ไหปีศาจ - บทที่ 709 ดาบเทพพิทักษ์
บทที่ 709 ดาบเทพพิทักษ์
บทที่ 709
ดาบเทพพิทักษ์
หากไม่มีสัตว์วิญญาณก็จะไม่สามารถใช้ทักษะต่าง ๆ ที่ฝึกฝนมาได้
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของ ลั่วอู๋ นั้นแตกต่างออกไป เขาเพียงแค่ถูกแยกออกจากสัตว์วิญญาณคู่สัญญาของตน ทำให้ยากที่จะรู้สึกได้ถึงกันและกัน อย่างไรก็ตามพันธสัญญาก็ยังคงมีอยู่ไม่เหมือนกับกรณีที่สัตว์วิญญาณตาย
เมื่อลั่วอู๋สงบลงและตั้งสติ เขาก็จะรู้สึกได้ถึง ทักษะต่าง ๆ ของเขากลายเป็นจุดแสงแพรวพราวในทะเลแก่นวิญญาณราวกับว่าเขาได้กลายเป็นฝุ่นละอองที่เล็กที่สุดในจักรวาล
เขาเริ่มรวบรวมจุดแสงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเขาเข้าด้วยกัน จากนั้นมันก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในทะเลแก่นวิญญาณ
ที่ทำให้ลั่วอู๋เริ่มเชี่ยวชาญทักษะเหล่านั้นจริงๆ
มันไม่ใช่เพียงแค่ใช้เป็น แต่เป็นเข้าใจอย่างสมบูรณ์แบบ
ทักษะที่สอดคล้องกับแก่นแท้ทักษะที่เขาเข้าใจเริ่มปรากฏขึ้นในมือของเขาอีกครั้ง
ซึ่งแม้ว่าตอนนี้จะมีเพียงแค่ ดาบแห่งการทำลายล้าง
ทักษะอื่น ๆ เขายังไม่ได้พวกมันกลับมา
0
ทักษะอื่น ๆ เขายังไม่ได้พวกมันกลับมา
แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
การรับรู้แก่นแท้ทักษะถึงระดับแห่งการหยั่งรู้ทำให้พลังทำลายของทักษะดาบแห่งการทำลายล้างรุนแรงพอจะสะบั้นหัวของงูเหลือมลงได้โดยตรง
ในฐานะที่มันเป็นสัตว์วิญญาณประเภทงูมันจึงมีความเร็วที่รวดเร็วมาก แต่แลกมากับการที่มันไม่มีการป้องกันที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้มันกำลังอยู่ในช่วงยกระดับมิติวิญญาณอยู่ทำให้ความแข็งแกร่งลดลงไปอีก ลั่วอู๋จึงสามารถสะบั้นหัวมันลงได้
“ฟ่อฟ่อ!” หัวของงูหลามหลุดกลิ้งไปบนพื้นอย่างเจ็บปวด พลังวิญญาณของมันไหลออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเลือดที่ทะลักออกมา
เห็นได้ชัดว่าเต่าสังหารจักรพรรดิรู้สึกได้ถึงสิ่งนี้ มันคำรามด้วยความโกรธ ทำให้พลังวิญญาณอันชั่วร้ายรอบตัวมันสั่นสะเทือน ราวกับว่าอุกกาบาตตกลงมาจากท้องฟ้าพร้อมจะทำลายโลกทั้งใบ
แม้ว่าแก่นวิญญาณของมันจะยังไม่ได้การเปลี่ยนแปลง แต่ร่างกายของมันนั้นได้เปลี่ยนไปเป็นของสัตว์วิญญาณระดับเพชรแล้วเรียบร้อย
ความแข็งแกร่งพอจะเทียบได้กับสัตว์วิญญาณระดับเพชรมิติ 1 เลยทีเดียว
ใบหน้าของลั่วอู๋แข็งลง นี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่
หากอยู่ในระดับสูงสุดของทองขั้นสูง เขาก็คงจะไม่ได้กลัวมันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เขานั้นยังเป็นเพียงแค่มิติวิญญาณระดับทองขั้นสูง มิติ 2
มิติวิญญาณต่างกันถึง 8 มิติ อีกทั้งอีกฝ่ายยังเป็นสายเลือดของเต่าทักษิณ
อย่างไรก็ตามโชคดีที่ลั่วอู๋ได้ตัดหางงูหลามของมันออกไปแล้ว ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเต่าสังหารจักรพรรดิจึงลดลงอย่างมาก มันทำให้เขากล้าที่จะสู้กับมันต่อได้
ลั่วอู๋รวบรวมพลังวิญญาณทั่วร่างของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นด้วยท่าทางอันแน่วแน่ เขาก็ใช้ทักษะดาบแห่งการปกป้อง
“กรร”
เต่าสังหารจักรพรรดิพ่นลมปราณของเต่าทักษิณออกมา
ทันใดนั้นพลังวิญญาณอันรุนแรงก็ได้ควบแน่นแผ่ขยายออกไป อากาศหนาวเย็นขึ้นพร้อมกับหมอกอันเย็นยะเยือก
ลั่วอู๋รู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังร่วงหล่นลงมา
ทันทีที่ลั่วอู๋ฟันลงมาที่ไหล่ของมัน
ในเวลานี้ดาบระบำแห่งความตายในมือของเขาส่องแสงสีดำสว่างไสว พลังแห่งแก่นแท้ดาบอันบริสุทธิ์พุ่งเข้ามาในหัวใจของเขา
“ เจ้า … ” ลั่วอู๋ตกใจ
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ดาบระบำแห่งความตายก็กลายเป็นสีดำเหมือนหมึกโดยสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามใบดาบที่แคบแต่เดิมนั้นค่อย ๆ กว้างขึ้น และรางเลือดดั้งเดิมก็ได้หายไปแล้วกลายเป็นใบดาบอันเรียบเนียน หนาเต็มไปด้วยความรู้สึกอันปลอดภัย
“เจ้าต้องการปกป้องข้างั้นเหรอ ?”ลั่วอู๋รู้สึกถึงได้จิตวิญญาณแห่งดาบ
ดาบระบำแห่งความตายส่งเสียงออกมาเบา ๆ
มันได้พัฒนามาเรื่อย ๆ จน ตอนนี้มันก็ได้ก่อเกิดจิตวิญญาณแห่งปัญญาขึ้นมา
ดาบระบำแห่งความตายนั้นอยู่คู่กับลั่วอู๋มาโดยตลอด ลั่วอู๋จึงถือเป็นคนที่ใกล้ชิดและเป็นที่รักของมันมากที่สุด มันจึงรู้สึกได้ว่าถึงแล้วที่มันต้องออกมาปกป้องลั่วอู๋ นั้นจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
“ดีล่ะ!” ลั่วอู๋พยักหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ “มาทำลายมันด้วยกันเถอะ”
มนุษย์และดาบ
ความคิดของทั้งคู่ได้เชื่อมโยงกัน
ลั่วอู๋ลุกขึ้นพร้อมดาบของเขา ม่านดาบก็กลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ในทันที น้ำตกที่เกิดจากดาบวิญญาณมหาศาลกลายเป็นเหมือนทางช้างเผือกไหลลงไปดั่งหิมะถล่ม
“ตูม”
คลื่นพลังวิญญาณอันน่ากลัวแพร่กระจายออกไป
พลังวิญญาณนี้สามารถบดขยี้ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ภายใต้มิติวิญญาณระดับต่ำกว่าระดับจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย
แต่ลั่วอู๋กลับหัวเราะแล้วบินออกไป ดาบสีดำขนาดใหญ่ถูกห่อหุ้มด้วยพลังวิญญาณแห่งการทำลายล้าง จากนั้นก็สับลง “ลองใช้ดาบแห่งการปกป้องรวมเข้ากับพลังวิญญาณแห่งการทำลายล้างของข้าดูสิ”
ดาบวิญญาณฟันตัดลงบนร่างของเต่าสังหารจักรพรรดิ ทำให้การทำงานในร่างกายของมันหยุดชะงักลงไปโดยสิ้นเชิง พลังวิญญาณพลุ่งพล่านออกไปทุกหนทุกแห่ง
เต่าสังหารจักรพรรดิคำรามด้วยความตื่นตระหนก แต่มันก็ไม่สามารถควบคุมความแข็งแกร่งในร่างกายของมันได้ จึงทำได้แค่ปล่อยให้ร่างกายของมันพังทลายลง
นี่คือสิ่งที่ลั่วอู๋วางแผนไว้
ไม่จำเป็นจะต้องหาทางฆ่าอีกฝ่าย ตราบใดที่เขาเข้าไปยุ่งกับการพัฒนามิติวิญญาณของมันจนปั่นป่วนได้มันก็จะตาย
ดังนั้นระหว่างการพัฒนา ผู้ใช้พลังวิญญาณจึงต้องหาสถานที่ปลอดภัย ไม่ว่ามันจะเลวร้ายแค่ไหนก็จำเป็นจะต้องมีใครสักคนป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ นั่นก็เพราะช่วงเวลาแห่งการพัฒนานั้นเป็นช่วงเวลาที่เปราะบางที่สุดเสมอ
อย่างไรก็ตามลั่วอู๋ไม่ต้องการเห็นเต่าสังหารจักรพรรดิระเบิดตัวตาย จนเนื้อและเลือดกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง เขาจึงลงมือปลิดชีพมันด้วยตนเอง
ดาบของลั่วอู๋แทงไปหลังคอของเต่าสังหารจักรพรรดิ พลังทำลายล้างแตกออกตัดแก่นวิญญาณ ฆ่ามันลงทันที
ตูม
ร่างกายขนาดใหญ่ของเต่าสังหารจักรพรรดิทรุดตัวลง พื้นโลกทั้งใบสั่นสะเทือน เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่
” ฮู … ”
หลังจากทั้งหมดนี้ ลั่วอู๋ ได้นั่งลง อ้าปากค้างเพื่อหายใจ เขาใช้ทักษะกู้คืนพลังวิญญาณของเขากลับมา
ตอนนี้เขาเหนื่อยมาก
“ดื่มเข้าไป ดื่มเข้าไป” ลั่วอู๋กล่าวอย่างมีความสุข
ดาบระบำแห่งความตายซึ่งแทงลงไปที่หลังคอของเต่าสังหารจักรพรรดิดื่มเลือดของมันส่งเสียงแห่งความพึงพอใจดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
สัตว์วิญญาณระดับเพชร ที่เป็นสายเลือดของเต่าทักษิณ
นี่มันเพียงพอแล้วสำหรับการยกระดับมิติวิญญาณ
ดาบระบำแห่งความตายดูดซับเลือดทั้งหมดในร่างกายของเต่าสังหารจักรพรรดิอย่างไร้ความปรานีและจากนั้นก็เปล่งแสงอันมืดมิดพร่างพราว
พลังวิญญาณของดาบอันรุนแรงถูกแพร่กระจายออกไป
เมฆฝนฟ้าคะนองอันน่ากลัวบนท้องฟ้ารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
เมื่อมันได้รับการเลื่อนขั้นสู่อาวุธระดับสวรรค์ มันจึงได้กลายเป็นอาวุธที่แท้จริง เนื่องจากอาวุธมนตรานั้นต้องผ่านการทดสอบจากสวรรค์เสียก่อนจึงจะประสบความสำเร็จ
บูม
เกิดเมฆฝนฟ้าคะนอง
พลังแห่งการทำลายล้างเบ่งบานไปทั่ว
สายฟ้าร้อง และฟ้าผ่ารวมตัวกันเป็นกระแสน้ำตกลงอย่างบ้าคลั่งแผ่นดินสั่นสะเทือนพื้นโลก จากนั้นแสงสีม่วงก็หมุนวนไปทุกหนทุกแห่งแบบเดียวกับการกำเนิดของมังกรปีศาจในตำนาน
ดาบระบำแห่งความตายทำให้ดาบวิญญาณนับไม่ถ้วนรวมตัวกันวงดาบ พุ่งขึ้นไปใส่สายฟ้า
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
วงล้อมแห่งดาบ?
แม้ว่าลมปราณจะความแตกต่างกัน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าดาบระบำแห่งความตายกำลังพยายามจะจำลองวงล้อมแห่งดาบด้วยตัวเอง
ตูม!
สายฟ้าแตกออก
แต่ไม่ทันที่ลั่วอู๋จะมีความสุข สายฟ้าก็ผ่าลงมาอีกระลอก
หลังจากนั้นลั่วอู๋ก็ต้องเจอกับพายุฝนฟ้าคะนองอย่างหนักจน เขารู้สึกหวาดกลัว
เขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเหมือนพวกสัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูงที่รูปร่างน่ากลัว เขาต้องเกลียดมันแน่ ๆ เมื่อมันปรากฏออกมา
ดาบระบำแห่งความตายแผ่ออกเป็นวงล้อของม่านดาบแห่งการปกป้อง ม่านดาบลอยอยู่บนท้องฟ้ารับการโจมตีของสายฟ้าฟาด
บูม
บูม
พายุฝนฟ้าคะนอง ทำให้เกิดสายฟ้าผ่าลงมาต่อกัน 99 ครั้ง
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงมันก็สิ้นสุดลง
เหลือเพียงดาบแห่งความมืดตกลงมาจากอากาศ
ลั่วอู๋แทบหมดลมหายใจ เขารีบลุกขึ้นไปรับมัน ดาบระบำแห่งความตายกลายเป็นเหมือนถ่านสีดำที่ไหม้เกรียม จนแทบจะไม่สามารถถือไว้ในมือได้
“ไม่นะ! มันล้มเหลว” ดาบของข้า อย่าทำให้ข้าตกใจสิ “ลั่วอู๋พูด
แต่จู่ ๆ ดาบที่เป็นเหมือนถ่านสีดำก็แตกออก ตอบสนองต่อเสียงเผยให้เห็นแสงอันสว่างบริสุทธิ์ จนไม่สามารถมองตรง ๆ ไปที่มันได้
แก่นวิญญาณของดาบอันสมบูรณ์หาที่เปรียบมิได้ถูกเปิดเผยออกมา ทำให้โลกโดยรอบดูซีดเซียว
ลั่วอู๋ลอกถ่านสีดำออก แล้วปล่อยให้ดาบระบำแห่งความตายแสดงรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมัน
ใบดาบนั้นชัดเจน มันทั้งสว่าง ทั้งมืด ทั้งกว้างและหนัก มันเป็นเหมือนยอดเขาเต็มไปด้วยสายลมกรรโชก นอกจากนี้ยังมีพลังแห่งการทำลายล้างอยู่
“นายท่าน … ”
ความคิดอันชัดเจนถูกส่งต่อไป
เสียงของจิตวิญญาณ
วิญญาณแห่งดาบได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้วจริง ๆ
ลั่วอู๋มองไปที่ดาบในมือของเขา มันค่อยๆแสดงรูปลักษณ์ของวิญญาณดาบออกมา กลายเป็นรูปร่างของหญิงสาวผู้สง่างาม ด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนในชุดกระโปรงสีม่วง
“ยินดีที่ได้พบ นายท่าน” หญิงสาวทักทายด้วยรอยยิ้ม
ลั่วอู๋ ยังหัวเราะ “หลังจากนี้ก็ขอฝากตัวด้วย”
หญิงสาวยิ้มให้กับเขา
“ต่อไปนี้ข้าคงไม่สามารถเรียกเจ้าว่าดาบระบำแห่งความตายได้อีกแล้วล่ะมั้ง มันไม่สอดคล้องกับนิสัยใจคอของเจ้า เรามาเปลี่ยนชื่อของเจ้ากันเถอะ” “ชื่อของเจ้า คือดาบเทพพิทักษ์”