ไหปีศาจ - บทที่ 617 ผลสรุปทั้งหมด
บทที่ 617 ผลสรุปทั้งหมด
บทที่ 617
ผลสรุปทั้งหมด
หลี่หยินเป็นคนแรกที่ออกมา
เพราะนางไม่มีความลังเล นางจึงเลือกที่จะล้มเลิกการทดสอบของตัวเองในทันที
ผลคือนางล้มเหลว
ทันทีที่หลี่หยินออกมาจากถ้ำ นางก็พบว่าลั่วอู๋กำลังรออยู่ด้านหน้า นางจึงก้มหน้าลงไปอย่างเขินอาย “นายน้อย”
ลั่วอู๋ตื่นขึ้นมาจากการฝึกสมาธิ พลางมองไปยังหลี่หยินด้วยความประหลาดใจ “เจ้าออกมาเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร กันเนี่ย ? เจ้าผ่านการทดสอบแล้วงั้นหรือ?”
จากการคำนวณเวลาแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะเพิ่งผ่านไปเพียงวันเดียวเท่านั้น
ดูเหมือนว่าระหว่างข้างนอกและข้างในถ้ำการไหลของเวลาจะต่างกันเป็นอย่างมาก หลี่หยินรู้สึกว่าตัวเองอยู่ข้างในนั้นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น แต่เมื่อออกมาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งวันแล้ว
หลี่หยินส่ายหัว นางพูดผลลัพธ์ออกมาอย่างรู้สึกผิด “ข้าล้มเหลวเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” “ ไม่เป็นไร มันไม่ใช่เรื่องใหญ่” ลั่วอู๋ปลอบโยน
“นายน้อย ท่านออกมาเร็วกว่าข้าอีก ถ้าท่านล้มเหลวพวกเราจะทำอย่างไรกันดี ถ้ามีคนล้มเหลวอีกครั้งละก็ ท่านหม่าเฉินจะไม่ช่วยพวกเรานะเจ้าคะ”
ลั่วอู๋ลูบหัวหลี่หยินแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องเป็นห่วงไป นายน้อยของเจ้า ผ่านการทดสอบแล้ว”
“ เยี่ยมมากเจ้าค่ะ นายน้อยท่านเก่งมากจริง ๆ”หลี่หยินรู้สึกโล่งใจ ความรู้สึกผิดของนางก็จางหายไปมากเลยทีเดียว
แต่นางก็ยังรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
เพราะความล้มเหลวของตัวเอง ทำให้พวกเขาสามารถล้มเหลวได้อีกเพียงคนเดียวเท่านั้น
พวกเขาทั้งสองรอคนอื่น ๆ อยู่นอกถ้ำ
ครึ่งเดือนต่อมาผู้เข้าทดสอบคนที่สองก็เดินออกมาจากถ้ำ
นางคือ หลินยูหลัน
หลินยูหลันตัวสั่นเล็กน้อย นางจับมือขวาของนางไว้แน่นราวกับมีด เมื่อนางออกมาจากถ้ำนางยังคงอยู่ในสภาพตกตะลึงอยู่นาน ก่อนจะผ่อนคลายลง
ท่านหม่าเฉินกล่าวเบา ๆ “เจ้าผ่าน”
“ ยินดีด้วย” ลั่วอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลินยูหลันถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
อารมณ์ของนางสงบลง ความสั่นสะเทือนทางจิตใจ ความมั่นคงในจิตใจกลับมา ความฉุนเฉียวและแรงกระตุ้นในอดีตดูเหมือนจะหายไปแล้ว
ภาพลวงตานั้นเป็นเพียงการมองหาข้อบกพร่องทางจิตใจ มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงบุคลิกของตัวบุคคล ดังนั้นความรู้สึกเหล่านั้นจึงกลับลงไปยังส่วนลึกของจิตใจอีกครั้ง
“ข้าเป็นคนที่สามงั้นเหรอ?” หลินยูหลันถาม
ลั่วอู๋พยักหน้า “ใช่”
“ยิ่งออกมาช้า ก็หมายความว่าตกอยู่ในมิติแห่งภาพลวงตานานขึ้นไม่ใช่เหรอ ?” หลินยูหลัน ถามอย่างสงสัย นางไม่เห็น ฉูจงฉวนเดินออกมา ดังนั้นนางจึงกังวล
ลั่วอู๋ไม่แน่ใจ เพราะเขาไม่ได้เข้าสู่มิติภาพลวงตาจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ท่านหม่าเฉิน
ท่านหม่าเฉินไม่ได้แสร้งทำเป็นอธิบายอย่างลึกซึ้ง เขาอธิบายว่า “มันไม่แบบนั้นหรอก ข้อบกพร่องทางจิตใจของทุกคนล้วนแตกต่างกัน ระยะการไหลของเวลาในภาพลวงตาที่เกิดขึ้นเองก็แตกต่างไปตามบุคคลเช่นกัน ดังนั้นเวลาที่ใช้ในการเอาชนะข้อบกพร่องทางจิตใจจึงไม่ได้แสดงถึงผลลัพธ์”
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ลั่วอู๋ก็เข้าใจ
การเอาชนะอุปสรรคทางจิตใจของตัวเอง
บางคนอาจจะมีเงื่อนไขเดียว บางคนอาจจะต้องทำหลายอย่าง
เวลาที่ใช้เองก็ย่อมต่างกัน
ประโยชน์ที่ได้เองก็ยังแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แน่นอนว่าหากการแก้ไขข้อบกพร่องทางจิตใจไม่ได้ก็ย่อมส่งผลกระทบที่แย่ได้เช่นกัน
ทั้งสามได้แต่รอต่อไป
ห้าวันต่อมา
คราวนี้หยู่เฮาเดินออกมาจากถ้ำ
เขาดูเด็ดเดี่ยวราวกับภูเขาที่ยากจะสั่นไหว เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถเอาชนะข้อบกพร่องทางจิตใจของตนเองได้ และได้รับผลประโยชน์มามากมาย
เขาทำให้ท่านหม่าเฉินพอใจมาก
เขามีคุณค่าพอที่จะถูกเลือกให้เป็นผู้สืบทอดจริง ๆ
หลังจากการทดสอบครั้งนี้ ความเชี่ยวชาญในการใช้ความบ้าคลั่งอันไม่สิ้นสุด อาจจะสูงขึ้นไปกว่า 20 % ซึ่งถือว่าการยกระดับความแข็งแรงที่สูงมาก
สิบวันต่อมา
เหวินเสี่ยวเดินออกมาจากถ้ำ
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็เกิดขึ้น รอยยิ้มของเขาดูอ่อนโยนและสงบ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนได้รับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ โดยมีภูตปีกแสงบินอยู่รอบ ๆ
ลั่วอู๋แปลกใจ “เจ้ากลับมาแล้วเหรอ?”
“ อย่างที่เจ้าพูดนั่นแหละ” เหวินเสี่ยวพยักหน้าจากนั้นโค้งคำนับอย่างจริงจัง “ลั่วอู๋ ขอบคุณเจ้ามากสำหรับเรื่องในครั้งนี้”
“ไม่เป็นไร ข้ายินดีต้อนรับ” ลั่วอู๋โบกมือถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “เจ้ากลับมาจริง ๆ แล้วงั้นเหรอ?”
“เขา” คนนี้คู่ควรกับรุ่งอรุณอันอบอุ่น ต่างจากบุคลิกด้านมืด
เหวินเสี่ยวตอบว่า “เขาแค่เหนื่อย เขาเลยกลับไปพักผ่อน ข้าเลยได้กลับมาควบคุมร่างกายของตัวเองไปก่อน”
ผู้คนต่างตกตะลึง
เขาจะเลือกที่จะให้อีกบุคลิกได้กลับมาควบคุมร่างกายงั้นเหรอ?
นี่มันยอดเยี่ยมมาก
“หลังจากนี้จะเป็นยังไง?” “เจ้าจะให้เขากลับมาควบคุมร่างกายของเจ้าอีกสินะ” ลั่วอู๋กล่าว
เหวินเสี่ยวถึงกับพยักหน้า “เขาเป็นบุคลิกของข้าที่แยกออกเพื่อหลีกหนีความเป็นจริง แม้ว่าเขาจะมีอารมณ์รุนแรง แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะผลัดกันควบคุมร่างกาย”
คงไม่มีใครไม่คาดคิด ว่าประสบการณ์ในมิติภาพลวงตา จะทำให้เหวินเสี่ยวมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้
ไม่มีใครรู้ว่าเหวินเสี่ยวผ่านประสบกับการต่อสู้ทางจิตใจแบบไหนมา
“หลังจากนี้ เจ้าพร้อมที่จะอยู่ร่วมกันแบบนี้ต่อไปรึเปล่า?” ลั่วอู๋ ถาม
“ไม่หรอก ข้าจะทำตามแผนเดิมแน่นอน” เหวินเสี่ยวส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “ยังไงพวกเราก็ควรแยกกัน เขาอารมณ์เสียกับข้าบ่อยเกินไป และข้าเองก็ไม่ชอบเขา”
แม้ว่าเหวินเสี่ยวจะเปลี่ยนไป
แต่แผนที่จะแยกร่างนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ตอนนี้เหลืออีกเพียงสองคนก็คือ องค์หญิงเจียโรวผู้อ่อนโยน และฉูจงฉวน
อีกสิบวันผ่านไป
ในที่สุด ฉูจงฉวน ก็เดินออกมาจากถ้ำมองไปยังแสงแดดจ้า พลางถอนหายใจ “โลกแห่งความเป็นจริงยังปกติดี จินตนาการก็คือจินตนาการ”
ดูเหมือนเขาจะไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
อย่างไรก็ตามมีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองได้อะไรกลับมา
“ในที่สุดเจ้าก็ออกมา พวกข้ารอเจ้ามานานแล้ว” ลั่วอู๋หัวเราะ
ฉูจงฉวน กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าขอโทษที่ออกมาช้าไปหน่อย”
หลินยูหลัน โค้งงอริมฝีปากของนาง พลางพูดด้วยความไม่พอใจ “ทำไมพวกข้าต้องรอเจ้านานขนาดนี้ด้วย?”
“อืม … ” ฉูจงฉวน พูดในเชิงบวก “ภาพลวงตาของข้ามันอันตรายมาก ข้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการกำจัดเหล่าปีศาจ”
หลินยูหลัน เย้ยหยัน “ข้าพอจะเดาออกว่ามันเป็นดินแดนแห่งความฝันแบบไหน ข้าว่าเจ้ากำลังโกหก เพราะเจ้าน่าจะรู้ตัวว่ามันเป็นภาพลวงตาและพยายามหาความเพลิดเพลินไปกับมัน”
มือของฉูจงฉวนไม่ได้สั่น เขาไม่ได้เจอเรื่องที่น่ากลัวมาแน่ ๆ
ฉูจงฉวนไม่มีทางหนีพ้น หลินยูหลัน รู้จักเขาดีเกินไป
ฉูจงฉวน ทำได้เพียงยิ้มอย่างเชื่องช้าแล้วพูดปัดว่า “หลินยูหลัน เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร”
“ฮึ่ม” หลินยูหลัน ตะคอก “ต่อจากนี้ไป เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในห้วงมิติลวงตาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเจ้ารู้ตัวว่ามันเป็นภาพลวงตา!”
“ได้ข้าสัญญา” ฉูจงฉวน กล่าวอย่างรีบร้อน
ตอนนี้เหลือเพียงองค์หญิงเจียโรวคนเดียวเท่านั้น
นี่ไม่ได้หมายความว่านางใช้เวลานาน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม
ท่านหม่าเฉิน หลับตาลง ลั่วอู๋ และคนอื่น ๆ ไม่กล้าถามและเลือกที่จะรอต่อไป
ในที่สุด สิบห้าวันต่อมาองค์หญิงเจียโรวก็เดินออกมาจากถ้ำ
องค์หญิงเจียโรวดูสับสน
นางไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เจ้าออกมาได้แล้ว” ลั่วอู๋ถอนหายใจอย่างโล่งอก
แม้แต่ฉูจงฉวนที่จงใจหลงระเริงไปกับภาพลวงตายังออกมาก่อนนางเป็นเวลานานพอตัว เขาจึงกังวลเกี่ยวกับองค์หญิงเจียโรวมาก
“เจ้าสัมผัสถึงภาพลวงตาแบบไหนกัน?” ลั่วอู๋ ถาม
“ข้าไม่ได้มีประสบการณ์เจอภาพลวงตาใด ๆ เลย” องค์หญิงเจียโรวมองอย่างงง ๆ “ข้าแค่ฝันว่าข้ากำลังอยู่ในโลกอันสวยงาม มีต้นไม้ และภูตอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่มีร่องรอยของความสกปรกและความขุ่นใด ๆ ข้าอยู่ที่นั่นสักพักแล้วข้าก็ออกมา”
ทุกคนต่างสับสน
เพราะนอกจาก ลั่วอู๋ คนอื่น ๆ ต่างก็เคยผ่านห้วงมิติภาพลวงตามากันแล้วทั้งนั้น
แม้ว่าความห้วงมิติภาพลวงตาจะแตกต่างกัน แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือผู้เข้าทดสอบต้องตัดสินใจเลือกทำอะไรบางอย่าง
มันแปลกมากที่ภาพลวงตาจบลงเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามนางก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร บางทีองค์หญิงเจียโรวอาจเลือกอะไรบางอย่างไปแล้วก็เป็นได้ แต่นางลืมไปแล้ว
และแล้วการทดสอบของพรรคพวกลั่วอู๋ก็จบลงในที่สุด