ไหปีศาจ - บทที่ 804 รูปแกะสลัก
บทที่ 804 รูปแกะสลัก
บทที่ 804
รูปแกะสลัก
ลั่วอู๋ออกจากโรงตีเหล็กแล้วไปพบนายพลผี
ลั่วอู๋มอบหอกที่เขาได้มาจากชาวแซคให้ไป่ฉี หอกปราบมังกรในมือของไป่ฉีคือวัตถุวิญญาณคู่หูของเขา
แต่ท้ายที่สุดแล้วพลังของหอกปราบมังกรอ่อนแอลงมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไป่ฉีอยากปฏิเสธ แต่เขาไม่อาจทำได้ หลังจากรับหอกมาสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
หอกคู่ใจของเขาเริ่มผสานเข้ากับหอกยาว
มันเป็นสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึง
หอกที่เพิ่งเกิดใหม่ไม่เพียงแต่มีลักษณะที่ทำลายไม่ได้ แต่ยังมีพลังที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันยังคงเชื่อมต่อกับไป่ฉี
ลั่วอู๋งงงวย
สิ่งที่เดาได้เป็นอย่างสุดท้ายคือวัตถุวิญญาณที่เป็นคู่หูไม่มีตัวตนที่แท้จริง แต่มีร่องรอยของสติปัญญา
อย่างไรก็ตามหอกที่ลั่วอู๋ได้มาจากชาวแซคนั้นมีความแข็งแกร่งและพลังไม่ได้อ่อนแอไปกว่าหอกศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่มันขาดจิตวิญญาณเท่านั้น
เรื่องนี้นำไปสู่ความจริงที่ว่ามันเป็นได้เพียงหอกธรรมดาเท่านั้น
ทว่าการรวมกันของวัตถุวิญญาณและหอกธรรมดาทำให้เกิดอาวุธมนตราโดยไม่คาดคิด ใช่แล้ว หอกปราบมังกรในมือของไป่ฉีเพิ่งก้าวไปสู่ระดับสวรรค์
บางทีนี่อาจเป็นวิธีการกำเนิดของอาวุธมนตรา แต่คนรุ่นก่อน ๆ ไม่ได้ทิ้งวิธีดังกล่าว ลั่วอู๋ก็ได้ค้นพบโดยบังเอิญเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้ววัตถุวิญญาณเป็นของหายากและมีเพียงอาวุธประจำตัวของนายพลผีไป่ฉี เท่านั้นที่คู่ควรกับการถูกเรียกว่า วัตถุวิญญาณ
มีอาวุธไม่กี่ชิ้นที่สร้างจากวัตถุดิบที่แข็งแกร่งจนมีสติปัญญา
โดยรวมแล้วมันเป็นปาฏิหาริย์ที่ไม่ได้สร้างกันง่าย ๆ
หลังจากนั้นลั่วอู๋ก็ออกจากโลกไห
ทว่าในเวลานี้มีคำสั่งส่งมายังสำนักโล่พิทักษ์
แน่นอนมันเป็นคำสั่งที่ส่งมาจากจักรพรรดิคนปัจจุบัน
ตอนนี้จักรพรรดิคือพี่ชายของเจียโรว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายและน้องสาวถือได้ว่าปกติทั่วไปเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ดีหรือแย่ หลังจากจักรพรรดิคนเก่าจากไป เจียโรวก็ไม่อยากกลับไปที่พระราชวัง
ท้ายที่สุดแล้วมันไม่มีอะไรให้คิดถึงในวัง มีเพื่อนเพียงสองคนคือหงเฉาและฉิงเหมยซึ่งตอนนี้ก็กำลังอยู่ในโลกไห
ตามคำสั่ง เขาคิดว่าเขาจะต้องไปที่พระราชวัง
เมืองหลวงที่นี่หมายถึงลั่วอู๋
ลั่วอู๋เกือบลืมไปแล้วว่าเขายังคงมีตำแหน่งเช่นนี้อยู่ เพราะหลังจากที่หลี่ซวนซงขึ้นครองบัลลังก์เขาก็ได้ถอดชื่อออกไปแล้ว
จักรพรรดิตอนนี้แม้ว่าเขาจะมีความสามารถธรรมดา แต่ก็ยังคงมีเหตุผลมากและรู้ว่าไม่ควรยั่วยุใคร
ดังนั้นทัศนคติที่มีต่อลั่วอู๋จึงเป็นเรื่องที่ “เรียบง่าย” มาก
ลั่วอู๋ไม่อยากจะทะนงตัวมากนักเขาจึงตัดสินใจไปที่วัง
คนที่ทักทายลั่วอู๋ก่อนคือขุนนางเฉินฟูเฉิง ชายชราคนนี้มีอายุมาก มีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าและเท้าที่เดินกะเผลกและเขาต้องใช้ไม้เท้า
ดวงตาของเขามีความลึกและสงบซึ่งเป็นปัญญาและสงบที่สามารถมองผ่านทางโลกได้อย่างแท้จริง
ถ้าจำไม่ผิด นับถึงจักรพรรดิคนปัจจุบันด้วย ขุนนางคนนี้ได้ช่วยเหลือจักรพรรดิถึง 5 คน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้มีบารมีสูง
และขุนนางคนนี้ดูเหมือนจะมีอายุมากกว่าเก้าสิบปีแล้ว
ทำงานอย่างหนัก มีตำแหน่งที่สูงและมีน้ำหนัก
“ท่านเฉิน” ลั่วอู๋เรียก
สำหรับขุนนางคนนี้ ลั่วอู๋ก็เคารพนับถือเช่นกัน เขาเป็นคนส่งคนไปช่วยสำนักโล่พิทักษ์
เฉินพยักหน้า “จักรพรรดิยังคงจัดการกับงานราชการ มีหลายอย่างจ้องทำ จนข้าไม่มีเวลาไปพบเจ้า”
“ไม่เป็นไรหรอก” ลั่วอู๋ส่ายหัวและพูดว่า “มีอะไรให้ข้าช่วยหรือ?”
เขาไม่สนใจที่จะพบจักรพรรดิ
“เราพบห้องลับซึ่งดูเหมือนจะถูกทิ้งไว้โดยหลี่ซวนซง” เฉินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ของที่อยู่ข้างในอาจมีประโยชน์สำหรับเจ้า ดังนั้นข้าจึงขอให้เจ้ามาที่นี่”
“หืม? แค่นี้หรือ?” ลั่วอู๋แปลกใจเล็กน้อย
เขาไม่คิดว่านั่นคือเหตุผล
เฉินฟูเฉิงหัวเราะและรอยย่นบนหน้าก็เหมือนดอกเบญจมาศ “แน่นอน ข้ายังอยากจะทำให้เจ้าพอใจ จักรพรรดิตอนนี้ไม่ได้ตั้งใจจะต่อต้านเจ้าแต่อย่างใด”
หลี่ซวนซงถูกลากลงจากบัลลังก์เช่นนี้ได้
ตอนนี้จักรพรรดิย่อมกลัวลั่วอู๋เป็นธรรมดา
ท้ายที่สุดอำนาจการควบคุมประเทศของเขาอ่อนแอเกินไป ลั่วอู๋ควบคุมศาลาไป่หยู่โดยมีสำนักเฉียนหลงและหน่วยสยบมังกรหนุนหลังเขา นอกจากนี้เขายังมีสำนักโล่พิทักษ์, ร้านค้าสีฟาง และศาลาไป่หยู่ เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับคฤหาสน์ชวนเทียน และที่สำคัญที่สุดเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจียโรว
แล้วจักรพรรดิกลัวอะไร?
เขากลัวว่าลั่วอู๋จะทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนเขา! ในเวลานั้นใครจะควบคุมเขาได้
ลั่วอู๋เข้าใจความหมายของเฉินฟูเฉิงและหัวเราะ “ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ได้เป็นศัตรูกับจักรพรรดิหรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินฟูเฉิงก็รู้สึกโล่งใจ
จากนั้นภายใต้การนำทางของคนรับใช้ของเฉินฟูเฉิง ลั่วอู๋ก็เข้าไปในส่วนลึกของวังและมาที่คุกลับ
“ที่นี่รึ?” ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
เฉินฟูเฉิงพยักหน้า “นี่คือคุกสวรรค์หรือเรียกว่ากรง นักโทษทั้งหมดเป็นอาชญากรที่ยิ่งใหญ่ ในตอนแรกที่หลี่ซวนซงล้มเหลวในการก่อกบฏก็ถูกควบคุมตัวไว้ที่นี่ ทว่าไม่คิดเลยว่าเขาจะหลบหนีจากการประหารหัวไปได้”
“หลังจากที่หลี่ซวนซงขึ้นครองบัลลังก์เขาก็ปิดคุก แต่ตอนนี้เราพบว่ามันไม่ได้ถูกปิดไปจริง ๆ”
ลั่วอู๋พยักหน้า
ข้าคิดว่าเขาซุกซ่อนบางอย่างในคุกร้าง
คุกเปิดออกและมีลำแสงส่องเข้ามา
กลิ่นเหม็นเน่าเล็กน้อยลอยออกมา
ลั่วอู๋ก็ปัดกลิ่นพวกนั้น เขาไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเฉินฟูเฉิงเจอกลิ่นแบบนี้ก็คงจะแย่ไม่น้อย
ทว่าแม้เฉินฟูเฉิงจะดูแก่ชราและร่างกายของเขาก็ไม่ค่อยดี เขาก็ยังเลือกที่จะเป็นผู้นำในการเข้าไปในคุก
ลั่วอู๋เดินตาม
หลังจากเข้าไปในคุกผู้คนก็เห็นรูปสลักเหมือนจริง มันสง่างามซึ่งเป็นรูปสลักผู้หญิงที่งดงาม
ลั่วอู๋สงสัย “หลี่ซวนซงเป็นอะไรไป ทำไมถึงวางรูปปั้นผู้หญิงไว้ที่นี่”
“เราไม่รู้จริงๆ” เฉินส่ายหัว
ลั่วอู๋มองไปที่รูปสลักและแกะสลักออกเป็นสามส่วน การแสดงออกของผู้หญิงสมบูรณ์แบบมาก นางไม่เต็มใจที่จะดื้อรั้นและมีความโล่งใจเล็กน้อยในความงามที่ดูเศร้า
รู้สึกมันซับซ้อน
หลี่ซวนซงจะมีผู้หญิงที่เขาแอบรักได้หรือ?
มันยากที่จะจินตนาการ
คนแบบหลี่่ซวนซงน่าจะมีปัญหากับความรักผู้หญิง?
ลั่วอู๋รู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าคุ้นเล็กน้อย แต่เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นนางที่ไหน มันแปลกมาก
“ท่านตามข้ามา” เฉินฟูเฉิงเรียกลั่วอู๋
ลั่วอู๋พยักหน้า “ตกลง”
เขาตามไปโดยทิ้งความสงสัยไว้เบื้องหลัง
สิ่งที่ลั่วอู๋คิดไม่ถึงคือนี่ไม่ใช่ผู้หญิงที่หลี่ซวนซงชอบหรือแม้กระทั่งว่านางไม่ใช่ผู้หญิง หลี่ซวนซงแกะสลักมันออกมาเพื่อคลายความคิดถึง
นางเป็นผู้ชาย
เขาชื่อจี๋ เป่ยยุน
เทพวิญญาณไร้ลักษณ์หรือก็คือจี๋ เป่ยยุน
ในตอนแรกหลี่ซวนซงสามารถหลบหนีได้เพราะจี๋ เป่ยยุนใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อแลกชีวิตของเขา
ดังนั้นหลี่ซวนซงจึงมาที่นี่เพื่อพูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์ที่สุดของเขาในช่วงเวลาว่างประจำวัน
เมื่อคนเหงาก็คือเหงา
เขาต้องการใครสักคนที่จะคุยด้วย
แต่เขาคือจักรพรรดิ เขาไม่สามารถมีคนแบบนั้นได้
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะแกะสลักรูปสลัก เขาแกะมันออกมาจากความทรงจำที่ไม่ใช่ผู้ชาย แต่เป็นผู้หญิง
นี่คือสิ่งที่จี๋ เป่ยยุนต้องการมากที่สุดในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่
หลี่ซวนซงชุบชีวิตเซียวอวี้แต่เขาไม่ชุบชีวิตจี๋ เป่ยยุน เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะเขาสามารถชุบชีวิตได้เพียงคนเดียว
เขาต้องการความช่วยเหลือที่ทรงพลังเพียงพอ
เหตุผลของเขาช่วยให้เขาตัดสินใจแบบนี้
—————————–