ไหปีศาจ - บทที่ 750 ฝึกฝนให้ดี
บทที่ 750 ฝึกฝนให้ดี
บทที่ 750
ฝึกฝนให้ดี
หน่วยสยบมังกร
ในสถานที่ที่ไม่รู้จักมีพื้นที่มิติแยกเล็ก ๆ ถูกเปิดขึ้นมา
แม้ว่าพื้นที่ห้วงมิตินี้จะไม่ใหญ่นัก แต่ก็เต็มไปด้วยพลังวิญญาณของดาบสังหารเก็งจิน ซึ่งไม่เพียงแค่กระจายออกไปในแนวราบและแนวสูงเท่านั้น แต่ยังคงวนเวียนอยู่ตลอดเป็นเวลานาน เหมือนอาณาเขตวิญญาณแห่งดาบอันสิ้นหวัง
การสร้างพื้นที่ห้วงมิติเล็ก ๆ นั้นทำได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องยากมากที่จะเปิดพื้นที่ห้วงมิติเล็ก ๆ ด้วยอำนาจแห่งแก่นแท้ด้วยตัวคนเดียว ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นความสามารถชั้นยอดเทียบเท่ากับตัวตนที่มีมิติวิญญาณระดับจักรพรรดิ
ในพื้นที่ห้วงมิติเล็ก ๆ นี้ชายในชุดดำกำลังหลับตา รับรู้สัมผัสถึงพลังวิญญาณแห่งดาบ ร่างกายของเขาใสและส่องแสงแวววาวดั่งหยกขาว จังหวะของคลื่นพลังวิญญาณพิเศษไหลไปรอบ ๆ ตัวเขา ทำให้รู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณอันยิ่งใหญ่ในร่างกายของเขา
เขาสวมหน้ากากสีเงินปิดใบหน้าครึ่งหนึ่ง ดูเป็นคนเย็นชาและเด็ดเดี่ยวลึกลับ เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
แต่เกรงว่าอารมณ์แบบนี้จะดึงดูดความชื่นชอบของผู้หญิงได้มากมาย
ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องนั้น
ด้านหลังเขามีเงาลึกลับอยู่ แต่ก็หายไปเป็นพัก ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก
ไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหนแล้ว แต่ชายคนนั้นก็ได้ลืมตาขึ้น
เขายืดร่างกายของเขาสักพัก ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็แตก การปฏิบัติเช่นนี้ทำให้เขามีการเปลี่ยนแปลงร่างกายใหม่โดยสิ้นเชิง นอกจากนี้เขายังได้ฝึกฝนบนเส้นทางของศิลปะการต่อสู้โบราณขั้นสูง ซึ่งเป็นวิชาศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อว่า “เทียนกง” ตกทอดผ่านยอดฝีมือหลายต่อหลายคนมาตั้งแต่สมัยโบราณ เขามีพลังวิญญาณมหาศาลราวกับจะพิชิตสวรรค์และโลก ให้กลายเป็นของเขา
ถึงขนาดที่เมื่อเขาไปถึงจุดสูงสุด เขาน่าจะสามารถต่อสู้กับสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิในตำนาน เหล่านั้นได้ด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพ
ผู้ชายคนนี้คือไร้หน้า
และแน่นอนว่าพื้นที่ห้วงมิติขนาดเล็กนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยผู้บัญชาการหลิงหลง สำหรับการฝึกฝนไร้หน้า
“ ยังไม่จบอีกเหรอ” ชายคนนั้นมองไปรอบ ๆ และขมวดคิ้วเล็กน้อย
พลังวิญญาณของดาบรอบตัวเขานั้นยังคงแข็งแกร่งมากเช่นเคย แต่ดาบวิญญาณเหล่าที่เคยทรมานเขาไม่สามารถ ทำร้ายเขาได้อีกต่อไป
ทว่ามันก็ไม่ได้หยุด
ไร้หน้าลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงตะโกน “ท่านอาจารย์หญิง ข้าถึงจุดสิ้นสุดของการฝึกฝนแล้ว ข้าได้ทะลุไปถึงมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูงและไปถึงระดับที่ 5 ของเทียนกงแล้ว”
สักพักก็มีเสียงผู้หญิงดังกลับมา
“แค่ทองขั้นสูง เจ้าจะเร่งด่วนอะไรเล่า แข็งแกร่งแค่นั้นมันไร้ประโยชน์น่า ฝึกต่อไปซะ”
ทันทีที่เสียงนั้นลดลงเหล่าดาบวิญญาณในห้วงมิติก็แข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับ
ดาบวิญญาณที่มาจากดาบสังหารเก็งจินนั้น มีชื่อเสียงในด้านความคมและพลังทำลายล้าง ถ้าหากเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงมิติ 10 ที่ไม่ได้สนใจการฝึกฝนร่างกายมาที่นี่ละก็ เกรงว่าเขาจะคงจะไม่ได้รอดกลับไปแน่
ทว่าไร้หน้ากลับคำราม และปล่อยหมัดของเขาออกไป พลังวิญญาณในเลือดของเขาเดือดพล่าน ส่งผลให้พลังวิญญาณในพื้นที่ห้วงมิติเล็ก ๆ รวมตัวกันอย่างรุนแรงและหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา
นี่คือทักษะในการพิชิตพลังวิญญาณที่เรียกว่า “ยึดครองสวรรค์”
มันเป็นทักษะที่ส่งผลต่อพื้นที่โดยรอบ สูบพลังวิญญาณโดยรอบเข้ามา เรียกได้ว่าเป็นการปล้นสะดมพลังวิญญาณโดยรอบเลยก็ว่าได้
ไร้หน้าตกใจในพลังอันยิ่งใหญ่ที่กำลังพรั่งพรูออกมา ดาบวิญญาณทั้งหมดที่เข้ามาโจมตีเขาแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และแม้แต่พื้นที่ห้วงมิติทั้งหมดเองก็ยังสั่นสะท้าน
“โอ้ มันคุ้มค่าจริง ๆ ให้เจ้าได้ฝึกทักษะนี้” เสียงของผู้บัญชาการหลิงหลงดูประหลาดใจเล็กน้อย
นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าไร้หน้าจะไปถึงระดับที่สามารถต้านทานดาบวิญญาณของนางได้ถึงหนึ่งในสิบ
ไร้หน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา “ความแข็งแกร่งระดับนี้น่าจะเพียงพอแล้ว ข้าได้ฝึกฝนไปถึงระดับมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูงแล้ว อีกอย่างคู่ต่อสู้ของข้าก็มีเพียงไม่กี่คนที่ไปถึงระดับทองขั้นสูง แค่ระดับ 5ของเทียนกงก็น่าจะเพียงพอแล้ว”
“ความประทับใจของข้าที่มีต่อเจ้าเปลี่ยนไปมาก ด้วยไม่เกรงกลัวและหยิ่งผยองของเจ้า รวมถึงความสามารถในการใช้ ทักษะ“ยึดครองสวรรค์”ของเจ้า”
ช่วงแรกคำพูดของนางเป็นการสรรเสริญ แต่ต่อมาก็กลายเป็นความรังเกียจ “แต่ความมั่นใจในตัวเองและความคิดที่จะหยุดของเจ้า มันยังอ่อนเกินไป เจ้าเพิ่งไปถึงแค่ระดับ 5 เท่านั้นเอง”
ไร้หน้าขมวดคิ้ว “แล้วข้าต้องฝึกอีกเท่าไหร่ ถึงจะออกไปได้ล่ะ?”
“ไปให้ถึงระดับเก้า” ผู้บัญชาการหลิงหลงกล่าว
พอได้ยินแบบนี้ไร้หน้าก็อึ้งไป ไม่ว่าเขาจะภูมิใจและกล้าหาญแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าบอกว่าเขาสามารถไปในระดับ 9 ได้
ระดับที่สูงที่สุดที่เขาเคยได้ยินมาของเทียนกงคือระดับ 9 ซึ่งเป็นระดับที่ได้ฝึกฝนร่างกายจนมี ร่างวิญญาณจักรพรรดิหวู่ กล่าวคือหลงเซี่ย อาจารย์ของเขานั้นไปถึงระดับสูงสุดเพียงแค่ระดับ 9 เท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นร่างวิญญาณจักรพรรดิหวู่ ของหลงเซี่ยเองก็ถูกทำลาย จนเขาน่าจะต้องกลับไปเป็นระดับ 8
“ท่านอาจารย์หญิง ท่านไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่ไหม” ไร้หน้ากลืนน้ำลาย
“ ใครจะล้อเล่นกัน” ผู้บัญชาการหลิงหลงกล่าว อย่างช้า ๆ “ฝึกฝนให้ดี แล้วข้าจะพาเจ้าไปหาประสบการณ์ในต่างแดน”
“ ไม่ต้องก็ได้ ข้าอยากจะออกไปช่วยนายน้อย … ”
ไร้หน้าตะโกนอย่างรีบร้อน แต่ยังพูดไม่จบ เขาก็ถูกดาบวิญญาณที่ทรงพลังกว่าเดิมไล่ฟัน ทันใดนั้นดาบวิญญาณในพื้นที่ห้วงมิติเล็ก ๆ ก็แข็งแกร่งขึ้นเป็นสองเท่า
สิ่งนี้ทำให้ไร้หน้าตกอยู่ในสภาพน่าสังเวช ได้แต่หลบหนีดาบวิญญาณไปมาเท่านั้น
เขาตะโกนอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครตอบสนอง
หัวใจของไร้หน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น เขาต้องแบกรับการฝึกฝนด้วยดาบพลังวิญญาณ ในอาณาเขตวิญญาณแห่งดาบนี้ทุกวัน แม้ว่าความคืบหน้าจะรวดเร็วมาก แต่มันก็ทำให้เขาเจ็บปวดมากจริงๆ
เนื่องจากความแข็งแกร่งของดาบวิญญาณจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆไล่ให้เขาไปถึงขีดจำกัดของความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาในทุก ๆ วัน
“นี่มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงเนี่ย” ไร้หน้าพูดไม่ออกเกี่ยวกับเรื่องนี้
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ห้วงมิติขนาดเล็ก เขาเป็นชายวัยกลางคนในชุดเกราะที่มีบรรยากาศของผู้ใหญ่
“ ท่านรองแม่ทัพจี๋กุย?” เขาเป็นคนที่ไร้หน้ารู้จักดี
จี๋กุยยิ้ม “ท่านผู้บัญชาการ รู้สึกว่าผลการฝึกร่างกายของพวกเราแต่ละคนแย่ลงเรื่อย ๆ ดังนั้นนางจึงส่งข้ามาเป็นเพื่อนเจ้า”
“มาเถอะ มาฝึกไปด้วยกัน”
“อย่าได้ว่อกแว่กไปล่ะ” จี๋กุยนั้นกลายเป็นดั่งเสือ เขารีบวิ่งไปด้วยพละกำลังอันทรงพลัง
จี๋กุย เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งในระดับสูงสุดขอมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูง ซึ่งเขาเองก็กำลังขัดเกลาทักษะของเขาในกองทัพ เขามักจะได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการหลิงหลงให้ไปฝึก ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก
ทันใดนั้นไร้หน้าก็รู้สึกกดดันยิ่งกว่าเดิม
“ข้าสู้ท่านไม่ไหวหรอก” ไร้หน้าพูดอย่างเจ็บปวด “บอกได้ไหมว่าทำไมนางถึงไม่โจมตีท่านด้วยดาบวิญญาณ”
จี๋กุย ตะลึงเขามองไปยังดาบวิญญาณรอบ ๆ ตัวแล้วหัวเราะ “ดาบวิญญาณจะโจมตีข้าทำไมเล่า ข้ามาที่นี่ตามคำสั่งนาง แต่ไม่ได้มาทนทุกข์ทรมาน”
“ ……”
หลังจากหัวเราะ จี๋กุย ก็กระโดดเข้าใส่ไร้หน้าอีกครั้ง
ไร้หน้าที่ก่อนหน้านี้ก็ตึงมือกับเหล่าดาบวิญญาณเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้เขากลับต้องรับ “การฝึก” จากผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงที่มีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้และเติบโตอย่างเจ็บปวดไปด้วยอีก
……
……
ในค่ายของหน่วยสยบมังกร
ผู้บัญชาการหลิงหลงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นางหลอกเขา
แน่นอนว่าที่นางบอกว่าจะไม่ปล่อยไร้หน้าออกมาได้จนกว่าเขาจะไปถึงระดับ 9 ของ “เทียนกง” นั้นเป็นเรื่องโกหก มันไม่เพียงแต่เกินจริงเท่านั้น แต่ยังต้องใช้โอกาสความพยายามมหาศาลและโชคอีกด้วย
ส่วนสาเหตุจริง ๆ ที่นางไม่สามารถปล่อยให้ไร้หน้าออกมาได้ในขณะนี้นั่นก็คือ
“ข้ากลัวจริง ๆ ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นบ้า ถ้าเขารู้ว่าลั่วอู๋ตายไปแล้ว” ผู้บัญชาการหลิงหลงรู้สึกกังวล
นางกังวลว่าถ้าไร้หน้าออกมาแล้ว เขาจะกลายเป็นแบบราชินีแห่งฝันร้ายไป
นั่นจะก่อให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่แน่
ผู้บัญชาการหลิงหลงไม่ได้สนใจเรื่องที่ว่าผู้คนจะต้องตาย แต่ตอนนี้นางมีความรู้สึกอันลึกซึ้งกับไร้หน้า นางไม่ต้องการให้ศิษย์เพียงคนเดียวของหลงเซี่ยต้องมาตาย
ถ้าเขาสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในเมืองหลวงละก็ เขาคงจะถูกฆ่าในทันทีแน่
ตอนนี้แม้แต่ชายชราในตำนานอย่าง ซวนชิงหยู่ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว องค์จักรพรรดินั้นไม่มีทางพลาดซ้ำสองแน่
นางไม่กลัวคนชายชราในตำนานอะไรนั่นหรอก นางไม่มีอะไรต้องกลัว ยังไงซะชายชราก็คงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน แต่ยังไงซะตอนนี้เขาก็ยังเป็นปัญหา
พอนึกถึงเรื่องต่าง ๆ ดวงตาของผู้บัญชาการหลิงหลงก็ฉายแววแห่งความสับสน
ถ้านางได้พบกับหลงเซี่ยอีกครั้ง นางจะทำอะไร?
นางไม่รู้เลย
ความบาดหมางทางสายเลือด ของการฆ่าล้างตระกูลยังคงอยู่ระหว่างทั้งสอง และไม่สามารถก้าวข้ามไปได้
“ยุ่งยากชะมัด!” ผู้บัญชาการหลิงหลงรู้สึกหมดความอดทน นางถือดาบพยัคฆ์ขาวเดินออกจากค่ายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา “ไปตามข้ามา พวกเราจะไปปราบปรามพวกโจรกัน”
หน่วยสยบมังกรทั้งหมดตกตะลึง
รองผู้บัญชาการคนหนึ่งกระซิบ “ท่านผู้บัญชาการขอรับ พวกโจรทั้งหมดได้รับการสะสางโดยพวกเราไปเรียบร้อยแล้ว”
“งั้นตามข้าไปที่ภูเขาแห้งแล้ง ไปตามล่าสัตว์วิญญาณดุร้ายกัน พวกเจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับพวกมันใช่ไหมล่ะ?” ผู้บัญชาการหลิงหลงเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“ แต่มันเป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้เกิดสง … ”
“หา?” ผู้บัญชาการหลิงหลงชำเลืองมองอย่างเย็นชา
รองผู้บัญชาการเริ่มตื่นตกใจ เขาตะโกนใส่ทหารคนอื่น ๆ “พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่ เตรียมพร้อมกันได้แล้ว พวกเราจะไปที่ภูเขาแห้งแล้งกัน!”
“ไปยังภูเขาแห้งแล้งกัน!” ทหารทั้งหมด ร้องขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
เสียงนั้นดังสนั่นเหมือนฟ้าร้อง
ผู้บัญชาการหลิงหลงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ