ไหปีศาจ - บทที่ 626 จับแมลง
บทที่ 626 จับแมลง
บทที่ 626
จับแมลง
ลมปราณอันละเอียดอ่อนและทรงพลังนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปในทันที
เพราะพวกเขาทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณของตัวตนอันยุ่งเหยิงและแข็งแกร่ง แปลกมากที่มันอยู่ไม่ไกล แต่พวกเขากลับไม่สังเกตเห็น
ต่อมาแมลงแปลก ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนก็วิ่งออกมาจากป่าแทรกผ่านต้นไม้จนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ กิ่งก้านและใบไม้ร่วงหล่นลงมานับไม่ถ้วน
แมลงเหล่านี้มีขนาดประมาณครึ่งกำปั้น มันมีปีกมันวาวสีทองทั่วตัว หน้าอกและหน้าท้องของพวกมันเชื่อมต่อกันด้วยเอวที่เรียวยาว พวกมันคล้ายตัวต่อมีสีดำแหลมคมที่หน้าท้อง เปล่งแสงเย็น ๆ ออกมา
พวกมันมีดวงตาที่ใหญ่โตที่สามารถรับรู้การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ได้อย่างง่ายดาย ด้านหลังพวกมันมีปีกคู่หนึ่งที่บางราวกับปีกของจักจั่น ซึ่งสั่นสะเทือนด้วยความเร็วอันน่ากลัวและสามารถฟันศัตรูได้เหมือนใบมีดอันคมกริบ
มีแมลงแปลก ๆ เหล่านี้ประมาณพันตัว มากเพียงพอที่จะปิดกั้นทุกทางหนีของพวกลั่วอู๋ ลมปราณของพวกมันไม่ได้รุนแรง แต่เมื่อมารวมตัวกันแล้วก็ทำให้พวกเขารู้สึกหนาวสันหลังได้
“นี่คือจักจั่นทองคำ สัตว์วิญญาณระดับเงิน เข็มพิษของพวกมันสามารถทำให้คนเป็นอัมพาตและสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวได้” หยู่เฮาอธิบายอย่างรวดเร็ว “ถึงแม้ว่าพิษจะไม่รุนแรง แต่พวกมันมีจำนวนหลายแสนตัว หากโดนจู่โจมทั้งฝูงต่อให้ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูง ก็คงไม่รอด”
“แน่นอนพวกเราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งเดียวที่ควรรู้ก็คือพวกมันมีปากและปีกอันแหลมคมและพวกมันจะจับกลุ่มเพื่อแบ่งปันเหยื่อของพวกมัน”
หยู่เฮายกขวานเหล็กแห่งความโกลาหลขึ้น ขวานนั้นถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของน้ำค้างแข็งสีขาว ราวกับว่ามันเป็นขวานน้ำแข็ง
“แมลงชนิดนี้จัดการได้ไม่ยาก” หยู่เฮา ฟาดฟันขวานเหล็กแห่งความโกลาหล ส่งน้ำค้างแข็งพุ่งออกไปทำให้อุณหภูมิโดยรอบต่ำลง
นี่เป็นทักษะ ระดับ s ไม่ผิดแน่
ลั่วอู๋ไม่ได้คาดคิดเลยว่าพลังในการควบคุมทักษะของหยู่เฮาจะแข็งแกร่งถึงขนาดที่เขาสามารถใช้อาวุธเพื่อเสริมทักษะของเขาได้
ทักษะลมหายใจนั้นไม่จำเป็นต้องอ้าปากเพื่อปล่อยพลังเสมอไป ตราบใดที่ผู้ใช้มีความสามารถในการควบคุม และความแข็งแกร่งของร่างกายที่ดีพอ พลังนั้นจะสามารถถูกส่งออกมาได้ทุกส่วนตามที่ต้องการ
เพียงชั่วพริบตาป่าทั้งผืนก็กลายเป็นแผ่นน้ำแข็ง
แม้แต่อากาศยังเริ่มที่จะกลั่นตัวเป็นน้ำแข็ง ลมหายใจน้ำแข็งที่กระจายออกไปตามทิศทางของการฟาดฟันนั้น ได้แช่แข็งทุกอย่างอย่างรวดเร็ว แม้แต่อากาศก็ยังแข็งเป็นน้ำแข็ง ไม่ต้องพูดถึงเหล่าจักจั่นทองคำเลยว่าพวกมันรอดหรือไม่
พวกมันกลายเป็นน้ำแข็งก้อนใหญ่ที่มีรูปร่างดั่งกระแสน้ำ
จักจั่นทองคำจำนวนนับไม่ถ้วน ถูกแช่แข็งอย่างละเอียดอ่อนราวกับประติมากรรมน้ำแข็ง
หยู่เฮา เคาะเบา ๆ ที่ก้อนน้ำแข็ง จากนั้นน้ำแข็งทั้งหมดก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระจัดกระจายลงบนพื้น
จักจั่นทองคำกลุ่มใหญ่กลายเป็นกากน้ำแข็งในทันที
“พวกมันแต่ล่ะตัวไม่ได้แข็งแกร่ง ตราบใดที่พวกเจ้าใช้ทักษะการโจมตีเป็นวงกว้าง พวกเจ้าก็จะสามารถฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดาย”
หลังจากเสร็จสิ้นทั้งหมดนี้หยู่เฮาก็พูดต่อ “สัตว์วิญญาณประเภทนี้ก้าวร้าวมากขึ้นเมื่อพวกมันถูกรบกวน พวกมันจะโจมตีเป้าหมายในทันที แต่สิ่งที่ลำบากที่สุดก็คือ ในตอนที่พวกมันสงบ ลมปราณของพวกมันจะถูกยับยั้งโดยสมบูรณ์ จนยากที่จะตรวจจับ ”
เนื่องจากลมปราณของพวกมันสงบโดยสมบูรณ์ ดังนั้นเมื่อเดินทางไปในป่าทึบ คนที่ผ่านมาก็อาจจะไม่สนใจ ดังนั้นจึงง่ายที่จะเผลอไปรบกวนพวกมัน
เมื่อมองไปที่กากน้ำแข็งตรงพื้นดิน ลั่วอู๋ดูเหมือนว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่าง “หรือก็คือการรับรู้ของพวกเราอาจไม่ได้ผลกับมัน? เพราะลมปราณของพวกมันไม่ได้รับความสนใจจากเรา”
“ถูกต้อง” หยู่เฮาหยิบขวานเหล็กแห่งความโกลาหลเก็บไปอีกครั้งแล้วพยักหน้า
ทุกคนเข้าใจดี
บางครั้งประสบการณ์ก็มีความสำคัญมากกว่าความสามารถในการรับรู้
นี่ทำให้พรรคพวกลั่วอู๋ทุกคนตื่นตัว
หยู่เฮา สามารถพบจักจั่นทองคำจากระยะไกลได้ด้วยประสบการณ์ แต่พวกเขาทำเช่นนั้นไม่ได้ดังนั้นพวกเขาจึงต้องตั้งสมาธิ
ลั่วอู๋คิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงปล่อยกองทัพผีออกไปหลายร้อยตัว “พวกเจ้าออกไปตรวจสอบดูแล้วรายงานให้ข้ารู้ หากพบสิ่งผิดปกติ”
เหล่าผีพยักหน้าแล้วจึงลอยออกไปอย่างรวดเร็ว
นี่ถือได้ว่าเป็นเพียงการรับประกันเท่านั้น เพราะผีอาจจะไม่สามารถค้นพบอันตรายแท้จริงที่ซ่อนอยู่ได้
“พวกเรามีหยู่เฮาอยู่ที่นี่ก็ไม่มีปัญหาแล้วล่ะมั้ง” ฉูจงฉวน กล่าว “เจ้ามีประสบการณ์มากมายในป่าแห่งนี้ใช่ไหมล่ะ?”
หยู่เฮา กลอกตาของเขาแล้วพูด “เจ้าเติบโตมาในราชวงศ์มังกรเร้นกาย แล้วเจ้าสามารถจดจำสัตว์วิญญาณทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในราชวงศ์มังกรเร้นกายได้รึเปล่า?”
ฉูจงฉวน ถูกมัดลิ้นอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาตกอยู่ในสถานะที่แย่จริง ๆ
สัตว์วิญญาณมีหลากหลายชนิดมากเกินไปบนโลกนี้ สถานที่ต่าง ๆ ล้วนมีสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน มันจึงยากที่จะจดจำสัตว์วิญญาณทั้งหมดได้
“ไม่ได้สินะ” หยู่เฮา กล่าว “ยิ่งไปกว่านั้นภูเขาแห้งแล้งมีพื้นที่ใหญ่กว่าราชวงศ์มังกรเร้นกาย และมี สัตว์วิญญาณมากกว่า ข้ารู้จักสัตว์วิญญาณทั้งหมดมากที่สุดก็ราว ๆ 30 % และข้าขอบอกเลยว่ามีสัตว์วิญญาณแมลงอย่างน้อย 500 ชนิดที่สามารถเป็นภัยคุกคามต่อพวกเราได้”
ในเวลานี้ดวงตาของลั่วอู๋ก็สว่างขึ้น “มีแมลงมากมายในภูเขาแห้งแล้งงั้นหรือ?”
“แน่นอน ที่นี่มีแมลงมากที่สุดแล้ว แม้แต่ข้าเองก็มักจะพบเจอกับแมลงที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน” หยู่เฮา พยักหน้า
เพราะเหตุนี้ภูเขาแห้งแล้งจึงอันตรายมาก จนผู้คนในภูเขาแห้งแล้งสามารถฝึกฝนสัญชาตญาณในการต่อสู้อันน่ากลัวของพวกเขาได้
ลั่วอู๋ครุ่นคิดสักครู่แล้วพูดด้วยรอยยิ้มอย่างลำบากใจ “อืมทุกคนน่าจะรู้ว่า ข้าชอบสะสม … ”
คนอื่น ๆ ต่างมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยความเงียบ
“เจ้าจะไม่เอาพวกแมลงเข้ามาในมิติไหใช่ไหม?” องค์หญิงเจียโรวถาม นางกอดอกอย่างไม่สบายใจ “พวกมันน่ากลัวมากเลยนะ”
มีหญิงสาวจำนวนไม่น้อยที่เกลียดแมลง โดยเฉพาะหนอนตัวใหญ่
และมีเพียงน้อยคนนักที่จะชอบแมลง
เพราะพวกมันน่าเกลียดมากและอ่อนแอ
แม้แต่หลี่หยินที่มักจะไม่แสดงความคิดเห็นในเกือบทุกเรื่องก็ยังพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของ องค์หญิงเจียโรว
“ อืม พวกเจ้ากลับเข้าไปในมิติไหก่อนเถอะ” ลั่วอู๋ หันไปมอง ฉูจงฉวนและคนอื่น ๆ “ส่วนพวกเราไปจับกันแมลงกัน”
หยู่เฮา ไม่ได้คัดค้าน
เหวินเสี่ยวไม่มีความเห็น
ฉูจงฉวน ดูเหมือนจะไม่ชอบแมลง แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกกลัว หลังจากลังเลสักพักเขาก็ตอบตกลง
แม้ว่าพวกเขาจะยังคงเดินไปในทิศทางของป่าแห่งอสูร แต่ทั้งสี่คนก็เริ่มมองหาร่องรอยของแมลงอย่างมีสติ
เพราะลั่วอู๋ไม่ได้เลือกว่าต้องเป็นแมลงแบบไหน เขาต้องการทุกอย่างไม่ว่าจะแข็งแรงหรืออ่อนแอดังนั้นพวกเขาจึงรีบจับแมลงจำนวนมากเข้ามา
มันใช้เวลามากกว่าที่คิด
แต่เพื่อที่จะปลดผนึกหนังสือสัตว์วิญญาณเขาก็ต้องทำ นี่เป็นความลับหลักของไหปีศาจ ที่ลั่วอู๋ยังไม่ได้เปิดเผยให้คนอื่นรู้
เนื่องจากพวกเขาถูก สัตว์วิญญาณ ทำให้เสียสมาธิพวกเขาจึงเดินทางช้าลงอย่างมากโดยธรรมชาติ
สิบวันต่อมาพวกเขาได้มาถึงต้นไทรเก่าแก่ขนาดใหญ่ ต้นไทรเก่าแก่นั้นดูอุดมสมบูรณ์ปกคลุมท้องฟ้าบดบังแสงแดด นอกจากนี้ยังมีหมอกสีขาวลึกลับปกคลุมอยู่ด้านบนทำให้มันดูลึกลับมาก กิ่งก้านนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมาทำให้สภาพแวดล้อมโดยรอบดูเหมือนเขาวงกต
ต้นไทรต้นนี้ใหญ่เกินจริง
ในช่วงสิบวันที่ผ่านมา ลั่วอู๋ ได้จับแมลงวิญญาณเข้าไปเกือบ 300 ชนิด ซึ่งทำให้เขาใกล้จะไปถึงขั้นตอนต่อไปในการปลดผนึกความสามารถใหม่
มีแมลงแปลก ๆ น้อยลงเรื่อย ๆ
ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาลงมือทำธุระเดิมตามแผนแล้ว
“ที่นี่คือป่าแห่งอสูรงั้นเหรอ?” ฉูจงฉวน มองไปรอบ ๆ และไม่พบอะไรที่แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่ “เรามาผิดทางกันรึเปล่า?”
หยู่เฮา ส่ายหัว “ไม่มีทาง ท่านหม่าเฉินบอกว่ามันอยู่ทางนี้ และต่อจากนี้ไม่มีทางข้างหน้าอีก”
ต้นไทรใหญ่ได้ขวางทางข้างหน้าพวกเขาเอาไว้
เว้นแต่พวกเขาจะเดินอ้อมรอบต้นไม้ไป
แต่ต้นไม้นี้ดูน่าสงสัยพิกล
จากนั้นสาว ๆ ก็ออกมาจากมิติไห พวกเขาทุกคนเริ่มมองไปรอบ ๆ ต้นไทร แต่ก็ไม่ได้อะไรเลย
ไม่มีทางเข้าไม่มีประตูลับ
“ แปลกจริง ๆ พวกเราต้องไปไหนต่อกันนะ” หยู่เฮา สงสัย
ท่านหม่าเฉินไม่ได้บอกพวกเขาอย่างชัดเจน ตอนนี้พวกลั่วอู๋จึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
ขณะนั้นเองลั่วอู๋ก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพยายามตรวจสอบข้อมูลของต้นไทรเก่าแก่ต้นนี้ด้วยไหปีศาจ
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
ที่นี่ดูเหมือนจะมีปริศนาบางอย่างจริง ๆ