ไหปีศาจ - บทที่ 707 ดาบแห่งการป้องกัน
0
บทที่ 707 ดาบแห่งการป้องกัน
บทที่ 707
ดาบแห่งการป้องกัน
แม้ว่าจะไม่มีทักษะในการบิน แต่ถ้าฝึกฝนจนไปถึงมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูงแล้ว ผู้ใช้พลังวิญญาณก็มักจะสามารถควบคุมพลังวิญญาณและบินด้วยพลังวิญญาณของตัวเอง
เพียงแค่ว่าความเร็วนั้นไม่ได้ดีเท่ากับทักษะศิลปะแห่งจักรพรรดิดาบ
การที่เขาไม่มีสัตว์วิญญาณทำให้ความแข็งแกร่งของลั่วอู๋ลดลงไปมาก เขาไม่สามารถใช้งานทักษะต่าง ๆ ที่เชี่ยวชาญในอดีตได้
อย่างไรก็ตามความรู้สึกในตอนนี้กลับทำให้ลั่วอู๋รู้สึกมหัศจรรย์มาก
เพราะตอนนี้เขาสามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ และได้ลิ้มรสทักษะทั้งหมดที่เป็นของตัวเขาจริง ๆ
นี่อาจเป็นเพราะเพิ่งสูญเสียสมบัติความสามารถในการใช้พลังของสัตว์วิญญาณไปทำให้มีเวลาศึกษาตัวเองมากขึ้น
ลั่วอู๋รู้สึกว่าทักษะของเขาเป็นจุดแสงลึกลับนับไม่ถ้วนในห้วงความคิด ลอยอยู่ในทะเลแห่งแก่นวิญญาณ
มันน่าทึ่งมาก
ทุกครั้งที่ลั่วอู๋เริ่มศึกษาจุดแสงเหล่านี้ เวลาก็ไหลผ่านไปเร็วมาก จนเมื่อเขารู้สึกตัวเขามักจะรู้สึกเศร้าโศกกับเวลาที่เสียไป
มันดูเหมือนว่าจะได้กำไรในการฝึกฝน แต่แท้จริงแล้วไม่ได้มีอะไรมากอย่างที่คิด
แต่เขาก็รู้ว่าผลลัพธ์นั้นไม่มีทางได้มาจากอากาศอันเบาบาง เขาต้องออกไปต่อสู้ เพื่อที่จะเข้าใจมันอย่างถ่องแท้
ลำแสงสีแดงกะพริบไปบนท้องฟ้า ลั่วอู๋ล่องลอยไปในอากาศผ่านภูเขาขนาดใหญ่อันขรุขระที่เต็มไปด้วยก้อนหินไร้ซึ่งชีวิตใด ๆ
“อย่ามัวแต่นอนกันสิ” ลั่วอู๋ร้องเสียงเข้ม
แต่ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในภูเขาอันแห้งแล้งนี้
ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีแม้แต่หนูวิญญาณและไฮยีน่าที่พบได้มากที่สุดในแถบนี้
“ฮึ่ม” ทันทีที่ข้อมือของ ลั่วอู๋ หันลงไปดาบระบำแห่งความตายก็ออกมา พลังวิญญาณของดาบเลือดเดือดแผ่ซ่านออกไป ตรงไปที่ภูเขา “ตื่นขึ้นมาซะ!”
ไอจิตสังหารอันเย็นชาพุ่งพรวดออกไป
ตูม!
พลังวิญญาณของดาบสว่างวาบ ทำให้พื้นที่อันห่างไกลของภูเขาระเบิดออก กรวดจำนวนนับไม่ถ้วนก็ตกลงมา จากนั้นภูเขาลูกก็เริ่มสั่นสะเทือน
“ ตื่นได้แล้ว” ลั่วอู๋ตะคอก
ภูเขาแห่งนี้เป็นเพียงการซ่อนตัวของสัตว์วิญญาณตัวหนึ่ง มันคือเต่าวิญญาณขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่าเต่าสังหารจักรพรรดิ มันเป็นสัตว์วิญญาณที่ดุร้ายมาก
เมื่อมีสัตว์วิญญาณเดินผ่านมา มันก็จะกลืนสัตว์วิญญาณเหล่านั้นลงไป จากนั้นก็พรางตัวต่อ
ในตอนที่พรรคพวกลั่วอู๋มาสำรวจนรกมนตราเป็นครั้งแรก พวกเขาบังเอิญผ่านภูเขาแห่งนี้พอดี และด้วยพลังของไหปีศาจ ลั่วอู๋ จึงรู้สึกถึงมันได้ก่อนและใช้ทางอ้อมเพื่อหลีกเลี่ยงมัน
เต่าสังหารจักรพรรดิเป็นสัตว์วิญญาณที่มีศักยภาพสามารถไปสูงได้ถึงระดับเพชร มันมีเลือดของ เต่าทักษิณ นอกจากนี้ยังเป็นทั้งเต่าและงูในร่างเดียวกัน ดังนั้นมันจึงมีร่างกายที่ปลอดจากพลังวิญญาณอันชั่วร้าย อย่างไรก็ตามจิตใจของมันนั้นได้รับเชื้อจากพลังวิญญาณชั่วร้าย ทำให้มันกลายเป็นสัตว์วิญญาณที่ดุร้าย โชคดีที่มันมีนิสัยขี้เกียจ จึงไม่ได้ออกไปเข่นฆ่าสัตว์วิญญาณโดยรอบมากจนเกินไป
เต่าตัวนี้ยังไม่ได้เติบโตเต็มที่ มันจึงมีมิติวิญญาณเพียงแค่ระดับจุดสูงสุดของทองขั้นสูง ห่างจากมิติวิญญาณระดับเพชรเพียงขั้นเดียว
ทั้งภูเขาสะเทือนก่อนจะเริ่มแสดงรูปลักษณ์ดั้งเดิมของมันออกมา
“กรร!”
เต่าสังหารจักรพรรดิคำราม หัวของมันดูน่ากลัวราวกับมังกร กระดองเต่าขนาดใหญ่ของมันถูกสลักด้วยลายเส้นลึกลับนับไม่ถ้วน หางของมันมีหัวงูเหลือมตาสีแดงโผล่ออกมาตั้งตัวตรง มันส่งเสียงฟ่อปล่อยลมปราณพิษออกมา
งูเหลือมตัวนี้เป็นสัตว์วิญญาณที่ผสมอยู่ในร่างของมัน ทั้งสองตัวตนต่างเติมเต็มซึ่งกันและกันและไม่สามารถแยกออกจากกันได้
ลั่วอู๋เงยหน้าขึ้นอย่างยั่วโมโห “มาเถอะ แสดงพลังของเจ้าให้ข้าดูว่าเจ้ามีพลังมากแค่ไหน”
เต่าสังหารจักรพรรดิเข้าใจคำพูดของลั่วอู๋ มันจึงโกรธมาก ตาของมันส่องแสงสีแดงสว่างวาบ จากนั้นมันก็เปิดปากของมาปล่อยลมปราณของเต่าทักษิณ ซึ่งทำให้เขารู้สึกหนาว
ลมปราณของเต่าทักษิณเป็นทักษะธาตุน้ำที่สามารถควบคุมความเย็นและสังหารทุกสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยความเย็นนั้น
ลั่วอู๋สะดุ้งและวิ่งหนีไป
เต่าสังหารจักรพรรดิคำราม มันปล่อยลมหายใจออกไปตามพื้นแช่แข็งพื้นที่หลายลี้ในชั่วพริบตาทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดลงอย่างรวดเร็ว พื้นกลายเป็นน้ำแข็งจากนั้นก็แตกเป็นผงทันทีที่ถูกสัมผัส
มันเป็นทักษะที่น่ากลัวมาก
“ มันมีสายเลือดของ เต่าทักษิณจริง” ลั่วอู๋สูดหายใจ
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถคิดบวกและสงบสติอารมณ์อย่างมั่นคง แต่ลั่วอู๋นั้นไม่ได้มาที่นี่เพื่อมองท้าทายเพียงอย่างเดียว เขานั้นได้มีการเตรียมการไว้ก่อนแล้ว
เต่าสังหารจักรพรรดินั้นมีข้อเสียอันร้ายแรง นั่นก็คือมันช้ามาก
ในแง่ของความเร็ว มันถือว่าช้ามาก แม้จะมีการโจมตีที่รุนแรง
และลั่วอู๋ก็พร้อมที่จะต่อสู้กับมันเป็นเวลานาน
“มาเถอะ เจ้าเต่าตัวใหญ่!” ลั่วอู๋หัวเราะพลางลดดาบของเขาลงอีกครั้ง
ตั้งแต่เขาเริ่มเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบ เขาก็เริ่มเข้าใจวิชาดาบของจักรพรรดิดาบ ในขณะนี้พลังวิญญาณแห่งดาบของลั่วอู๋ได้ดำเนินตามร่องรอยในอดีตของชายผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก
ตูม!
พลังวิญญาณแห่งดาบฟาดฟันเข้าไปที่หางงูหลามส่งเสียงดังลั่น
ทว่าเต่าสังหารจักรพรรดินั้นไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าพลังในการป้องกันของมันนั้นเหนือชั้นมาก แต่นี่ก็เพียงพอแล้วที่ลั่วอู๋จะยั่วยุมัน
“กรร!”
เจ้านี่!
ลั่วอู๋เข้าใจสิ่งที่มันร้องออกมาจากอารมณ์ที่แปรปรวนอย่างรุนแรงของเต่าสังหารจักรพรรดิ
ภายใต้ร่างกายอันใหญ่โต งูเหลือมก็พุ่งตัวออกมาอ้าปากด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง
ใช่ แม้ว่าร่างกายของเต่าจะช้า แต่หางงูนั้นรวดเร็ว
ลมปราณอันน่าหวาดกลัว พ่นออกมาจากปากของงูเหลือม ลั่วอู๋ไม่แน่ใจว่ามันเป็นพิษหรือพลังทำลายล้าง แต่เขามั่นใจว่าหากโดนพลังนี้เพียงครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะฆ่าเขาได้
ทว่าลั่วอู๋กลับไม่รีบยกดาบในมือขึ้นมาป้องกัน เวลานี้มีเพียงแสงเย็นวาบปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
“ขอให้ข้าได้เห็นพลังของเจ้าหน่อย”
ทักษะดาบที่เขาได้พากเพียรศึกษามาตลอดสามเดือน
[หยินเซียน]
ลั่วอู๋หยิบดาบวิญญาณออกมา ทันใดนั้นเงาดาบวิญญาณนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นกลายเป็นม่านดาบขนาดใหญ่ พวกมันบินเป็นวงกลมสว่างไสวราวกับดวงดาวที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
“ปัง!”
พลังของงูหลามกระแทกเข้ากับม่านดาบและถูกตีกลับทันที แรงต้านการกระแทกที่รุนแรงทำให้คอของงูถึงกับหักลง ปากและจมูกของมันมีเลือดออกและหัวของมันร่วงหล่นไปอย่างน่าสังเวช
“ฟ่อ”
หางงูเหลือมหดตัวด้วยความเจ็บปวด
ลั่วอู๋ยกปากขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
ใช่แล้ว นี่คือวิชาดาบที่เขาพัฒนาต่อยอดขึ้นมาจาก หยินเซียนโดยการรวมความรู้สึกทั้งหมดเข้ากับการเคลื่อนไหวในดาบของเขา
ดาบแห่งการป้องกัน
“ หลิงเจิ้งวิชาดาบนี้พอจะเข้าตาเจ้าไหม?” ลั่วอู๋คิดเรื่องนี้อย่างเงียบ ๆ
ในตอนแรกหลิงเจิ้งบอกว่าเขาไม่มีพรสวรรค์ ซึ่งเป็นการทำร้ายจิตใจของลั่วอู๋มาก
แต่ตอนนี้เขามาสามารถใช้ “หยินเซียน” ได้สำเร็จและได้เปลี่ยนมันเป็นทักษะดาบของตนเองได้อย่างสมบูรณ์ เกรงว่าแม้แต่หลิงเจิ้งก็ต้องประหลาดใจต่อสิ่งนี้
เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์แห่งความตายหลายต่อหลายครั้ง ลั่วอู๋ที่เกือบจะตายเพื่อแลกกับชีวิตของพวกพ้อง จึงเริ่มคิดได้ถึงบางอย่าง
ประกอบกับที่ถิ่นฐานของเผ่าแซค เขาได้เห็นทุกคนต่างอุทิศตัวเพื่อปกป้องเผ่า
สามเดือนที่ผ่านมานี้จึงยิ่งทำให้เขาได้คิดถึงเรื่องราวอะไรหลาย ๆ อย่าง
ลั่วอู๋นึกถึงเจ้าของร้านคนเก่าที่คอยปกป้องศาลาไป่หยู่มานานกว่าสิบปี รองประธานหลี่หวู่หยวนผู้อุทิศทั้งชีวิตให้กับสำนักเฉียนหลง และเฮา นักบุญอุปถัมภ์ผู้ใช้ร่างอวตารของตนเองเป็นเสามนตราปราบปรามนรกมนตรา
ลั่วอู๋จึงเริ่มตระหนักได้
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาได้ทักษะวิชานี้มา
หยินเซียนนั้นเป็นดาบแห่งจิตใจ
สำหรับหลิงเจิ้งเขามีความคิดมุ่งสู่จุดสูงสุดในแก่นแท้แห่งดาบ ส่วนเสี่ยวกงนั้นเกิดความคิดที่จะแสวงหาแก่นแท้แห่งดาบเพราะพรสวรรค์ของมัน
ส่วนสำหรับลั่วอู๋แล้ว เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเข้าถึงแก่นแท้แห่งดาบเพื่อปกป้องคนที่เขารัก
ดาบแห่งการป้องกัน
แม้มันจะไม่มีพลังในการโจมตี แต่ก็มีพลังป้องกันขั้นสุดยอดมาแทนที่
นี่คือสิ่งที่ลั่วอู๋ต้องการ
การที่ดาบแห่งการป้องกันสังหารงูหลามที่มีมิติวิญญาณอยู่ในจุดสูงสุดของมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูง จะต้องทำให้คนที่เห็นตกใจมาก เรียกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่สามารถทำให้ผู้คนทั้งโลกต้องตกใจ น่าเสียดายที่ไม่มีใครได้เห็น
“แน่จริงก็เข้ามาอีกสิ” ลั่วอู๋ยิ้มและมองไปทางงูหลามอย่างเย้ยหยั่น
งูหลายยืดตัวขึ้นตรงฟื้นขึ้นมาพร้อมกับขู่
หลังจากฟื้นตัวสิ่งแรกที่งูเหลือมทำคืออ้าปากและพุ่งไปกัด ลั่วอู๋ ฟันของงูเปล่งแสงอันเย็นวาบส่องประกายออกมาอย่างน่ากลัว
มันไม่เชื่อว่าผู้ใช้พลังวิญญาณที่อ่อนแอ มีมิติวิญญาณเพียงระดับทองขั้นสูงสองจะสามารถขัดขวางการกัดครั้งที่สองของมันได้
ลั่วอู๋ยังคงต่อสู้กับมันด้วยทักษะดาบแห่งการปกป้อง
“แกร็ง !”
การโจมตีของงูเหลือมถูกปัดสะท้อนออกไปอีกครั้ง
เลือดไหลพรากออกมาจากศีรษะของมัน
0