ไหปีศาจ - บทที่ 869 จับเป็น
ทที่ 869 จับเป็น
บทที่ 869
จับเป็น
หมาป่าทมิฬระดับเพชร 4 นั้นทรงพลังจริง ๆ
การโจมตีแต่ละครั้งสามารถทำลายม่านดาบได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชีวิตถูกคุกคาม ความดุร้ายในร่างกายของมันจะถูกกระตุ้นอย่างสมบูรณ์ เสียงหอนของหมาป่าทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน และทำให้ดินแดนแห่งผู้ถูกเนรเทศสั่นสะท้าน
อย่างไรก็ตามมีการต่อสู้นับไม่ถ้วนทุกวันในดินแดนแห่งผู้ถูกเนรเทศ แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้ที่ต่ำกว่าระดับเพชร แต่ก็มีการต่อสู้กันอย่างไม่ขาดสาย
มันจึงไม่ดึงดูดความสนใจมากเกินไป
อย่างมากที่สุด ภูตชั่วร้ายบางตัวที่กล้าแอบดูและหาจังหวะฉวยโอกาส
สถานการณ์ค่อนข้างน่ากลัว
พลังงานแห่งความโกลาหลสั่นสะเทือนอย่างป่าเถื่อน
สิ่งที่ผู้คนคาดไม่ถึงก็คือหมาป่าทมิฬมีความสามารถในการรักษาตัวเองที่แข็งแกร่ง พวกเขาต้องร่วมมือกันเพื่อทำให้ร่างกายของอีกฝ่ายอ่อนแอลง ทำให้เกิดการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง และเอาชนะมันให้เด็ดขาด
ทว่าหมาป่าทมิฬอาศัยการรักษาตัวเอง มันไม่เพียงแต่รักษาได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังพบโอกาสมากมายที่จะเจาะทะลุม่านดาบแห่งการป้องกันและทำร้ายพวกเขาหลายคนได้
“นัยน์ตาแห่งการทำลายล้าง”
ดวงตาของลั่วลู๋เป็นสีดำ
แสงสีดำที่เต็มไปด้วยกลิ่นของการทำลายล้างพุ่งออกไป ทันทีปะทะกับร่างของหมาป่าทมิฬมันก็ทะลุผ่านร่างกายของอีกฝ่ายไป
“โฮก!”
หมาป่าหอนอย่างบ้าคลั่ง แต่บาดแผลก็ฟื้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
มีเพียงสองวิธีที่จะเอาชนะมันได้ หนึ่งคือทำลายทำเลแก่นวิญญาณของมันให้สิ้นซากด้วยทักษะที่แข็งแกร่ง และอีกอย่างคือการดึงแก่นวิญญาณของมันออกมา ท้ายที่สุดการรักษาตัวเองจะต้องใช้พลังของแก่นวิญญาณ
อย่าคิดถึงวิธีแรกเลย
หากเชี่ยวชาญทักษะดังกล่าวได้ ก็ไม่ต้องกังวลกับมันตั้งแต่แรก
สำหรับวิธีที่สองนั้นก็ไม่ง่ายที่จะนำมาใช้ ในฐานะสัตว์วิญญาณระดับเพชร หมาป่าทมิฬไม่มีทางอ่อนแอไปกว่าคนอื่นในด้านความอดทนต่อการต่อสู้
ทันทีที่ดวงตาของลั่วลู๋จับจ้อง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ข้าจะจับมันไว้ พวกเจ้าโจมตีให้หนักที่สุดเท่าที่จะทำได้”
เขาไม่ให้ผู้คนตอบสนอง
ลั่วลู๋พุ่งเข้าไปคนเดียว
เขาเห็นว่าพลังงานสีดำเริ่มพุ่งออกมาจากตัวเขา ซึ่งรบกวนลมปราณของเขา
ใช้งานทักษะระดับ S [ร่างอมตะจำลอง]
ทุกคนประหลาดใจ “ลั่วลู๋!”
“ไม่เป็นไร!” ลั่วลู๋ตะโกน “ข้าจะดึงความสนใจมันไว้ให้มากที่สุด ที่เหลือขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว”
ดูเหมือนว่าทุกคนจะเข้าใจแผนการของเขา
แม้จะสายเกินไปที่จะคัดค้านเพราะสงครามกำลังดุเดือดและไม่มีจังหวะให้กังวล
ฉูจงฉวนและหยู่เฮาตะโกนกลับไป “ได้เลย!”
ลั่วลู๋พยักหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ดาบเทพพิทักษ์ส่งเสียงกังวาน เขาตั้งท่าพร้อมต่อสู้
“เข้ามา ข้าจะเป็นคู่มือให้เอง”
เขาลดพลังอาณาเขตวิญญาณลงจนสุด เพื่อให้การป้องกันสำหรับตัวเขาเองสมบูรณ์ที่สุด แต่ด้วยเหตุนี้ พรรคพวกคนอื่น ๆ จะถูกโจมตีจากหมาป่าทมิฬได้
ดังนั้นเขาจึงต้องดึงความสนจากหมาป่าทมิฬให้มากที่สุด
หมาป่าทมิฬไม่รู้ว่าลั่วลู๋กำลังจะทำอะไร แต่มันยิ้มอย่างน่ากลัว มนุษย์ระดับทองขั้นสูง 10 กล้าสู้กับเขาได้อย่างไร?
“ตายซะ!”
โดยธรรมชาติแล้ว หมาป่าทมิฬจะไม่ยอมให้มนุษย์ล่วงเกินศักดิ์ศรีของตน ความเย่อหยิ่งของมันไม่ยอมให้มันถอยหนีต่อหน้ามนุษย์ที่อ่อนแอกลุ่มนี้ แม้ว่ามนุษย์เหล่านี้จะไม่ธรรมดาก็ตาม
ดังนั้นมันจึงเลือกต่อสู้โดยธรรมชาติ
และนั่นคือสิ่งที่ลั่วลู๋ต้องการ
“ดาบแห่งการป้องกัน!”
ทันทีที่ดาบของลั่วลู๋ถูกยกขึ้น ม่านดาบหลายผืนก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าและตั้งอยู่ตรงหน้าเขา ในเวลาเดียวกัน เขาก็หยิบโล่ที่สร้างจากหินวิญญาณขนาดกลางออกมาด้วย
เป็นการป้องกันที่สมบูรณ์
ลั่วลู๋ชูโล่ขึ้น ปกป้องร่างกายของเขาด้วยดาบของเขา และยืนอยู่ตรงหน้าหมาป่าทมิฬ พลังแห่งการกลืนก็กระจายออกมารอบ ๆ ตัวเขาเช่นกัน เพื่อทำให้การโจมตีของอีกฝ่ายอ่อนแอลง
หมาป่าทมิฬกลายเป็นแสงสีเลือด ราวกับสายรุ้งสีแดงที่ฉายผ่านดวงอาทิตย์ ราวกับอุกกาบาตพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า มันคำรามพร้อมกับพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่บดขยี้ภูเขาและแม่น้ำ
ทักษะระดับ SS [เงาแห่งเทพหมาป่า]
“จัดมาให้เต็มที่เลย!”
ลั่วลู๋แบกมันไว้อย่างหนัก
ตู้ม!
ม่านดาบแตกเป็นเสี่ยง ๆ
พลังแห่งการกลืนถูกทำให้สลายไป
โล่สั่นสะท้าน และพลังตกค้างอันน่าสยดสยองกัดเซาะร่างกายของลั่วลู๋ ลั่วลู๋พ่นเลือดออกมาอย่างเจ็บปวด และรอยแตกนับไม่ถ้วนปรากฏบนร่างกายของเขา ราวกับเขาเป็นกระจกที่กำลังจะถูกบดขยี้
สมแล้วที่เป็นระดับเพชร การโจมตีด้วยพละกำลังทั้งหมดของมันนั้นน่ากลัวมาก แม้จะมีม่านดาบสี่ชั้น โล่หินวิญญาณ พลังแห่งการกลืนกิน และร่างกายที่แข็งแกร่งก็ยังคงไม่สามารถหยุดการโจมตีนี้ได้
แต่แล้วลั่วลู๋ก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ
ด้วยแสงสีดำที่ไหลเวียนไปทั่ว รอยแตกบนร่างกายก็หายเป็นปกติและกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว ร่างอมตะจำลองไม่เพียงแต่เพิ่มความแข็งแกร่งทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังมอบความสามารถในการรักษาตัวเองที่แข็งแกร่งให้กับลั่วลู๋อีกด้วย
นั่นคือจุดแข็งของเขา
“เอาอีกสิ” ลั่วลู๋กัดฟัน ใบหน้าซีดเล็กน้อย แต่ยังต้องการรับการโจมตีต่อไป
เขาไม่กังวล
เพราะเขาไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง
เมื่อเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย พวกเขาฉวยโอกาสโจมตีหมาป่าทมิฬอย่างดุเดือดที่สุด
หยู่เฮาใช้คลุ้มคลั่งไร้ที่สิ้นสุดยี่สิบชั้น หลังจากหลอมละลายโลก เขาก็น่ากลัวราวกับภูเขาไฟ ในตอนนี้เขาดุร้ายไม่น้อยไปกว่าหมาป่าทมิฬ
โลกเปลี่ยนไป
สถานการณ์กำลังดุเดือดพลุ่งพล่าน
การต่อสู้กินเวลาค่อนข้างนาน
ลั่วลู๋พ่นเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง ฟื้นฟู และใช้ร่างกายและม่านดาบเพื่อยื้อหมาป่าทมิฬไว้ ในขณะที่การโจมตีอย่างดุเดือดของผู้คนค่อย ๆ ทำลายหมาป่าทมิฬ
“โฮก!”
หมาป่าทมิฬคำราม
เป็นไปไม่ได้!
เป็นไปไม่ได้!
มันยอมรับผลไม่ได้ มันจึงดิ้นรน ความกลัวโดยสัญชาตญาณทำให้มันต้องการหาหนทางสุดท้ายที่จะหลบหนีจากที่นี่
แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไป
ร่างกายมันค่อย ๆ อ่อนแอลง แสงหลายสีพุ่งเข้ามาเพื่อขังมันไป ต่อจากนั้นธาตุทั้งห้าก็ปกคลุมร่างกายของมันจนมิด ซึ่งทำให้มันเสียความแข็งแกร่งทั่วร่างกายและทำให้ไม่สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้
เมื่อเห็นแบบนี้ ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ลั่วลู๋หน้าซีด โยนโล่ที่พังยับเยินทิ้ง หยิบยาวิญญาณออกมากินอย่างรวดเร็ว และฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและพลังของเขา
เขาเหมือนตะเกียงที่น้ำมันจะหมด และถ้าน้ำมันหมดตะเกียงก็จะตาย
โชคดีที่หมาป่าทมิฬทนไม่ได้ก่อน
โล่ซึ่งประกอบขึ้นจากหินวิญญาณขนาดกลางตอนนี้พังไม่เหลือชิ้นดี และโล่ซึ่งสามารถช่วยสลายพลังมนตราได้ก็ยังถูกทำลายจากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของหมาป่าทมิฬ
มันน่าเจ็บปวดเล็กน้อย
“เรามาพักฟื้นกันก่อนเถอะ” ลั่วลู๋หยิบยาเม็ดวิญญาณออกมาและมอบให้ทุกคน แม้ว่าจะเหลือไม่มาก แต่ตอนนี้อย่างกเลยจะดีกว่า
ไม่ใช่แค่ลั่วลู๋เท่านั้น แต่ทุกคนก็ได้รับความเสียหายมากมายเช่นกัน โดยเฉพาะหยู่เฮาที่มีผลข้างเคียงมากมาย อาการบาดเจ็บของเขานั้นร้ายแรงที่สุดอย่างแน่นอน
แม้ว่าดินแดนแห่งผู้ถูกเนรเทศจะขาดพลังงาน แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเลย
หลังจากกลืนยาเม็ดวิญญาณ ทุกคนก็กลับไปที่โลกไหเพื่อพักฟื้น
ลั่วอู๋ยังนำหมาป่าทมิฬมาสู่โลกไหมาด้วย
วันนี้หมาป่าทมิฬหมดแรงและสะกดไว้ ดังนั้นร่างกายของมันจึงกลายเป็นหมาป่าสีดำที่อ่อนแอ และมันนอนแยกเขี้ยวอยู่บนพื้น
ลั่วลู๋คิดเกี่ยวกับมันและมองหยู่เฮา “หยู่เฮาเจ้าเรียกราชาหมาป่าจันทราเงินของเจ้าออกมาหน่อย”
“ทำไมรึ?” หยู่เฮางง
“มีโอกาสที่จะพัฒนาได้ มาดูว่าเจ้าโชคดีรึเปล่า” ลั่วลู๋กล่าว
หลังจากได้ยินประโยคนี้ หยู่เฮาก็เรียกราชาหมาป่าออกมาทันที