ไหปีศาจ - บทที่ 746 ซวนชิงหยู่
บทที่ 746 ซวนชิงหยู่
บทที่ 746
ซวนชิงหยู่
ลมปราณของลั่วอู๋ขาดหายไปไปแล้ว
การเปิดห้วงมิติของสัตว์ร้ายกระหายเลือดนั้นต้องมีพิกัดที่แน่นอน เพราะถ้าหากเปิดประตูห้วงมิติมั่วซั่วจนหลุดไปในห้วงมิติอันว่างเปล่าก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงตายได้
นอกจากนี้มันก็ยังไม่รู้ว่าที่นรกมนตราสถานการณ์นั้นได้เปลี่ยนไปอย่างไรบ้างแล้ว
หลังจากที่ท่านหม่าเฉินปรากฏตัวขึ้นมา มันก็เริ่มคิดว่าพวกเขาน่าจะพอมีโอกาสในการทำลายแผนการของปรมาจารย์ปีศาจแห่งนรกมนตราทั้งเก้าได้สำเร็จ เพราะมันเองก็ไม่ต้องการให้พวกปีศาจหลุดมาที่มิติหลักแห่งนี้
ไม่มีสิ่งมีชีวิตปกติที่ไหนต้องการให้เหล่าปีศาจของ นรกมนตราหลุดออกมาอยู่แล้ว
น่าเสียดายที่ร่องรอยของสวรรค์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
แม้ว่าท่านหม่าเฉินจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก แต่ปรมาจารย์ปีศาจแห่งนรกมนตราทั้งเก้าเองก็เป็นสัตว์วิญญาณเก้าตัวที่ทรงพลังและน่ากลัวที่สุดในนรกมนตราเช่นกัน
ดูเหมือนว่าทางเลือกของมันจะมีแค่ไปแสวงหาที่อยู่อาศัยใหม่ในต่างแดน
สัตว์ร้ายกระหายเลือดนั้นค่อนข้างรู้สึกผิดหวังที่พบว่าลมปราณของลั่วอู๋นั้นได้หายไป ที่ทำให้มันเดาว่าลั่วอู๋นั้นน่าจะตายไปแล้ว
แต่การที่ลั่วอู๋เลือกไปเข้าใกล้การต่อสู้ของตัวตนชั้นยอดเองก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากการมองหาความตายอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร
แน่นอนว่ามันไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกมา เพราะมันไม่อยากทำให้คนเหล่านี้เสียใจ สู้ให้ภาพลวงตากับพวกเขาเหล่านี้ว่าลั่วอู๋ยังมีชีวิตอยู่เสียดีกว่า
ทว่าหลี่หยินนั้นดื้อด้านที่จะไปนรกมนตรามากเกินไป
อีกทั้งสถานการณ์ตอนนี้มันก็ไม่เหมาะที่จะเปิดประตูห้วงมิติไปยังนรกมนตรา มันจึงเลือกที่จะบอกความจริงกับทุกคนไปเลย เพื่อที่จะได้หยุดหลี่หยินลง
องค์หญิงเจียโรว รู้สึกราวกับว่านางถูกสาดน้ำด้วยอ่างน้ำแข็ง หัวใจของนางรู้สึกเย็นและเสียดแทง
มันยากที่รับได้เมื่อเริ่มจะมองเห็นความหวัง แต่กลับต้องมาสิ้นหวังอีกครั้ง
ฉูจงฉวน อ้าปากค้าง เขาพูดอะไรไม่ออกได้แต่มองไปที่ท้องฟ้า
คนอื่น ๆ เองก็สะอึกไปตาม ๆ กัน
มีเพียงหลี่หยินเท่านั้นที่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า “การหายไปของลมปราณไม่ได้มีความหมายอะไรเลย บางทีมันอาจเป็นเพียงแค่เจ้าไม่รู้สึกถึงมัน”
นี่อาจจะเป็นข้อโต้แย้งที่รุนแรง แต่มันก็เป็นไปได้จริงๆ แม้ความเป็นไปได้นี้ก็ยังน้อยเกินไป สัตว์ร้ายกระหายเลือดนั้นเป็นสัตว์วิญญาณโบราณระดับเพชร
“ ถ้าข้าไม่รู้สึกถึงลมปราณของเขา เจ้าคิดว่าตัวเจ้าเองจะตามหาลั่วอู๋เจอในนรกมนตราได้ด้วยตัวเองอย่างนั้นเหรอ?” สัตว์ร้ายกระหายเลือดส่ายหัว
หลี่หยินเงียบเป็นเวลานาน ชุดสีดำยาวพลิ้วไหวในสายลมราวกับดอกกุหลาบสีดำที่ละเอียดอ่อน
“เมื่อข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า ข้าจะพบเขาแน่” หลี่หยินกล่าว
สัตว์ร้ายกระหายเลือดได้แต่อ้าปากค้างไปอย่างแปลก ๆ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
จากนั้นหลี่หยินเดินเลี้ยวออกไปยังคฤหาสน์สุตรา
นักฆ่าลัทธิเต๋าต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ หลี่หวู่หยวนก็มาหยุดไว้
หลี่หวู่หยวน กล่าวว่า “อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยเถอะ”
“หากฝึกฝนด้วยความหมกมุ่นเช่นนี้หากความคาดหวังในอนาคตล้มเหลว มันจะส่งผลร้ายแรงต่อสภาพจิตใจของนาง” นักฆ่าลัทธิเต๋ากังวล
“แล้วถ้าเจ้าทำลายความคาดหวังของนางในตอนนี้ ผลมันจะต่างกันรึไง?”
“น…”
นักฆ่าลัทธิเต๋าลังเล
หลี่หวู่หยวน กล่าว “เจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่า ลั่วอู๋ เป็นประตูชีวิตของนาง ถ้าเจ้าบอกนางว่าลั่วอู๋น่าจะตายไปแล้ว เจ้าย่อมรู้ดีไม่ใช่เหรอว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง?”
นักฆ่าลัทธิเต๋าถอนหายใจ
ผลลัพธ์นั้นไม่ได้ต่างกันเลย
แม้จะมีคำศัพท์ 80000 คำในโลก แต่คำว่า “รัก” นั้นทำให้เจ็บได้มากที่สุด
ถึงลั่วอู๋จะหายตัวไป อย่างน้อย ๆ นางก็ยังมีความหวังว่าลั่วอู๋นั้นยังมีชีวิตอยู่ หากเทียบกับการให้ความแค้นกลายเป็นความหมกมุ่นที่สนับสนุนหลี่หยิน แบบนั้นสถานการณ์อาจจะมีแต่แย่ลงมากกว่า
“รอไปก่อน บางทีพวกเราอาจจะคิดทางแก้ออกได้สักวัน” หลี่หวู่หยวน กล่าว
“มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น” แสงแห่งความกังวลฉายในดวงตาของนักฆ่าลัทธิเต๋า “เจ้าหนุ่มนั่นต้องไม่ตาย”
……
เมืองหลวงของจักรวรรดิ
เหตุการณ์การสังหารหมู่ครั้งใหญ่ดังกล่าวทำให้เกิดความตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
หลี่ซวนซงนั่งอยู่ในหอสมุดของราชสำนัก เอกสารในมือเขาถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มันคือเอกสารที่บันทึกจำนวนผู้เสียชีวิตและความสูญเสียที่เกิดขึ้น
มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจ ประชาชนของเขาต่างกำลังตกอยู่ในอันตราย
ความตื่นตระหนกกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
“ ทำไม พวกเจ้าถึงไม่จับตัวราชินีแห่งฝันร้ายมา” หลี่ซวนซง ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา พลังวิญญาณมังกรอันเต็มไปด้วยความกดดันครอบงำไปทั่วหอสมุดราชสำนักทั้งหมด
เซียวอวี้และผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรอีกสามคนได้แต่ยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก
จงลี่เป็นผู้ริเริ่มอธิบายสถานการณ์ด้วยเสียงต่ำ “มันแข็งแกร่งเกินไป พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักฆ่าลัทธิเต๋า”
คิ้วของ หลี่ซวนซง ขมวดแน่น ศักดิ์ศรีของผู้ที่เหนือกว่าทำให้ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชร หลายคนตกอยู่ในภวังค์
ร่างของจักรพรรดิองค์ใหม่ค่อยๆซ้อนทับกับองค์เก่า ต้องยอมรับว่าจักรพรรดิองค์ใหม่นั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจักรพรรดิองค์เก่าเลย
ในเวลานี้เสียงแผ่วเบาก็ดังขึ้นจากในความว่างเปล่า “นักฆ่าลัทธิไม่สามารถทำอะไรพวกเจ้าได้หรอก”
ทุกคนต่างตกตะลึง แม้แต่จงลี่ก็ยังประหลาดใจ “ท่านมหาโหราจารย์?”
ใช่แล้ว ชายคนนี้คือซวนชิงหยู่ มหาโหราจารย์ของราชสำนัก เขาคือไพ่ตายใบสุดท้ายของราชวงศ์
ชายชราในชุดคลุมสีเทาเคราสีขาวปรากฏตัวขึ้นในหอสมุดราชสำนักเขาลอยอยู่กลางอากาศโดยใช้เข่าไขว้กัน ดูทรงพลังและเที่ยงธรรมอยู่เหนือสรรพสิ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาปรากฏขึ้นตัวนับตั้งแต่ หลี่ซวนซง ขึ้นครองบัลลังก์
หลี่ซวนซงเลิกคิ้ว เขานั้นรู้ถึงความสำคัญในตัวตนของอีกฝ่าย ก่อนหน้านี้เขาเคยพยายามแสดงออกถึงความปรารถนาดีของเขา แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยให้ความสนใจกลับมาเลย
เขาจึงไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมาแสดงตัวโดยสมัครใจในตอนนี้
“มหาโหราจารย์” หลี่ซวนซง ยืนขึ้นและทำความเคารพ มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิราชวงศ์มังกรเร้นกายที่จะบรรลุถึงระดับได้เจอกับเขาคนนี้
ซวนชิงหยู่ ดูเหมือนจะจำ หลี่ซวนซง ได้และพยักหน้า เบา ๆ
จงลี่ถามอย่างงง ๆ “ท่านมหาโหราจารย์ ที่ท่านเพิ่งพูดมาหมายความว่าอย่างไร”
“หากนักฆ่าลัทธิเต๋ามีความสามารถเทียบเท่าหรือมากกว่าเมื่อ 300 ปีก่อน ข้าคงจะไม่ปล่อยให้เขาหนีไปที่สำนักเฉียนหลงแน่” ซวนซิงหยู่กล่าวเบา ๆ
เสียงของเขาว่างเปล่าราวกับว่าไม่ใช่เสียงที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้
“แต่” เห็นได้ชัดว่าจงลี่ลังเลที่จะพูด
ซวนชิงหยู่กล่าว “พวกเจ้าถูกเขาหลอก สัตว์วิญญาณทั้งหมดของเขาถูกฆ่าตายไปแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาลดลงไปอย่างมาก เขาสูญเสียทักษะในการลอบสังหารอันลึกลับต่าง ๆ มาตั้งนานแล้ว ทักษะที่ใช้จัดการกับพวกเจ้าเป็นเพียงทักษะที่เรียกว่า พันธนาการสังหารมรณา ทักษะที่เกิดจากแก่นแท้ทักษะแห่งการฆ่าโดยเขาสามารถใช้ได้สูงสุดเพียงสามครั้งต่อวันเท่านั้น”
ทุกคนต่างประหลาดใจ
สิ่งที่มหาโหราจารย์กล่าวไม่มีทางเป็นคำโกหก
ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่านักฆ่าลัทธิเต๋าไม่มีพลังของฝันร้ายแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เขาให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากราชินีแห่งฝันร้ายโดยสิ้นเชิง พวกเขาคิดมาตลอดว่าอีกฝ่ายกำลังซ่อนลมปราณอยู่
ทั้งสี่กัดฟันแน่น พวกเขาถูกหลอกอย่างไม่น่าให้อภัย
ซวนซิงหยู่มองไปที่เซียวอวี้ “ร่างอมตะนิรันดร์ ของเจ้าเองก็ไม่มีจุดอ่อนเช่นกัน เขาเพียงแค่ปั่นป่วนการทำงานของเส้นวงจรพลังวิญญาณของเจ้า”
เซียวอวี้ก้มศีรษะลง
เขาเองก็กำลังสงสัยเรื่องนั้นอยู่พอดิบพอดี
ในที่สุดซวนชิงหยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองหลี่ซวนซงและพูดว่า “เจ้าทำได้ดีมากเมื่อเทียบกับหลี่ฉือ เจ้าถือว่าก็ไม่เลวเลย”
หลี่ฉือ เป็นชื่อเดิมของจักรพรรดิองค์เก่า
หลี่ซวนซง รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
การได้รับการยืนยันโดยซวนชิงหยู่ ทำให้เขามีความสุขมาก
“ปล่อยราชินีแห่งฝันร้ายให้อยู่ในสำนักเฉียนหลงไปนั่นแหละดีแล้ว” ซวนซิงหยู่กล่าว
หลี่ซวนซง พยักหน้า “ในเมื่อท่านมหาโหราจารย์กล่าวเช่นนั้น พวกเราปล่อยเรื่องของนางไปก่อนดีกว่า”
สำหรับเขาได้รับการสนับสนุนจากซวนชิงหยู่มีประโยชน์มากกว่าการจับราชินีแห่งฝันร้ายได้หลายหมื่นเท่า
“ ตอนแรกข้าว่าจะรอลองทดสอบเจ้าไปอีกสักพัก แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว” ซวนชิงหยู่ กล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่มีความเศร้าโศกหรือความสุข “ตอนนี้รอยแยกแห่งสวรรค์เป็นเรื่องเร่งด่วน”
หลี่ซวนซงเงียบไปครู่หนึ่ง
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไมซวนชิงหยู่ ถึงได้ปรากฏตัวขึ้นมาตอนนี้
มันเกี่ยวกับรอยแยกแห่งสวรรค์นั่นเอง
*************************