ไหปีศาจ - บทที่ 677 การท้าทายของหนิงฮัว
บทที่ 677 การท้าทายของหนิงฮัว
บทที่ 677
การท้าทายของหนิงฮัว
การพัฒนามิติวิญญาณของหลี่หยินได้สิ้นสุดลงแล้ว
ประจวบเหมาะพอดีกับเวลาเปิดประตูของสำนัก เฉียนหลงในทุก ๆ หกเดือน
หลินยูหลัน อยู่ห่างจากการพัฒนามิติวิญญาณเพียงก้าวเดียว นางต้องกลับไปที่หมู่บ้านตงเทียนในภูเขาเทียนหวัง เพราะดูเหมือนว่าหลินกุยได้เตรียมบางอย่างไว้ให้นางแล้ว
องค์หญิงเจียโรวสามารถพยายามที่จะทำลายผ่านมิติวิญญาณได้ เนื่องจากภูตดอกไม้ได้ดูดซับส่วนหนึ่งของจากต้นกำเนิดของสวนดอกไม้วิญญาณมา จนได้ทำการเปลี่ยนแปลงของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามองค์หญิงเจียโรวยังไม่พอใจที่นางเข้าใจเพียงแก่นแท้ทักษะแห่งดอกไม้
นั่นก็เพราะมันไม่ใช่แก่นแท้ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการรบได้ ดังนั้นนางจึงริเริ่มทำความเข้าใจแก่นแท้ทักษะแห่งพิษ
ดังนั้นจึงคาดว่านางน่าจะต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะสร้างความก้าวหน้าทางมิติวิญญาณได้
สำหรับเหวินเสี่ยวไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเขา นับตั้งแต่ที่เขาถูกรองเจ้าสำนักสำนักพาตัวไป ส่วนจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้างนักไม่มีใครทราบ
ก่อนออกจากสำนักเฉียนหลง ลั่วอู๋ได้ไปที่เจดีย์เก้าชั้นอีกครั้ง
หนิงปิงหลันยังคงเป็นผู้เฝ้าเจดีย์เก้าชั้นอยู่เช่นเคย แต่เดิมแล้วนางทำหน้าที่นี้เพียงแค่ชั่วคราว ทว่าดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้อาวุโสคนอื่นใดมาแทนที่นางได้
หนิงปิงหลัน ดูไม่กังวลเท่าไหร่ “มาเปลี่ยนสถานที่ฝึกงั้นเหรอ ?”
“เอ๋าเฉียนจุนยังอยู่หรือเปล่า”
“เปล่า เขาออกไปแล้ว”
ลั่วอู๋แปลกใจ “ทั้งที่เป็นสถานที่ฝึกที่ดีขนาดนี้ เขาออกไปทำไมกัน”
“ยิ่งขึ้นไปมากเท่าไหร่ เจดีย์เก้าชั้น ก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น และสัตว์วิญญาณที่ดุร้ายเองก็ยิ่งน่ากลัว แต่เมื่อไปถึงระดับทองขั้นสูงแล้ว อัตราการเติบโตของความแข็งแกร่งจะขึ้นช้ามาก” หนิงปิงหลันกล่าวว่า “แม้แต่เอ๋าเฉียนจุนก็เหมือนกัน เขาติดอยู่ที่ชั้นหก ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะกลับออกไป”
ลั่วอู๋เงียบไป
แต่ล่ะชั้นของเจดีย์เก้าชั้นนั้นยากมากที่จะก้าวขึ้นไปข้างหน้า ซึ่งตัวเขาเองก็มีประสบการณ์อย่างลึกซึ้งในเรื่องนี้
แม้แต่เอ๋าเฉียนจุน ที่ยอดเยี่ยมเหมือนสัตว์ประหลาดเองก็ไม่สามารถฝึกฝนอย่างรวดเร็วเหมือนขี่จรวดได้แบบเมื่อก่อนอีกต่อไป
เจดีย์เก้าองค์นั้นน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ระดับเก้านั้นมีสัตว์วิญญาณบางชนิดที่เทียบได้กับสัตว์วิญญาณระดับเพชร ที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้ง่าย ๆ แม้ประสบการณ์ของ เอ๋าเฉียนจุนในระดับชั้นที่หกจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ความแข็งแกร่งของมิติวิญญาณก็ยังไม่เพียงพอที่จะเปิดประตูในระดับที่เจ็ดได้ แน่นอนเขาต้องเลือกที่จะจากไป
“ เขาหายไปไหนกัน ?” ลั่วอู๋ ถาม
หนิงปิงหลัน ส่ายหัว “ข้าไม่รู้ เขาอาจจะออกจากสำนักเฉียนหลงไปแล้ว เจ้าควรถามรองเจ้าสำนักสำนักเกี่ยวกับเรื่องนี้”
หลี่หวู่หยวนไม่เคยละความพยายามที่จะทำตามคำขอที่ชอบด้วยกฎหมายของนักเรียน นับประสาอะไรกับนักเรียนที่มีความสามารถอย่าง เอ๋าเฉียนจุน
ลั่วอู๋รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
เขาอยากจะสู้กับ เอ๋าเฉียนจุน
ไม่คาดคิดว่าเขาจะพลาดอีกครั้งแล้ว
เขายังคงอยากรู้ว่าเอ๋าเฉียนจุนได้ไปถึงระดับไหนแล้ว นอกจากนี้เขาก็อยากจะพัฒนาข้อมูลของร่างจำแลงเอ๋าเฉียนจุนในหอคอยสีขาวด้วย
หลังจากออกจากเจดีย์เก้าชั้น ลั่วอู๋ ก็พร้อมที่จะเข้าร่วมกับพรรคพวกและเดินทางออกจากสำนักเฉียนหลง
เขาได้ดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมากตลอดเส้นทางการเดินของตนเอง
ในสำนักเฉียนหลง ลั่วอู๋นั้นถือได้ว่าเป็นชายที่มีชื่อเสียง มีใบหน้าที่คุ้นเคยมากมายในหมู่คนต่าง ๆ ที่มาทักทาย แต่ลั่วอู๋ซึ่งไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนพวกนั้นก็ไม่ได้สนใจที่จะทักทายกลับไปเท่าไหร่
ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็หยุดลงตรงหน้าของลั่วอู๋
เขาเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ ที่ดูสงบเสงี่ยมมาก แต่ดวงตาของเขาดูมืดมนเล็กน้อย
ลั่วอู๋ คิ้วเลิ่กขึ้นมา “หนิงฮัว”
ชายคนนี้คือหนิงฮัว เขาฝึกซ้อมอย่างหนักตั้งแต่ที่เขาได้พ่ายแพ้ให้กับลั่วอู๋ ในขณะนี้เขาได้ทะลุไปถึงมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูงแล้ว ความเร็วในการฝึกของเขาเร็วมาก จนเขาสามารถติดอันดับ 1 ใน 15 ของสำนักเฉียนหลงได้สำเร็จ
“มีอะไรให้ข้าช่วยงั้นเหรอ ? ” ลั่วอู๋ถาม
หนิงฮัวไม่หุนหันพลันแล่นเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป เขาสามารถรักษาความสงบได้เพียงพอเมื่อต้องเผชิญหน้ากับ ลั่วอู๋ “ข้าต้องการท้าทายเจ้า”
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว “ไม่จำเป็น”
เขาได้รับการพัฒนาเป็นมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูง มิติ 2 แล้ว แต่หนิงฮัวนั้นเพิ่งทะลุไปถึงระดับทองขั้นสูงและไม่มีสัตว์วิญญาณคู่พันธะตัวที่สี่
ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของ ลั่วอู๋ นั้นเป็นที่ชัดเจนสำหรับทุกคน
แม้ว่าลั่วอู๋จะ “หายไป” เป็นเวลานาน โดยไม่มีข่าวคราวใด ๆ แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นดีที่สุดในหมู่นักเรียนในสำนักเฉียนหลง
เกรงว่าคนเดียวที่จะสามารถปราบปรามเขาได้ก็คือ เอ๋าเฉียนจุน
ผู้คนมองไปทางหนิงฮัวอย่างแปลก ๆ ทุกคนรู้ดีว่าเขาเกลียดลั่วอู๋ แต่เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องคิดริเริ่มที่จะมองหาโอกาสมาท้าทาย
หนิงฮัวเริ่มยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว “ข้าได้ปล่อยวางความแค้นลงไปแล้ว ตอนนี้ข้าก็แค่อยากฝึกฝน เพราะไม่ว่ายังไงก็ตามเจ้าก็เป็นสิ่งที่ครอบงำจิตใจของข้า ถ้าเจ้าพอมีเวลาก็ช่วยรับคำท้าทายนี้เถอะ ข้ากลัวว่า ข้าจะตามหลังเจ้าช้าไปไกล หากข้าไม่ฉวยโอกาสนี้ท้าทายเจ้า ในตอนที่ข้าเพิ่งได้เข้าสู่มิติวิญญาณระดับทองขั้นสูงจนมาถึงจุดสูงสุดในพลังวิญญาณของข้าและแก่นแท้แห่งสายฟ้าแล้วละก็ ข้าก็คงจะไม่สามารถเอาชนะความท้าทายนี้ไปได้ ”
เขาพูดในสิ่งที่เขาอยากจะพูดออกมาทั้งหมด
ลั่วอู๋คือเป้าหมายของเขา ถ้าเขาไม่ท้าทายลั่วอู๋ในตอนนี้หัวใจของเขาก็ยากที่จะสงบลง
ตอนนี้เขาอยู่ในสถานะสูงสุด ถ้าไม่ทำการท้าทายในตอนนี้แล้วรอต่อไปก็คงจะพลาด ช่องว่างระหว่างระดับทองขั้นสูงมิติหนึ่งและทองขั้นสูงมิติสอง นั้นไม่ใช่ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือลั่วอู๋นั้นเป็นคนใจกว้างมาก เขาคงไม่คิดที่จะปฏิเสธการท้าทายของหนิงฮัวแน่
ทุกคนต่างมองไปที่ลั่วอู๋อีกครั้ง
นี่เป็นเพียงการท้าทายธรรมดา ๆ ลั่วอู๋ จะตอบสนองอย่างไร
“เข้ามาเลยก็ได้พวกเราจะได้ไม่เสียเวลากันมาก” ลั่วอู๋เดินช้า ๆ ไปหาหนิงฮัว
ใบหน้าของ หนิงฮัว มีร่องรอยของความโกรธ
นี่มันดูถูกกันเกินไปแล้ว
ลั่วอู๋ดูไม่ได้สนใจนัก เพราะเขาไม่ได้รู้สึกถึงแรงกดดันจากหนิงฮัว
“ ข้ายอมรับว่าเจ้าแข็งแกร่ง แต่อย่าประมาทความพยายามของข้าในช่วงเวลานี้ให้มากนัก” หนิงฮัว เสียงคำรามต่ำ ด้านหลังของเขาปรากฏเงาสายฟ้าของเล่กุยขนาดใหญ่
ท้องฟ้าด้านบนถูกปกคลุมไปด้วยเมฆฝนฟ้าร้องขนาดใหญ่ ปิดกั้นท้องฟ้าทั้งหมด ความหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วพร้อมกับลมปราณอันสั่นเทา
ทักษะระดับ SS [สายฟ้าผ่าพิภพ]
ร่างกายของหนิงฮัวระเบิดแสงสีม่วงพราวออกมาพร้อมกับสายฟ้า บรรยากาศของฟ้าผ่าทำลายล้างไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แต่เนื่องจากได้รับการกระตุ้นจากแก่นวิญญาณต้นกำเนิดของเขามากเกินไป ใบหน้าของหนิงฮัวจึงมีร่องรอยของความเจ็บปวด และแม้แต่เสื้อผ้าของเขาก็เริ่มปริแตก
สายฟ้าของเขาดูเหมือนจะสามารถทะลุผ่านสวรรค์และโลกได้ ราวกับว่ามันกลายเป็นมังกรสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนแยกตัวออกจากกันเป็นเก้าแฉกและในที่สุดก็ดำดิ่งลงมาพร้อมจะทำลายทุกสิ่ง
ความสามารถของพลังวิญญาณธาตุสายฟ้านั้นรุนแรงมาก นอกจากนี้หนิงฮัวยังได้ผ่านความยากลำบากในการทำความเข้าใจแก่นแท้แห่งสายฟ้ามา จึงทำให้ทักษะนี้เขามีความเชี่ยวชาญเพิ่มขึ้นถึง 40% ตอนนี้พลังทำลายของมันคงสามารถหวังผลที่จะทำให้ลั่วอู๋สั่นสะเทือนได้อย่างแน่นอน
ทุกคนรอบข้างต่างตกใจ พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่า หนิงฮัวจะมาถึงระดับสูงขนาดนี้ในเวลาสั้น ๆ เกรงว่าหากเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองทั่วไปคงจะกลายเป็นผงในทันทีที่โดนทักษะ สายฟ้าผ่าพิภพของเขา
ร่องรอยของความตื่นเต้นและความบ้าคลั่งปรากฏขึ้นในดวงตาของหนิงฮัว
ในที่สุดเขาก็สามารถเอาชนะลั่วอู๋ได้
ด้วยทักษะโจมตีที่ดีที่สุดที่เขาฝึกมานาน
เมื่อมองไปที่ฉากที่น่าตกใจนี้ ลั่วอู๋ กลับไม่ได้กระสับกระส่ายอะไรเลย เหตุผลนั้นง่ายมาก ทุกวันนี้เขาต่อสู้กับร่างจำลองอัจฉริยะระดับปีศาจอย่างเอ๋าเฉียนจุนในหอคอยสีขาวทุกวัน
เอ๋าเฉียนจุนนั้นสามารถควบคุมพลังของสายลมและสายฟ้าได้อย่างเชี่ยวชาญ ลมพายุและสายฟ้าทุกชนิดที่ปลายนิ้วของเขามีพลังอันน่ากลัวอย่างยิ่ง อีกทั้งพวกมันยังเปลี่ยนรูปแบบไปมาได้จนยากที่จะรับมือ
แม้ว่าร่างจำแลงภาพลวงตาของ เอ๋าเฉียนจุน จะอยู่เพียงแค่ระดับมิติวิญญาณ ทอง มิติ 10 แต่พลังทำลายของสายฟ้าที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพลังทำลายที่เกิดจากทักษะสายฟ้าผ่าพิภพที่หนิงฮัว ปล่อยออกมาเลย
หนิงฮัวไม่ได้อ่อนแอ แต่ในสายตาของลั่วอู๋ เขานั้นถือว่าอ่อนแอ
ลั่วอู๋ยื่นมือขวาออกไป
พลังวิญญาณแห่งการกลืนกินลึกลับเริ่มกลั่นตัวขึ้นมา มีช่องว่างปรากฏขึ้นที่มือขวาของเขา ซึ่งเต็มไปด้วยแรงดึงดูดอันแข็งแกร่ง
ใช้งานทักษะระดับ SS [กลืนกินสวรรค์]
ลั่วอู๋ยกมือขึ้น
ทันใดนั้นพลังแห่งการกลืนกินอันน่ากลัวก็พุ่งออกมา พร้อมกับสายฟ้าจากบนท้องฟ้าที่ผ่าลงมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งมันก็ได้ถูกหลุมดำกลืนหายไปอย่างรวดเร็ว
“ ไม่จริงน่า!” ใบหน้าของ หนิงฮัวมีร่องรอยของความตื่นตระหนก
เพราะแม้แต่พลังวิญญาณสายฟ้าในร่างกายของเขาเองก็ถูกดึงออกไปจากการควบคุม หายเข้าไปในหลุมดำอันไม่มีที่สิ้นสุด
ครู่ต่อมาท้องฟ้าที่มืดลงจากเมฆฝนฟ้าร้องอันน่ากลัวก็สว่างขึ้น
ท้องฟ้ากลับมาปลอดโปร่ง มีแดดส่องลงมาตามปกติ
ทุกอย่างหายไปหมดแล้ว ไม่มีเมฆฝนอีกต่อไป