ไหปีศาจ - บทที่ 98 สุนัขก็ยังเป็นสุนัขวันยังค่ำ
บทที่ 98
สุนัขก็ยังเป็นสุนัขวันยังค่ำ
ในมิติไห
ลั่วอู๋ตกอยู่ในภวังค์ของการฝึกฝน
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความอ่อนแอของตัวเองอย่างลึกซึ้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกแห่งนี้ก็คือพลัง ความแข็งแกร่งของเขา ตัวเขาเองเท่านั้นที่จะเป็นพลังที่แท้จริงให้กับเขาได้
ตอนนี้เขาอยู่ไม่ไกลจากการเลื่อนขั้นสู่ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงินนั้นสามารถปลดปล่อยพลังวิญญาณของเขาออกมาโจมตีและสังหารศัตรูโดยใช้คลื่นพลังวิญญาณและยังเปล่งออร่าพลังวิญญาณให้กระจายไปทั่วร่างกายของเขา กลายเป็นเกราะที่ปกป้องร่างกายของตัวเขาเองได้
หากอยู่ในระดับนั้น เขาคงเรียกตัวเองว่าคนทั่วไปไม่ได้แล้ว…
ต้าหวงเองก็มาพร้อมกับลั่วอู๋ด้วย แม้ว่ามันจะนอนแผ่อยู่บนพื้นดิน แต่มันก็ยังคงหายใจและแผ่พลังวิญญาณที่บริสุทธิ์ออกมาอย่างต่อเนื่อง มีเส้นสีทองอันละเอียดอ่อนประสานกันและหลอมรวมกันเข้ากับตัวมัน
บาดแผลของไร้หน้านั้นไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่เขาก็ต้องการการพักฟื้นเป็นระยะเวลานาน
ทันทีที่ลั่วอู๋กลับมาหลิวหูก็เริ่มทำการรับสมัครทีมคุ้มกันคมมีดให้มีสมาชิกมากขึ้น เขาคัดเลือกผู้ใช้พลังวิญญาณที่ไร้สังกัดจำนวนมากให้เหลือเฉพาะแค่คนที่มีฝีมือจริงๆ
หลังจากการฝึกอบรมและการทดสอบต่างๆ นานา ทีมคุ้มกันของศาลาไป่หยู่ก็ถูกจัดตั้งขึ้น
การสืบทอดวิชาลับของอาจารย์หง ลั่วอู๋ได้มอบให้เจ้าของร้านคนเก่าเป็นผู้รับผิดชอบการฝึกอบรมผู้ที่จะมาเป็นผู้ปรับแต่งของศาลาไป่หยู่ ลั่วอู๋จึงโล่งใจได้มาก
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างมีระเบียบ
และแล้วก็มีจดหมายลับมาจากศาลาไป่เปา
ในที่สุดหัวหน้าที่อยู่เบื้องหลังของศาลาไป่เปาก็ได้ยืนยันยอมรับคุณค่าของลั่วอู๋ ดังนั้นเขาจึงจัดการเรื่องหลังฉากให้ศาลาไป่หยู่จะไม่ถูกข่มเหงโดยพรรคหวงชาไปอีกสักพักใหญ่ ๆ
และนั่นก็เป็นข่าวที่ดี
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
สามเดือนผ่านไปภายในพริบตา
สามเดือนในโลกภายนอกเท่ากับ 1 ปีในมิติไห
บ้านขนาดกลางตั้งตระหง่านอยู่ที่นี่อย่างเงียบ ๆ
ไม่มีเสียงรบกวนในภูเขาและสภาพอากาศก็ไม่รู้ว่าจะเข้าหน้าหนาวเมื่อไร
นอกเหนือจากการออกไปข้างนอกและนำอาหารเข้ามาเป็นครั้งคราว ลั่วอู๋นั้นยังคงอยู่ในมิติไหโดยลืมไปว่า เขาอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว
การฝึกฝนที่จำเป็นในแต่ละวันคือการสังเคราะห์และฝึกใช้พลังวิญญาณ จากนั้นก็ฝึกใช้ทักษะในการฟื้นฟูพลังวิญญาณ เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ในการฝึกฝนพลังวิญญาณ
ทันใดนั้นวังวนแห่งพลังวิญญาณขนาดใหญ่ก็เริ่มปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
ตูม
เสียงดังขึ้นราวกับมีฟ้าผ่าในมิติไห
ลั่วอู๋ลืมตาขึ้นทันที เม็ดยาระดับ 6 ในมือของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นหอม ด้วยความพลุ่งพล่านของพลังวิญญาณในร่าง เขารู้สึกเหมือนว่ามีบางอย่างในตัวกำลังจะแตกออกมาจากร่างกายของเขา
เขารู้ว่านั่นคือแก่นวิญญาณที่สมบูรณ์แบบของเขา
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งต้าหวงนั้นเต็มไปด้วยแสงสีทองขนาดเล็กจำนวนมากนับไม่ถ้วน ไหลเข้าสู่ร่างกายและไหลออกจากร่างกายซ้ำไปมา
“ไชโย! ดูเหมือนมันจะถึงเวลาของเจ้าแล้ว ต้าหวง!!”
ลั่วอู๋สูดหายใจเอาลมปราณและกลืนยาเฟยหยวนเขาปากตัวเอง จากนั้นจึงป้อนให้ต้าหวงได้กลืนมันเข้าไปด้วยเช่นกัน
กระแสแห่งออร่าพลังวิญญาณมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับแม่น้ำที่มีคลื่นลมซัดเข้ามาเรื่อย ๆ ให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
แต่ลั่วอู๋ในตอนนี้ไม่รู้สึกกลัวเพราะข้างกายเขามีต้าหวงอยู่ด้วย
ตอนนี้พวกเขากำลังพัฒนาเพื่อไปยังจุดสูงสุด
เส้นกระแสพลังวิญญาณที่แยกกันอยู่หลายๆจุด ในที่สุดก็ได้มาบรรจบกันราวกับแม่น้ำ จากนั้นมันก็กลายเป็นหมอก
ลั่วอู๋เห็นมันได้อย่างชัดเจน
จุดดวงดาวแห่งพลังวิญญาณทั้งเจ็ดดวงในร่างวิญญาณของเขาแพรวพราวมาก เหมือนกับว่ามันเกือบจะกลายเป็นดวงอาทิตย์
“ตูม”
เมื่อลั่วอู๋นึกถึงเรื่องนี้พลังวิญญาณของเขาก็กลายเป็นเสาแห่งแสง พุ่งตรงไปยังจุดดวงดาวแห่งพลังวิญญาณดวงที่สอง
เมื่อกระแสของพลังวิญญาณไหลไปเส้นทางของพลังก็จะเกิดขึ้น
จุดดวงดาวพลังวิญญาณดวงที่สองเริ่มส่องสว่างขึ้น
การเลื่อนขั้นเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงินก็ประสบความสำเร็จ
ใบหน้าของลั่วอู๋เต็มไปด้วยความสุข หลังจากการฝึกฝนอย่างหนักมานานเขาก็ได้กลายเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน ในที่สุดเขาก็มีพลังที่จะสามารถการป้องกันตัวเองได้แล้ว
ในขณะเดียวกันต้าหวงก็มองขึ้นไปบนฟ้าและหอน เสียงของมันดูเหมือนกับกำลังเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน อาการกระตุกในร่างกายของมันเหมือนกับมีสายฟ้าอยู่ในร่างกาย
“ต้าหวง!” ความกังวลปรากฏบนใบหน้าของลั่วอู๋
มันเป็นเรื่องยากมากสำหรับสัตว์วิญญาณที่จะเข้าสู่การเลื่อนขั้นทางแก่นวิญญาณ
เดิมทีต้าหวงเป็นสัตว์ปกติทั่วไป แต่ด้วยพลังของไหปีศาจ ต้าหวงจึงถูกบังคับให้กลายเป็นสัตว์วิญญาณ มันจึงยากมากที่จะพัฒนาไปอีกขั้นได้อีกครั้ง
ลั่วอู๋สามารถช่วยเสริมให้มันมีแก่นวิญญาณระดับเงินได้ แต่ถ้าต้าหวงต้องการที่จะทำลายขีดจำกัด ของตัวมันเอง มันก็ไม่สามารถพึ่งพาพลังของไหปีศาจได้ตลอด
ดังนั้นตอนนี้จึงมีเพียงทางเดียวเท่านั้นนั่นก็คือการวิวัฒนาการ
เมื่อมองไปที่ต้าหวงที่กำลังความเจ็บปวด ลั่วอู๋ก็รุ้สึกทนต่อไปอีกไม่ได้ “ลืมไปเถอะต้าหวง พวกเรามีไหปีศาจอยู่ ข้าสามารถช่วยเสริมแก่นวิญญาณให้กับเจ้าได้เสมอ เจ้าไม่จำเป็นต้องยอมเจ็บปวดมากขนาดนี้หรอก”
ต้าหวงส่ายหัวอย่างทรมาน
ภายใต้พันธสัญญาของพวกเขา พวกเขาเชื่อมโยงกัน
ลั่วอู๋รู้สึกได้ถึงความตั้งใจของต้าหวง มันต้องการต่อสู้กับสิ่งนี้ด้วยตัวเอง เพื่อพิสูจน์ว่ามันไม่ใช่แค่สุนัขชราตัวสีเหลืองอีกต่อไป
ไม่ว่าเจ้าสุนัขสีเหลืองแก่ตัวนี้จะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็เป็นแค่สุนัขเหลืองแก่ ๆ ตัวหนึ่ง
“อา…” ลั่วอู๋ถอนหายใจ
การต้องการวิวัฒนาการสู่ระดับที่สูงขึ้นเป็นสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
ภาพถูกฉายผ่านความคิดของต้าหวง
มันเป็นภาพของสุนัขชาชีที่ได้ทำการวิวัฒนาการไปเป็นหมาป่าจันทร์สีเงิน ฉากวิวัฒนาการที่ทำให้ผู้คนตกใจและได้รับกำลังใจจากผู้คนนับไม่ถ้วน มันได้ถูกจารึกไว้ในใจของต้าหวง
ใช่แล้ว มีเพียงการวิวัฒนาการเท่านั้นที่จะทำแบบนั้นได้
แม้ว่าแก่นวิญญาณจะถูกยกระดับให้เป็นระดับเงิน แต่มันก็จะไม่มีทางเทียบได้กับ หมาป่าจันทร์สีเงิน นี่คือความแตกต่างที่เป็นขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิต
ต้าหวงต้องการเป็นหมาป่าจันทร์สีเงิน ที่พร้อมจะปกป้องเจ้าของได้ในเวลาที่คับขันและตอนที่เจ้าของมีอันตรายถึงชีวิต แทนที่จะเป็นเพียงสุนัขเลี้ยงเหมือนสุนัขชาชี
ความต้องการที่จะวิวัฒนาการเข้าครอบครองความคิดในหัวสมองของมันทั้งหมด
เส้นสีทองจำนวนมากมาบรรจบกันระหว่างหน้าผากของมัน
“อะวู้!”
ในที่สุดมันก็เปล่งแสงสีขาวอันทรงพลังเข้าปกคลุมร่างกาย มันเกิดเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจพรรณนาได้ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย
ลั่วอู๋ตกตะลึงและดีใจ
มันประสบความสำเร็จ!
ต้าหวงวิวัฒนาการได้สำเร็จแล้ว
แสงสีขาวเริ่มใหญ่ขึ้นและคมชัดขึ้น การรับรู้ของลั่วอู๋ผ่านทางพันธสัญญา แสดงให้เห็นว่าแก่นวิญญาณของต้าหวงมีการเปลี่ยนแปลงโดยแท้จริง
แสงสีขาว ค่อย ๆ สลายไป
ความกดดันโดยรอบค่อย ๆ หายไป
ที่อยู่ตรงนั้นคือ สิ่งมีชีวิตสุนัขตัวใหญ่ที่มีขนสีขาวเงินเต็มไปด้วยความมันวาว โดยมีแสงสีทองเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่องสว่างที่ปลายเท้า
ดวงตาของมันเจิดจ้าราวกับอัญมณีล้ำค่าที่สุด ราวกับว่ามันสามารถมองทะลุความชั่วร้ายทั้งหมดได้นอกจากนั้นก็มีแสงสีแดงสดอันน่ากลัว พร้อมกับพลังวิญญาณที่พร้อมจะกลืนกินผืนฟ้าและปฐพี
อย่างไรก็ตามสิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือรอยกลมสีเข้มระหว่างหน้าผากของมัน
มันเหมือนกับหลุมดำ
“โบร๋วววว”
เสียงคำรามอันไพเราะและลึกล้ำดังขึ้นอย่างช้า ๆ ก้องไปทั่วทั้งมิติไห
“เจ้าคือ ต้าหวงงั้นเหรอ?” ลั่วอู๋เรียกมันอย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้น สุนัขที่ดูหยิ่งทะนงและน่ากลัวก็แสดงท่าทางเยินยอในสายตาของมัน จากนั้นหางสีขาวขนาดใหญ่ของมันก็เริ่มแกว่งไปมาและกระโดดวนไปรอบ ๆ ตัวลั่วอู๋อย่างตื่นเต้น
มันดูมีชีวิตชีวามาก
ท่าทางของมันเหมือนจะพูดออกมาว่า เจ้านาย ท่านเห็นไหมว่าข้าไม่ได้ดุร้ายเลย
ลั่วอู๋เดินไปข้างหน้าเพื่อโอบกอดคอต้าหวงและลูบคอของมันเบา ๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบายใจ
ต้าหวงนั่งยอง ๆ ลงกับพื้น มันแลบลิ้นเลียใบหน้าของลั่วอู๋
ต้าหวงตอนนี้มีลักษณะคล้ายกับหมาป่าจันทร์สีเงิน แต่ก็มีหลายส่วนที่รูปร่างต่างกัน อย่างไรก็ตาม ที่เด่นชัดคือมันมีรอยประหลาดอยู่ที่ระหว่างหน้าผากของมัน
เนื่องจากขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้น ลิ้นของมันจึงใหญ่ขึ้นเช่นกัน มันเลียไปที่ใบหน้าของลั่วอู๋ จนทำให้เขาเปียกไปทั้งร่างและรู้สึกไม่สบายตัว
“นี่ อย่าเลียสิ!” ลั่วอู๋พูดอย่างช่วยไม่ได้
ต้าหวงมองดูลั่วอู๋อย่างน่าสงสาร และก้มหัวลงอย่างรู้สึกผิด
จากนั้นก็ได้มีแสงสีขาวปกคลุมร่างของมันอีกครั้ง ร่างกายของมันค่อย ๆ เล็กลงและเปลี่ยนกลับเป็นรูปลักษณ์ตามเดิม
“โกหกน่า!” ลั่วอู๋ตกใจมาก
เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับการวิวัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงรูปร่าง แต่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าการวิวัฒนาการนั้นสามารถถอยกลับได้ด้วย
อย่างไรก็ตามต้าหวงดูมีความสุขมาก เพราะด้วยวิธีนี้ มันสามารถหมุนตัวดุ๊กดิ๊กเข้าไปยังอ้อมแขนของลั่วอู๋ได้ตามปกติ
สุนัขก็ยังเป็นสุนัขวันยังค่ำ