ไหปีศาจ - บทที่ 745 ลมปราณที่หายไป
บทที่ 745 ลมปราณที่หายไป
บทที่ 745
ลมปราณที่หายไป
จงลี่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าทักษะเกราะมังกรน้ำแข็งที่เขาภาคภูมิใจจะถูกทำลายลงได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้
เขาไม่ทันรู้สึกได้ถึงอันตรายใด ๆ จากชายชราด้วยซ้ำ
หากอีกฝ่ายจู่โจมจากในความมืด เกรงว่าตอนนี้เขาคงจะกลายเป็นศพไปแล้ว
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเป็นนักฆ่าลัทธิเต๋าในตำนานจริงๆ
“กลับกันเถอะ” หลังจากที่ชายชราเสร็จสิ้นธุระทั้งหมดนี้เขาอุ้มหยิบหลี่หยินขึ้นอย่างช้า ๆ แล้วบินไปที่ลานจัตุรัสในเมืองหลวงของจักรวรรดิ เขาเดินออกมาง่าย ๆ เหมือนกลับบ้าน
จงลี่และพรรคพวกได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของเขา โดยที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรอีกสองคนนั้น ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าจงลี่ พวกเขาไม่เห็นการโจมตีใด ๆ ด้วยซ้ำ เห็นเพียงแค่ว่าเกราะมังกรน้ำแข็งของจงลี่อยู่ดี ๆ ก็แตกสลายลง
แล้วพวกเขาจะต้านทานความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ยังไง
สำหรับเซียวอวี้เขาเห็นเพียงแค่เส้นสีดำวิ่งผ่านช่องว่างไป แต่เขาก็เห็นมันได้ไม่ชัดเท่าไหร่
นอกจากนี้อีกฝ่ายยังรู้ประตูตำแหน่งประตูแห่งชีวิต ของร่างกายนิรันดร์ จนสามารถทำร้ายตัวเขาได้ นั่นทำให้เซียวอวี้ไม่กล้าไล่ตามชายชราคนนั้นไป
ราชินีแห่งฝันร้ายได้หลบหนีออกไปแล้ว
ตระกูลต่าง ๆ และเหล่าผู้มีอิทธิพลทั้งหมดต่างก็ได้เห็นฉากนี้
นักฆ่าลัทธิเต๋ายังมีชีวิตอยู่ และความแข็งแกร่งเขานั้นน่ากลัวกว่าเมื่อ 300 ปีก่อนมาก
นี่ถือเป็นข่าวใหญ่
หลายคนเริ่มคิดถึงความหมายเบื้องหลังการกระทำของเขาในวันนี้
สำนักเฉียนหลงคิดอะไรอยู่กันแน่ ทำไมพวกเขาถึงยอมให้นักฆ่าลัทธิเต๋าออกมาได้
แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่าง จริง ๆ จัง ๆ
เพราะมันเป็นเรื่องของนักฆ่าลัทธิเต๋าที่ควรจะตายไปแล้วเมื่อ 300 ปีก่อน
……
……
ณ ลานจัตุรัสมีทูตเฉียนหลงกำลังยืนรอพวกเขาอยู่
แม้ที่นี่จะมีกองทัพทยอยกันเข้ามาล้อมรอบนักฆ่าลัทธิเต๋าและหลี่หยิน แต่พวกเขาไม่กล้าที่จะขยับหรือเข้าใกล้ทั้งสองคน ทำได้เพียงแค่ยืนเตรียมตัวต่อสู้จากระยะไกล
“เชิญครับ อาจารย์” ทูตเฉียนหลงกระซิบ
นักฆ่าลัทธิเต๋าพยักหน้า “พวกเราพร้อมจะกลับไปแล้ว”
ประตูห้วงมิติถูกเปิดออก
กองทัพโดยรอบได้แต่เฝ้าดูราชินีแห่งฝันร้ายเข้าไปในประตูห้วงมิติแล้วหายวับไปกับตา พวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน
แม้พวกเขาจะโกรธ แต่ในขณะเดียวกันก็โล่งใจที่การสังหารไม่ลุกลามไปมากกว่านี้
พวกฉูจงฉวนเองก็ได้มาถึงแล้วเช่นกัน
แน่นอนว่ามันเร็วเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะไล่ตาม หลี่หยินทัน
สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงของจักรวรรดิ ทำให้พวกเขาต้องอ้าปากค้าง
โชคดีที่ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกันกับราชินีแห่งฝันร้าย มิฉะนั้นพวกเขาคงจะถูกเหล่าทหารที่กำลังโกรธแค้นฉีกเป็นชิ้น ๆ แน่
หลังจากที่พวกเรารู้ว่าราชินีแห่งฝันร้าย กลับไปยังสำนักเฉียนหลงแล้ว พวกเขาเองก็วิ่งตามเข้าไปในประตูห้วงมิติอย่างเร่งรีบ
……
ในสำนักเฉียนหลง
นักฆ่าลัทธิเต๋าและหลี่หยินได้ปรากฏตัวขึ้นในเวลาเดียวกัน
พวกเขาเดินช้าๆไปที่ คฤหาสน์สุตรา ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พลังวิญญาณของฝันร้ายในร่าง หลี่หยิน ได้หดหายไปมาก แต่การแสดงออกของนางก็ยังคงเย็นชาและชุดสีดำเองก็ยังดูโหดเหี้ยมเหมือนเดิม
“เมื่อกี้ท่านบอกข้าว่าทักษะร่างอมตะนิรันดร์ ไม่มีจุดอ่อนงั้นเหรอ?” หลี่หยินพูดถามขึ้น
นักฆ่าลัทธิเต๋าไม่ได้หยุดเดินและพูดว่า “ก็ต้องไม่มีอยู่แล้วสิ ทักษะที่เป็นเอกลักษณ์ของราชาผีดิบฮาน จะไปมีจุดอ่อนอย่างประตูแห่งชีวิตได้อย่างไรเล่า? ”
ร่างอมตะนิรันดร์เป็นหนึ่งในทักษะระดับ SS ที่ทรงพลังที่สุด ซึ่งใกล้เคียงกับทักษะระดับ SSS ในตำนาน
เมื่อใช้ทักษะนี้แล้วร่างกายจะแข็งแกร่งและไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ มีเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณระดับจักรพรรดิในตำนานเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับมันได้
ทักษะดังกล่าวจะไปมีจุดอ่อนได้อย่างไรกัน
“แล้วท่าน … ” หลี่หยินลังเล
“แน่นอนสิ ข้าก็แค่หลอกเขา” นักฆ่าลัทธิเต๋าหัวเราะเหมือนชายชราผู้ซุกซน “ข้าแค่ตัดเส้นวงจรพลังวิญญาณของเขา ทำให้เหมือนกับว่าทักษะของเขาล้มเหลว เขาจะได้คิดว่าร่างอมตะนิรันดร์ของเขามีจุดอ่อนที่เรียกว่าประตูแห่งชีวิตจริง ๆ อย่างที่ข้าพูด อันที่จริงแล้วเขาก็แค่ต้องยืนให้ไกลจากข้า แล้วใช้ทักษะร่างอมตะนิรันดร์ของเขาอีกครั้งเท่านั้นเอง ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลี่หยินก็พูดไม่ออก
“แต่ท่านแทงเขาเข้านี่นา”
“มันยากตรงไหนกัน?”
“ยากสิ ร่างกายของราชาผีดิบฮานมันแข็งแกร่งเกินไป” หลี่หยินตอบกลับ
นางไม่เคยสามารถทิ้งรอยบาดแผลไว้บนตัวเซียวอวี้ได้เลย
“ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” นักฆ่าลัทธิเต๋าหัวเราะ “ต่อหน้าการโจมตีของข้า เขาก็ที่เป็นเพียงร่างผสมจำแลงของราชาผีดิบ ป้องกันมันไม่ได้หรอก ต่อให้เป็นราชาผีดิบตัวจริงที่ยืนอยู่ตรงหน้าข้าละก็ มันก็ต้องมีรูบนร่างกายจากการโจมตีของข้าอยู่ดี”
ดวงตาของหลี่หยินกะพริบเล็กน้อย
“เจ้าอยากเรียนมันงั้นเหรอ?” นักฆ่าลัทธิเต๋าถาม
หลี่หยินพยักหน้า
นักฆ่าลัทธิเต๋าพอใจมาก
เมื่อเทียบกับหลี่หยินในอดีตที่ต้องการเพียงแค่เข้าใจแก่นแท้ทักษะแห่งห้วงมิติเพียงอย่างเดียว นักฆ่าลัทธิเต๋าก็ชอบศิษย์ของเขาในปัจจุบันมากกว่า
หลังจากนั้นไม่นานหลี่หยินก็ถามเขา “ยิ่งโจมตีได้แรงเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายที่ต้องแลกมาเพื่อใช้มันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้นใช่ไหม?”
โลกนี้มีความสมดุล
ไม่มีทักษะอะไรที่ได้มาฟรีโดยไม่มีจุดอ่อนหรือข้อเสีย
“มันมีข้อจำกัด มากมายในการใช้ทักษะโจมตีดังกล่าวและค่าใช้จ่ายเองก็สูงมาก” “แม้แต่ข้าก็สามารถใช้มันได้มากสุดแค่วันล่ะสามครั้งเท่านั้น”
หลี่หยินตกตะลึงแล้วมองไปที่ดวงตาของนักฆ่าลัทธิเต๋า
“อย่ามองข้าแบบนั้นสิ สัตว์วิญญาณ ทั้งหมดของข้าตายไปแล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่ความแข็งแกร่งของข้าจะลดลงไปมาก” นักฆ่าลัทธิเต๋ากล่าวอย่างใจเย็น “ถ้าเจ้าต้องการต่อสู้กับไอ้ร่างจำแลงผสมนั่นจริง ๆ พลังในตอนนี้ของเจ้าก็น่าจะเพียงพอแล้ว ที่ข้าเอาชนะเขาไม่ได้ก็เพราะความสามารถในการฟื้นตัวของเขาแข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นบางครั้งเจ้าก็ต้องใช้กลอุบายเล็กน้อย ”
ในความเป็นจริงตั้งแต่การปรากฏของนักฆ่าลัทธิเต๋า เขาได้ใช้ทักษะนี้ออกไปทั้งหมดสองครั้งด้วยกัน
ครั้งแรกตอนที่โจมตีร่างของเซียวอวี้
อีกครั้งคือตอนที่ทำลายเกราะมังกรน้ำแข็งของจงลี่
การโจมตีเหล่านั้นทิ้งภาพหลอนอันยิ่งใหญ่ไว้ในหัวใจของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรทั้งสี่คน นอกจากนี้น้ำเสียงที่เย่อหยิ่งของนักฆ่าลัทธิเต๋า และการเอ่ยถึงซวนชิงหยู่ ก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายหมดความปรารถนาที่จะต่อสู้ลงไปมากกว่าเดิม
อันที่จริงสิ่งที่จงลี่พูดนั้นก็ไม่ผิด พวกเขาทั้งสี่สามารถจัดการโค่นนักฆ่าลัทธิเต๋าได้จริง ๆ เพียงแต่ว่าพวกเขากลัวจนเกินไป
พวกเขากลัวเพราะว่าการโจมตีของนักฆ่าลัทธิเต๋านั้นรุนแรงมาก และยิ่งไปกว่านั้นพวกเขากลัวว่านักฆ่าลัทธิเต๋าจะเริ่มต้นการสังหารหมู่ขึ้นมาอีกครั้ง
คงจะเป็นเพราะพวกเขาประเมินว่านักฆ่าลัทธิเต๋าน่าจะสามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าราชินีแห่งฝันร้ายหลายเท่า
“ ถ้าเจ้าต้องการเรียนรู้ทักษะการโจมตีของข้า อย่าง น้อย ๆ เจ้าก็ต้องไปถึงระดับของการหยั่งรู้ในแก่นแท้แห่งการฆ่า แต่สิ่งนี้ก็ไม่น่าจะยากอะไรสำหรับเจ้า”นักฆ่าลัทธิเต๋ากล่าว
หลี่หยินพยักหน้า
นางไม่แน่ใจว่านางไปไกลถึงระดับไหนแล้ว
แต่เนื่องจากฝันร้ายมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ขั้นตอน “มหาฝันร้าย” มากขึ้น นางจึงน่าจะมีการเรียนรู้เกี่ยวกับแก่นแท้แห่งการฆ่ามาถึงระดับที่สี่แล้ว
ทันใดนั้นหลี่หยินก็พูดขึ้น “ข้าต้องการไปที่นรกมนตรา”
จังหวะการเดินอันเชื่องช้าของนักฆ่าลัทธิเต๋าได้หยุดลงในที่สุด
“ ข้าพาเจ้าไปไม่ได้” การแสดงออกของนักฆ่าลัทธิเต๋าซับซ้อนและจริงจัง
“แล้วใครเป็นคนดูแลประตูห้วงมิติล่ะ”
“ เดี๋ยวข้าจะไปตามมาให้”
นักฆ่าลัทธิเต๋าวิ่งไป
จากนั้นรองประธาน หลี่หวู่หยวน ถูกดึงตัวมาอย่างรวดเร็ว เขาสบถอย่างขมขื่นในใจ เจ้าไม่อยากทำให้ศิษย์ของเจ้าไม่พอใจ ถึงขั้นไปลากข้ามาให้นางเลยเหรอ?
หลี่หวู่หยวน อธิบายอย่างช่วยไม่ได้ “ตอนนี้สถานการณ์ของนรกมนตรานั้นอันตรายเป็นพิเศษ ตราบใดที่ปรมาจารย์ปีศาจแห่งนรกมนตราทั้งเก้ายังไม่หลับ พวกเราไม่สามารถรับความเสี่ยงใด ๆ ได้”
ทว่าหลี่หยินไม่ใช่คนที่จะรับฟังความจริงได้ในตอนนี้
นี่เป็นอะไรที่ชัดเจนมากสำหรับนักฆ่าลัทธิเต๋า
เขาจึงไม่กล้าพูดเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะกลัวว่าศิษย์จะมีความรู้สึกไม่ดีต่อเขา ดังนั้นเขาจึงไปพาหลี่หวู่หยวน มารับเคราะห์แทน
ถ้าเกิดหลี่หยินไม่พอใจละก็
แม้แต่หลี่หวู่หยวนก็ไม่อาจจะสามารถระงับนางเอาไว้ได้
ฉูจงฉวนและพรรคพวกเองก็เดินเข้ามาห้ามนางด้วยเช่นกัน แต่คำแนะนำของพวกเขาก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้หลี่หยินไม่คิดจะฟังคำพูดของใครทั้งนั้น
แต่แล้วจู่ ๆ สัตว์ร้ายกระหายเลือดก็ได้กล่าวขึ้น “ลมปราณของลั่วอู๋ได้หายไปแล้ว”
ทันใดนั้นบรรยากาศก็เงียบลง