ไหปีศาจ - บทที่ 708 โอกาสในการพัฒนามิติวิญญาณ
บทที่ 708 โอกาสในการพัฒนามิติวิญญาณ
บทที่ 708
โอกาสในการพัฒนามิติวิญญาณ
งูหลามนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเต่าสังหารจักรพรรดิ มันจึงมีร่างกายที่ทรงพลังมากและฟื้นตัวกลับมาได้ อย่างไรก็ตามมันก็ไม่กล้าที่จะโจมตีลั่วอู๋อีก และกลับเข้าไปพัวพันอยู่ใต้กระดองเต่าส่งเสียงขู่ฟ่อ ๆ
“มาเถอะเจ้าเต่า” ลั่วอู๋ไม่คิดว่าเขาจะแก้ปัญหาได้ด้วยการสะท้อนการโจมตีของมันกลับไปเพียงสองครั้ง ดังนั้นเขาจึงไม่หยุดที่จะท้าทายเต่าสังหารจักรพรรดิ
นี่ทำให้เต่าสังหารจักรพรรดิโกรธจัด
เดิมทีมันก็เป็นสัตว์วิญญาณที่เต็มไปด้วยอารมณ์แห่งความรุนแรงอยู่แล้ว เมื่อหางงูหลามของมันได้รับบาดเจ็บและถูกลั่วอู๋ยั่วโมโห มันจึงยิ่งโกรธขึ้นไปอีก
“กรร!” เต่าสังหารจักรพรรดิกระทืบเท้าเหยียบย่ำลงบนพื้น
แผ่นดินสั่นสะเทือนจนเกิดรอยแตกนับไม่ถ้วน จากนั้นพื้นโลกก็แยกออก มันปล่อยน้ำกรดอันเต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่มีฤทธิ์กัดกร่อนให้หลั่งไหลออกมา
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
ไม่จริงน่า
เดิมเขาคิดว่ามันเป็นเพียงทักษะแผ่นดินไหวธรรมดา แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะถึงขั้นที่ทำให้พื้นโลกแตกออกได้ถึงขนาดนี้ ไหนจะพลังวิญญาณแห่งการกัดกร่อนที่ไหลออกมาอีก
หากสิ่งมีชีวิตที่มีมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูงตกลงไปในน้ำกรดพลังวิญญาณแห่งการกัดกร่อนนี้ เกรงว่าแม้แต่ละอองเลือดก็คงไม่มีเหลือ กลายเป็นความว่างเปล่าในทันทีที่ตกลงไป
“ถึงมันจะน่ากลัว แต่เจ้าไม่มีความสามารถในการควบคุมพลังวิญญาณนี้ได้อย่างอิสระใช่ไหมล่ะ ?” ลั่วอู๋บ่นพึมพำอย่างช่วยไม่ได้
แต่จังหวะต่อมาลั่วอู๋ก็แทบอยากจะตบปากตัวเอง
ช่างเป็นปากที่แกว่งหาเสี้ยนเหลือเกิน
เต่าสังหารจักรพรรดิคำรามพร้อมปล่อยน้ำกรดพลังวิญญาณออกมาอีกระลอก พลังวิญญาณแห่งการกัดกร่อนที่ทำให้หายใจไม่ออกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นน้ำกรดก็กลายเป็นลูกศรน้ำกรดบินไปทั่วท้องฟ้า ลูกศรนับหมื่นลูกถูกยิงออกไปพร้อม ๆ กัน
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
เขาต้องหยุดพวกมันลงเดี๋ยวนี้
ถ้าโดนศรเหล่านั้นมีหวังจบไม่สวยแน่ ร่างกายของเขาคงจะกลายเป็นขี้เถ้าลอยหายไปแน่ เพราะเขาไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับเต่าสังหารจักรพรรดิ
“ดาบแห่งการป้องกัน!” ลั่วอู๋ปล่อยดาบพลังวิญญาณออกมาอีกครั้ง ดาบวิญญาณกระจายออกกลายเป็นม่านดาบและปกคลุมจากศีรษะของลั่วอู๋ลงมาในรูปแบบของร่ม
ลูกศรกรดเข้าปะทะกับม่านดาบวิญญาณจนเกิดเสียงกัดกร่อนของกรด โชคดีที่อัตราการกัดกร่อนนั้นยังช้ามาก
“ช่างทักษะดาบที่ทรงพลังจริง ๆ”
ลั่วอู๋ถอนหายใจ เขาไม่นึกเลยว่าทักษะดาบที่เขาใช้มันจะยอดเยี่ยมและทรงพลังถึงขนาดนี้ เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะสามารถปลดปล่อยทักษะดาบพลังวิญญาณที่มีพลังป้องกันแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้
สมกับเป็นทักษะที่ หลินเจิ้ง ผู้ทรงพลังเป็นคนคิดค้นขึ้น
พลังของเขาสามารถป้องกันทักษะของเต่าสังหารจักรพรรดิได้ง่ายขนาดนี้เชียวหรือ? เกรงว่าเขาจะประเมินตัวเองอ่อนแอเกินไป
“แน่จริงก็ยิงมาอีกสิ” ลั่วอู๋มีรอยยิ้มที่ริมฝีปากของเขาและยังคงพูดยั่วยุต่อ
เต่าสังหารจักรพรรดิทนต่อไม่ไหว มันจึงเริ่มโจมตีลั่วอู๋ต่อทันที
พื้นโลกแตกออก ท้องฟ้าถูกดูดลงไปในพลังวิญญาณแห่งการกัดกร่อนเป็นระยะทางหลายร้อยลี้รอบ ๆ พลังทำลายล้างของมันรุนแรงจนเกือบจะเหมือนวันสิ้นโลก อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง
ลั่วอู๋บินหลบไปทั่วท้องฟ้าโดยอาศัยเพียงทักษะดาบแห่งการป้องกันสะท้อนการโจมตีของเต่าสังหารจักรพรรดิกลับไป
ความเร็วของเต่าสังหารจักรพรรดินั้นเร็วไม่พอที่จะหลบ แต่ทักษะดาบของลั่วอู๋เองก็สามารถสะท้อนการโจมตีกลับไปได้เพียงทิศทางเดียว แต่แน่นอนว่าการโจมตีของเต่าสังหารจักรพรรดินั้นก็ไม่สามารถข้ามผ่านม่านดาบมาได้เช่นกัน
การต่อสู้ดำเนินต่อเนื่องไปเกือบสามชั่วโมงโดยที่ยังไม่มีฝ่ายใดได้รับบาดเจ็บ การต่อสู้นี้ดูจะยืดเยื้อไปอีกนาน
จังหวะนี้เองลั่วอู๋ก็ได้พบว่ารูปแบบของดาบระบำแห่งความตายนั้นดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจมาก สีแดงบนใบดาบนั้นเข้มขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจึงค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำ
ว่ากันว่าเมื่อดาบเลือดเดือดเลื่อนระดับขึ้นไปสู่ระดับสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์ มันก็จะเปลี่ยนไปเป็นดาบวิญญาณที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดสำหรับผู้เป็นนายของมัน
ตัวอย่างเช่นดาบเลือดเดือดของผู้บัญชาการหลิงหลง ดาบนั้นได้กลายเป็นดาบที่มีพลังแก่นแท้ทักษะของดาบสังหารเก็งจิน ซึ่งมีพลังในการฆ่าสังหารอันคมกริบไร้ที่เปรียบ นอกจากนี้มันยังสามารถรับพลังวิญญาณของพยัคฆ์ขาวได้ถึง 100%
“เจ้ากำลังจะพัฒนาระดับตัวเองขึ้นไปงั้นเหรอ?” ลั่วอู๋พยายามสื่อสารกับดาบระบำแห่งความตาย
ทันใดนั้นดาบระบำแห่งความตายก็ส่งอารมณ์อันรุนแรงออกมา
มันต้องการเลือด
มันต้องการเลือดมหาศาล ของตัวตนอันทรงพลัง
หลังจากการต่อสู้มาอย่างยาวนาน ในที่สุดวิญญาณดาบในดาบระบำแห่งความตายก็ได้พัฒนาเติบโตขึ้นไปอีกขั้น ตอนนี้โอกาสที่ดาบระบำแห่งความตายจะก้าวขึ้นสู่มิติวิญญาณที่สูงกว่าเดิมได้มาถึงแล้ว ทว่าตอนนี้มันยังไม่มีพลังวิญญาณมากเพียงพอ
มันคงจะเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก หากมันล้มเหลว
การหาโอกาสที่ดีสำหรับการวิวัฒนาการ ย่อมดีกว่าการพึ่งพาเลือดเพียงอย่างเดียว
“ยังไม่ได้” ลั่วอู๋ปลอบประโลมวิญญาณดาบที่กำลังจะก่อตัวขึ้น “เจ้าต้องทนไปก่อนตอนนี้ แล้วเจ้าจะได้ดื่มเลือดของสัตว์วิญญาณเพิ่มในภายหลัง”
เมื่อลั่วอู๋ปลอบประโลมมันเสร็จ ดาบระบำแห่งความตายก็ขานรับด้วยการส่งเสียงดาบอันชัดเจนออกมา เหมือนว่าเห็นด้วยกับเขา
ลั่วอู๋จ้องมองไปที่เต่าสังหารจักรพรรดิอย่างกังวล: ทำไมมันยังไม่เข้ามาด้วยตัวเองอีก
ชายหนึ่งคนและเต่าหนึ่งตัวต่อสู้กันอีกครั้ง
พื้นดินแตกระแหงไปทั่ว ท้องฟ้ามืดเริ่มครึ้ม
การโจมตีของเต่าสังหารจักรพรรดิดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้มันนอนหลับมานานเกินไป ตอนนี้การต่อสู้กับลั่วอู๋จึงได้ปลุกพลังวิญญาณในเลือดของมัน ทำให้มันแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
ใบหน้าของลั่วอู๋เริ่มหนักอึ้ง อากาศเริ่มนิ่งลง สภาพแวดล้อมดูเหมือนจะกลายเป็นทะเลลึกอันไร้ความเคลื่อนไหวใด ๆ
จากนั้นจู่ ๆ พื้นดินก็ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งบาง ๆ
“อาณาเขตวิญญาณ” มีแสงวาบสว่างผ่านดวงตาของลั่วอู๋
มีเพียงตัวตนระดับเพชรเท่านั้น ที่สามารถสร้างอาณาเขตวิญญาณของตัวเองได้ ซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่รวมผู้ที่มีทักษะอาณาเขตส่วนตัว
อย่างไรก็ตามเต่าสังหารจักรพรรดินั้นไม่มีทักษะอาณาเขตส่วนตัว การเปลี่ยนแปลงรอบตัวมันนั้นไม่ใช่การเปล่งพลังวิญญาณออกมาสร้างอาณาเขตวิญญาณ แต่เป็นเพราะมันเริ่มรวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดในแถบนี้เข้ามา นั่นก็เพราะว่า
อีกไม่นานมิติวิญญาณของมันกำลังจะเลื่อนขึ้นไปอีกขั้นใหญ่ ๆ
“มาเถอะเจ้าเต่าให้ข้าได้เห็นความแข็งแรงของเจ้าหน่อย” ลั่วอู๋เปิดม่านดาบวิญญาณขึ้นและหัวเราะอย่างดุร้าย “อย่าให้ต้องเสียหน้าท่านบรรพบุรุษของเจ้าเลย”
ดาบแห่งการป้องกันนั้นถูกใช้บ่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยทักษะนี้เท่านั้น เขาถึงจะสามารถหยุดการโจมตีของอีกฝ่ายได้ แต่ถ้าเขาถูกลากเข้าไปอาณาเขตวิญญาณขึ้นมาละก็ เขาก็จะแพ้ในทันที
เมื่อได้ยินคำเยาะเย้ยของ ลั่วอู๋ เต่าสังหารจักรพรรดิก็คำรามอย่างโกรธเกรี้ยวขึ้นไปบน ระเบิดลมปราณดั้งเดิมของมันออกมา
“ตูม”
มันปล่อยพลังวิญญาณที่เป็นของเต่าทักษิณออกมา
แน่นอนว่ามันทำแบบนี้ได้เพียงชั่วคราว
เพราะมันนั้นไม่ใช่บรรพบุรุษของมัน
ลมปราณของมันทะลุผ่านม่านดาบของลั่วอู๋ ลงเขาบินลองออกไป ทิ้งรอยลากบนพื้นลงกว่า 1 ลี้
“แค่ก แค่กโหดมาก” ลั่วอู๋ลุกขึ้นจากพื้น มือของเขาสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เลือดในร่างและดาบระบำแห่งความตายต่างก็ส่งเสียงสะอื้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แต่แทนที่ใบหน้าของเขาจะเป็นใบหน้าแห่งความหดหู่และสิ้นหวัง ใบหน้าของลั่วอู๋ในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
นี่มันประสบความสำเร็จชัด ๆ
เลือดของสัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูงที่คู่ควรจะเป็นแหล่งพลังงานในการยกระดับดาบระบำแห่งความตายได้มาอยู่ที่นี่แล้ว
สิ่งที่ลั่วอู๋ต้องการก็คือกระตุ้นให้เต่าสังหารจักรพรรดิได้รับการเลื่อนมิติวิญญาณ มันอาศัยอยู่ในนรกมนตรามานานตั้งกว่า 8000 ปี แต่ก็ยังไม่สามารถเลื่อนระดับได้เสียที่
เพียงแต่มันยังไม่ต้องการ
เนื่องจากการพัฒนามิติวิญญาณนั้นต้องใช้ความเข้าใจและยอมรับในสวรรค์และโลก จากนั้นจึงปล่อยพลังวิญญาณให้ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกาย เสริมสร้างแก่นกำเนิดของตนเองและดำเนินการเปลี่ยนระดับชีวิตให้สมบูรณ์ขึ้น
หากไม่มีการเตรียมพร้อมไว้เป็นอย่างดี มันก็จะดูดซับพลังวิญญาณชั่วร้ายเข้าไปในการวิวัฒนาการ ซึ่งความภาคภูมิใจตามธรรมชาติของมันไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นแน่ เพราะนั่นจะทำให้มันจะเบี่ยงเบนไปจากเส้นทางวิวัฒนาการสู่การเป็นเต่าทักษิณ
อย่างไรก็ตาม การที่มันสะสมพลังวิญญาณมาเกือบ 8000 ปี เองก็ไม่ใช่ตัวแปรที่จะสามารถมองข้ามไปเฉย ๆ ได้ มันจึงต้องพยายามข่มตัวเองไม่ให้ฝืนวิวัฒนาการ
แต่ว่าด้วยสถานการณ์ในตอนนี้เต่าสังหารจักรพรรดิถูกลั่วอู๋ยั่วยุทำให้มันรู้สึกโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรง มันจึงไม่สามารถยับยั้งการวิวัฒนาการได้อีกต่อไป และเลือกที่จะฝืนเลื่อนระดับมิติวิญญาณตัวเอง
“ช่วงเวลาที่กำลังเพ่งสมาธิกับการเลื่อนขั้นมิติวิญญาณ มักจะเป็นช่วงเวลาที่เขาอ่อนแอที่สุด” ลั่วอู๋กำดาบในมือไว้แน่น
แม้ว่าตอนนี้เต่าสังหารจักรพรรดิจะดูงดงามด้วยแสงส่องสว่าง เต่าและงูต่างร้องคำรามร่วมกัน กระทืบเท้าทำให้พื้นโลกสั่นสะเทือน ดูเหมือนว่าแม้แต่ดาวอันมืดมิดบนท้องฟ้าเก้าดวงที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของปรมาจารย์ปีศาจแห่งนรกมนตราทั้งเก้าเองก็จะกลายเป็นของมัน
หากมันวิวัฒนาการได้สำเร็จละก็มันจะแข็งแกร่งและอันตรายขึ้นกว่าเดิมมาก เรียกได้ว่าขึ้นไปถึงมิติวิญญาณระดับเพชรที่เหนือกว่ามิติวิญญาณระดับทองขั้นสูงลิบลับกันเลยทีเดียว
ทว่าตอนนี้มันกำลังอยู่ในช่วงระหว่างขั้นตอนการชำระล้าง
นี่เป็นช่วงเวลาที่มันอ่อนแอที่สุด
ลั่วอู๋หายใจเข้าลึก ๆ และยกดาบวิญญาณในมือของเขาขึ้น “ข้าหวังว่า ที่ข้าคิดจะได้ผลนะ”
ดาบแห่งการทำลายล้าง!
จงออกมา
ที่ใบดาบของลั่วอู๋ถูกห่อหุ้มด้วยพลังวิญญาณแห่งการทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว
แม้ว่าสัตว์วิญญาณของเขาจะไม่ได้อยู่รอบ ๆ แต่ความเข้าใจในแก่นแท้ทักษะแห่งการทำลายล้างของเขาก็ยังมั่นคง ลั่วอู๋จึงได้ใช้พลังของแก่นแท้แห่งการทำลายล้าง สร้างทักษะดาบแห่งการทำลายล้างขึ้นมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้านี่อัจฉริยะจริง ๆ” ลั่วอู๋หัวเราะ
เขารู้สึกว่าจะทำแบบนี้ได้มานานแล้ว
และตอนนี้เขาก็ได้ประสบความสำเร็จ
“ตายซะ”
ลั่วอู๋บินไปข้างหน้าเต่าสังหารจักรพรรดิที่กำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการพัฒนายกระดับมิติวิญญาณ มันจะเสียสมาธิฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องอื่นตอนนี้ไม่ได้
เขาจึงได้ใช้ดาบระบำแห่งความตายที่ห่อหุ้มด้วยพลังวิญญาณแห่งการทำลายล้างตัดลงไปที่หางของเต่าที่เป็นร่างของงูเหลือม
ใช่แล้ว
เขาต้องเริ่มจากตรงนี้ก่อน
หัวงูถูกสะบั้นหลุดออกมาทันที เลือดอันเข้มข้นของมันไหลทะลักออกมา ท้องฟ้าเต็มไปด้วยห่าฝนของเลือดร้อน ๆ พุ่งกระจายไปทั่ว