไปในน้ำหายใจแทบไม่ออก
ในขณะที่เขากำลังจะหมดสติ แสงสีขาวที่รอยแยกของทะเลและท้องฟ้าก็สว่างขึ้น พร้อม ๆ กับสภาพแวดล้อมทุกอย่างรอบตัวเขา
เขาเกิดมาในความมืดมิด
แต่เขาก็ยังโหยหาแสงสว่าง
เกาะนั้นคือแสงสว่างของเขา