ไหปีศาจ - บทที่ 705 หาทางส่งข้ากลับ
บทที่ 705 หาทางส่งข้ากลับ
บทที่ 705
หาทางส่งข้ากลับ
หนังสือของจักรพรรดิดาบหยางไคเทียนนั้นมีอยู่สามเล่ม
หนังสือเกี่ยวกับการตีดาบ หนังสือเกี่ยวกับการเดินทางและศิลปะการต่อสู้โบราณ “ตำราดาบของจักรพรรดิดาบหยางไคเทียน”
และสุดท้ายก็คือหนังสือ”วิชาดาบ ไคเทียน” ซึ่งเขียนโดยตัวจักรพรรดิดาบหยางไคเทียนเองแม้ว่าจะถูกเขียนขึ้นในตอนที่เขายังเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชร แต่คุณค่าของมันก็ชัดเจนในตัวเอง
แก่นแท้ของดาบที่ฝังอยู่ในนั้นช่างน่ากลัว เพียงแค่ระหว่างเส้นบรรทัดก็เพียงพอแล้วที่จะให้ผู้อ่านต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อทำความเข้าใจ
น่าเสียดายที่ฉบับดั้งเดิมนั้น ลั่วอู๋ ได้ยกมันให้กับหลินเจิ้ง
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ลั่วอู๋ เคยได้อ่านมันมาแล้วจนพอจดจำได้ในระดับขั้นพื้นฐานได้
ไม่มีปากกาและกระดาษในนรกมนตรา ลั่วอู๋จึงทำได้เพียงแค่ถ่ายทอดวิชาดาบไคเทียนลงในจิตใจของนารุโดยตรงผ่านทางทักษะสื่อสารวิญญาณ
“ ถ้าเจ้าฝึกฝนอย่างหนัก เจ้าเองก็สามารถเป็นนักรบของชนเผ่าได้” ลั่วอู๋หัวเราะ
เมื่อนารุได้ยินเช่นนี้ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นอย่างตื่นเต้น จากนั้นเขาก็โค้งคำนับให้กับลั่วอู๋อย่างนอบน้อม “ขอบคุณขอรับ ท่านอาจารย์”
ลั่วอู๋โบกมือ “อย่าเรียกข้าว่าอาจารย์เลย ข้าไม่ได้เป็นคนสร้างทักษะนี้”
นารุยังเป็นเด็ก เขาจึงคิดว่าการได้เรียนรู้วิชาจากใครย่อมหมายความว่าคนนั้นคืออาจารย์ ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้รุ่นเยาว์ชาวแซคต่างก็เรียกนักรบที่สอนพวกเขาว่าอาจารย์ของพวกเขา ภายใต้อิทธิพลของสิ่งนี้นารุจึงตะโกนเรียกลั่วอู๋ว่าอาจารย์ ไม่ว่าเขาจะชอบหรือไม่ก็ตาม
ลั่วอู๋ทำอะไรไม่ถูก
เขาไม่สนใจที่จะรับศิษย์
แต่เอาเถอะ เด็กน้อยอยากจะพูดอะไรก็ให้เขาพูดไป
“เจ้าสอนทักษะให้เขางั้นหรือ?” แซคเฒ่าดูแปลกใจมาก
ลั่วอู๋พยักหน้า “ใช่ มันเป็นทักษะศิลปะการต่อสู้โบราณที่ทรงพลังมาก”
“ถ้าเทียบกับทักษะที่เจ้าส่งมาก่อนหน้านี้ล่ะ?”
ลั่วอู๋อายเล็กน้อยที่จะพูด
หากเทียบทักษะที่เขียนขึ้นโดยจักรพรรดิดาบ กับทักษะธรรมดามากที่หาได้ทั่วไปแล้วละก็
การเปรียบเทียบระหว่างทั้งสองทักษะนี้ ก็เหมือนกับเป็นการดูถูกวิชาดาบ ไคเทียน
“ก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่นะ” ลั่วอู๋รู้สึกผิด
แซคเฒ่ามองลั่วอู๋แปลก ๆ ดูเหมือนว่าแซคเท่าจะไม่เชื่อในสิ่งที่ลั่วอู๋พูด
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงพูดว่า “ทักษะที่ส่งผ่านไปยังนารุ นั้นไม่สามารถส่งต่อกันแบบสุ่มได้ แต่ข้ายังมีอยู่อีกทักษะ ซึ่งค่อนข้างดีมากเช่นกัน และข้าสามารถมอบมันให้พวกเจ้าได้”
“มันเป็นทักษะที่ดีมากงั้นเหรอ?”
“ก็แข็งแกร่งใช้ได้เลยนะ”
จากนั้นลั่วอู๋ก็ส่งวิชาผีเสริมกระดูก มอบให้กับแซคเฒ่า
ทักษะนี้ถูกซื้อมาเพื่อฝึกฝนไร้หน้า
โดยต่อมาหลงเซี่ยก็ได้กลายมาเป็นอาจารย์ของเขา
อย่างไรก็ตาม “กระบวนท่า วิชาผีเสริมกระดูก” นั้นเป็นทักษะที่ค่อนข้างดี มันเป็นทักษะที่สืบทอดกันมาในตระกูลผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณ อย่างน้อยก็สามารถจัดรวมอยู่ในประเภทของทักษะระดับทองขั้นสูงได้เลยทีเดียว
มันดีกว่าวิชาทั่วไป ๆ ที่ชาวแซคฝึกกันมาก
เมื่อนักรบชาวแซคได้ยินว่าเกี่ยวกับทักษะใหม่ พวกเขาก็มากันทีละคน จากนั้นแซคเฒ่าก็ได้ทำหน้าที่ช่วยแปลและสอนให้กับพวกเขา ทำให้ในไม่ช้าพวกนักรบก็ทักษะต่าง ๆ ของกระบวนท่าวิชาผีเสริมกระดูกได้
ใบหน้าของเหล่านักรบเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ทักษะเดิมของพวกเขานั้นไม่สามารถก้าวหน้าไปได้เกินไปกว่ามิติวิญญาณระดับทอง แต่ตอนนี้พวกเขานั้นสามารถฝึกฝนให้ก้าวไปยังมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูงกันได้แล้ว
พวกเขาตะโกนขอบคุณลั่วอู๋ ซึ่งลั่วอู๋ก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจคำพูดของเหล่าแซคก็ตาม
ลั่วอู๋ถอนหายใจในใจ
แม้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์สำหรับตัวเขาเอง แต่มันก็ดีสำหรับพวกแซค ในการใช้ทักษะเหล่านี้ปกป้องรักษาชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา
“ แซคเฒ่า ข้าได้ยินมาว่าหลายคน ๆ ในเผ่าของเจ้าเริ่มเรียนรู้การหลอมอาวุธแล้วใช่ไหม” ลั่วอู๋ถามอย่างกะทันหัน
แซคเฒ่าพยักหน้า “ใช่”
“เรียกพวกเขามาหาข้าที่สิ” ลั่วอู๋นั่งลงแล้วพูดอย่างสงบ “ข้ามีบางอย่างที่อยากจะสอนพวกเขา”
ในไม่ช้าเหล่าช่างตีเหล็กชาวแซคกว่าร้อยคนก็มารวมตัวกัน
มีผู้ชาย ผู้หญิง ทั้งคนแก่และเด็ก ตราบใดที่พวกเขามีความสามารถความเข้าใจเพียงเล็กน้อย พวกเขาก็จะผันตัวมาเป็นช่างตีเหล็ก และคอยหลอมสิ่งต่าง ๆ ให้กับเผ่า
แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดไม่ได้มีข้อกังขาไม่พอใจอะไร กลับกันแล้วพวกเขามีความสุขมาก
การเป็นนักรบหรือช่างตีเหล็กนั้นสามารถช่วยให้เผ่าแซคมีความแข็งแกร่งขึ้นได้ อีกทั้งยังเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนในเผ่าอีกด้วย แม้ว่ามันจะเหนื่อย แต่เมื่อเทียบกับชีวิตที่ได้ในการกินเนื้อแมลงดิบ พวกเขาก็เหมือนได้อยู่บนสวรรค์
อย่างไรก็ตามวิชาการหลอมอาวุธที่ ลั่วอู๋ ส่งมาให้นั้นหยาบกร้านเกินไป พวกเขาจึงสามารถสร้างได้เพียงชามเหล็ก พลั่ว เคียวและเครื่องใช้ทั่วไปอื่น ๆ
มีแร่วิญญาณหายากมากมายในนรกมนตรา แต่อาวุธที่ชาวแซคหลอมขึ้นมาโดยใช้แร่วิญญาณนั้นกลับค่อนข้างหยาบและไม่สามารถดึงพลังของพวกมันออกมาได้อย่างสมบูรณ์
มันยังดูแปลกประหลาดผิดปกติ
“พวกเจ้าล้วนเป็นชาวแซคที่มีพรสวรรค์ในการตีเหล็ก แม้ว่าสิ่งที่เจ้าหลอมจะยังดูหยาบมาก แต่อย่างน้อยพวกเจ้าก็ได้เริ่มต้นฝึกฝนแล้ว”
ลั่วอู๋ค่อย ๆ แสดงความผันผวนทางพลังวิญญาณของตัวเอง เพื่อให้ดวงตาของชาวแซคเข้าใจในความหมายที่เขากำลังจะสื่อ
“ตอนนี้ข้าจะสอนวิธีการหลอมแบบใหม่ให้กับพวกเจ้า เพื่อที่พวกเจ้าจะได้สามารถสร้างอาวุธที่ทรงพลังมาปกป้องบ้านเกิดและเผ่าของเจ้า”
พวกเขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของลั่วอู๋
อาวุธที่ทรงพลัง
นั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการมาตลอด
แซคเฒ่ายืนอยู่ข้างหลังมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา หากพวกเขาสามารถสร้างอาวุธที่ดีขึ้นมาได้ นี่ไม่เพียงแต่จะทำให้นักรบในเผ่าแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คนธรรมดาในเผ่าสามารถป้องกันตนเองได้ในระดับหนึ่งด้วย
ลั่วอู๋ แสดงภาพในความทรงจำเกี่ยวกับการหลอมอาวุธของเขาออกมาอย่างช้า ๆ
แน่นอนว่าเขาทำมันออกมาได้เพียงครึ่งเดียว
มีสองเหตุผลหลักที่เขาต้องทำเช่นนี้
ข้อแรกการหลอม “อาวุธมนตรา” นั้นอาจจะมีประสิทธิภาพมากเกินไป ในสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยพลังวิญญาณอันชั่วร้ายเช่นนี้ บางทีมันอาจจะทำให้ชาวแซคสร้างอาวุธที่ไม่ธรรมดาขึ้นมา และด้วยจำนวนที่มีมากของชาวแซค มันก็อาจจะกลายเป็นหายนะได้
ประการที่สองคือ ลั่วอู๋จำวิชาการหลอมทั้งหมดไม่ได้จริงๆ แม้ว่าเขาจะเคยอ่านมาก่อน แต่เขาก็ไม่ได้จดจำมันมามากเท่าไหร่ เพราะมันไม่มีประโยชน์สำหรับเขา มันมีประโยชน์เพียงครึ่ง ๆ เท่านั้น
แม้ว่าเขาจะจำได้เพียงครึ่งเดียว แต่เหล่าแซคช่างตีเหล็กระดับเริ่มต้นเหล่านี้ ก็ชอบมันมาก ราวกับไฟอันโหมกระหน่ำในการทำงานของพวกเขาถูกจุดขึ้นมา
ที่น่าสงสารคือเหล่า หยันโมทั้งหลาย
จู่ ๆ ภาระงานของพวกมันก็เพิ่มขึ้นมา
หลังจากนั้น ลั่วอู๋ ก็เริ่มตามหาแซคเฒ่า “ข้าเกรงว่าข้อตกลงที่เราตกลงกันไว้จะต้องล่าช้าไปสักพัก”
“ทำไมล่ะ!” แซคเฒ่าตกใจกลัว
ข้อตกลงกับลั่วอู๋นั้นเป็นส่วนสำคัญมาก
แม้ว่าชาวแซคจะเริ่มเลี้ยงหนูวิญญาณ และนักรบเองก็เริ่มล่าสัตว์วิญญาณระดับสูงได้มากขึ้น แต่นักรบนั้นต้องกินอาหารเป็นจำนวนมาก
ยิ่งไปกว่านั้นอาหารที่ทำจากสัตว์วิญญาณชั่วร้ายอร่อยน้อยกว่าอาหารที่ ลั่วอู๋ ส่งมามาก
นอกจากนี้ถึงพวกเขาจะมีอาวุธแล้ว และชาวแซคเองก็สามารถรักษาตัวเองได้ แต่ยารักษานั้นก็ยังคงมีความสำคัญมาก ชาวแซคนั้นต้องการยารักษา
ลั่วอู๋เผยความจริงอย่างไร้เดียงสา “ข้าตอนนี้ดูเหมือนคนที่มีอะไรจะมาแลกเปลี่ยนกับเจ้าได้งั้นเหรอ”
“ ไม่ใช่ว่าเจ้าส่งจดหมายกลับไปแล้วเหรอ?” แซคเฒ่ากล่าวอย่างกังวล
“เจ้าก็รู้ดีนี่ว่ายังไม่มีใครตอบกลับมาเลยนี่”
“ ……”
แซคเฒ่าเงียบไป หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พูดอย่างไม่เต็มใจ “แล้วข้าควรทำอย่างไรดี”
โชคดีที่ตอนนี้ ลั่วอู๋ ได้ถ่ายทอดทักษะและวิธีการตีเหล็ก จึงทำให้แซคเฒ่ารู้สึกติดหนี้บุญคุณ มิฉะนั้นเขาคงจะถูกแซคเฒ่าไล่ออกไปแล้ว
นักรบทั้งสิบแปดคนแทบจะหมดสภาพไปเพื่อช่วยเขา จะให้เขารับความจริงเรื่องนี้ในตอนนี้จริง ๆ หรือ?
“ พวกเราต้องหาทางส่งข้ากลับไปให้ได้” ลั่วอู๋ตอบคำถามนี้อย่างจริงจัง