魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ - ตอนที่ 5 สาวน้อยเวทมนตร์กับการต่อสู้ครั้งแรก
ตอนที่ 1-1 การแปลงร่าง ⑤
ร่างที่แข็งแกร่งขึ้น…ในเมื่อโดนบอกมาแบบนั้นมันก็ไม่ยากเกินความเข้าใจค่ะ อะไรพวกนี้เป็นรูปแบบที่คุ้นเคยสำหรับสาวน้อยเวทมนตร์อยู่แล้วค่ะ แล้วก็ไม่ใช่แค่เพียงสาวน้อยเวทมนตร์เท่านั้นที่มีร่างแปลงที่แข็งแกร่งขึ้น แต่กับพวกฮีโร่แปลงร่างเองก็มักจะมีร่างแปลงหลายร่างเช่นกันค่ะ ซึ่งโดยปกติแล้วการเปลี่ยนเป็นร่างที่แข็งแกร่งขึ้นนั้นจะสามารถทำได้หลังจากที่ฝึกฝนเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจค่ะ และนี่คือทั้งหมดที่ฉันรู้ค่ะ
“โดยปกติแล้วร่างที่แข็งแกร่งขึ้นเนี่ยควรมาจากการสั่งสมประสบการณ์ใช่ไหมคะ? ก็แบบว่าเหมือนกับว่าฉันได้เติบโตขึ้น… มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอคะ ที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นร่างที่แข็งแกร่งขึ้นเลยตั้งแต่การแปลงร่างครั้งแรกน่ะคะ?”
“ร่างที่แข็งแกร่งขึ้นของสาวน้อยเวทมนตร์นั้นสัมพันธ์กับพวกความเข้ากันได้และความสามารถของเธอมาก รัน ในทางทฤษฎีแล้วหากเธอมีความเข้ากันได้และความสามารถที่เพียงพอก็น่าจะสามารถแปลงร่างเป็นร่างที่พัฒนาแล้วได้ตั้งแต่การแปลงร่างครั้งแรก รัน!
มันฟังดูเป็นคำอธิบายที่มักง่ายมากเลยค่ะ นี่มันสมเหตุสมผลแล้วจริงๆเหรอคะ? อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดีที่สาวน้อยเวทมนตร์สามารถแปลงร่างเป็นร่างที่แข็งแกร่งกว่าได้ในทันทีค่ะ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะบอกว่าเป็นร่างที่ระดับสูงกว่าแต่ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรก็ได้ค่ะ
“ดูเหมือนเรียวอิจิจะเข้าใจอะไรผิดอยู่นะ รัน ผมขอบอกไว้ก่อนนะ รัน! ไม่ใช่ทุกคนที่จะแปลงเป็นร่างถัดไปของสาวน้อยเวทมนตร์ได้หรอกนะ รัน! แม้แต่เฟส 2 เองก็มีคนแปลงได้แค่เพียงประมาณ 30% เท่านั้นเอง รัน! แล้วก็มีอัจฉริยะเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถแปลงเป็นเฟส 3 ได้ รัน! เพราะแบบนั้นต่อให้ไม่ใช่การแปลงร่างครั้งแรกแต่ถ้าไปถึงเฟส 3 ได้ก็นับว่ามีพรสวรรค์มากแล้ว รัน! เรียวอิจิควรจะภูมิใจในความสุดยอดของตัวเองให้มากกว่านี้นะ รัน!”
“ขนาดนั้นเลยหรอคะ…”
แจ็คในตอนนี้จมอยู่กับห้วงอารมณ์ที่เข้าถึงได้ยากค่ะ ดังนั้นมันจึงยากที่ฉันจะพูดคุยตอบโต้อะไรด้วยในตอนนี้จึงทำเพียงแค่ผงกหัวรับฟังเขาและตอบรับเพียงไม่กี่คำ
จะว่ายังไงดีล่ะคะ ก็ฉันไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆนี่ค่ะ ไม่ได้รู้สึกราวกับว่าร่างกายของฉันเต็มไปด้วยพลัง หรือรู้สึกว่ามีอะไรพิเศษแตกต่างไปจากปกติเลยค่ะ…
“วิธีที่เร็วที่สุดที่จะรู้ได้คือต้องไปสู้จริง รัน! ผมได้รับการแจ้งเตือนว่าตอนนี้มี ดิส ตัวนึงปรากฏตัวอยู่ในเมือง รัน! แล้วดูเหมือนว่าสาวน้อยเวทมนตร์คนอื่นๆ ยังมาไม่ได้ด้วยนะ รัน! เอาล่ะเรียวอิจิไปไฝว้กับมันเลย รัน!”
“กะทันหันขนาดนี้เลยเหรอคะ!? ฉันยังไม่ทันได้เตรียมใจเลยค่ะ!”
ฉันตอบตกลงที่จะเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ก็จริงค่ะ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันพร้อมที่จะเข้าสู่การต่อสู้ที่เป็นอันตรายต่อชีวิตนะคะ
ฉันรู้ว่าสาวน้อยเวทมนตร์คือคนที่ต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดค่ะ และการยอมเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ก็เท่ากับว่ายอมรับที่จะต้องต่อสู้ไปแล้วค่ะ และนั่นเป็นเหตุผลสำคัญเลยค่ะที่ทำให้ฉันไม่อยากเป็นสาวน้อยเวทมนตร์
เพราะแบบนั้นแหละค่ะ ทำไมฉันถึงต้องมาต่อสู้กับสัตว์ประหลาดในทันทีหลังจากที่ได้กลายมาเป็นสาวน้อยเวทมนต์แบบนี้ด้วยล่ะคะ!? ฉันยังไม่ได้ยินคำอธิบายเพิ่มเติมอะไรเกี่ยวกับการเป็นสาวน้อยเวทมนตร์เลยแม้แต่นิดเดียวด้วยค่ะ!? ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะที่จะสู้! ฉันทำไม่ไหวหรอกค่ะ ไม่ได้แน่ๆค่ะ!!
ฉันว่าตอนนี้ควรจะเริ่มจากอธิบายว่า ดิส คืออะไรก่อนค่ะ?
“ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องสู้อยู่แล้ว รัน! เพราะงั้นถึงเรียวอิจิจะไม่อยากก็จะบังคับเคลื่อนย้ายอยู่ดี รัน!”
“ดะ–“
“พิกัดการเคลื่อนย้าย: โลกกิมัง(ปลอม) เมืองซากุระ ส่วน D”
ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรออกมา วงเวทย์ก็ปรากฏขึ้นเหมือนตอนที่ฉันถูกพาไปที่ห้องสมุดเวทมนตร์ และฉันก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไปข้างนอกซะแล้วค่ะ
ท้องฟ้าโปร่งใสไม่มีก้อนเมฆเลยสักก้อนและดวงอาทิตย์ส่องแสงมาลงที่ร่างของฉัน พอหันซ้ายหันขวาเริ่มกวาดสายตาสังเกตรอบๆ ก็พบว่าพวกบ้านเรือนและสิ่งของตามธรรมชาติก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ตามปกติแต่ว่ากลับไม่มีวี่แววของผู้คนให้พบเห็นเลยค่ะ ตอนเคลื่อนย้ายเห็นแจ็คบอกว่ามันเป็นโลกกิมัง(โลกปลอม) บางทีที่แห่งนี้อาจเป็นคนละสถานที่จากโลกจริงก็ได้ค่ะ
เมื่อฉันแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ฉันเห็นนกตัวใหญ่ที่ดูเหมือนถูกทาด้วยสีดำบินไปมาค่ะ
“สัตว์ประหลาดที่ออกมาจากรอยบิดเบือนนั่นแหละคือ ดิส รัน! ที่นี่คือโลกปลอมที่เลียนแบบความเป็นจริงเพื่อป้องกันดิส รัน! แต่ไม่สามารถขังพวกมันไว้ที่นี่ได้ตลอดหรอกนะ รัน! พอพวกมันเริ่มสังเกตว่าที่นี่มันโลกปลอมมันก็จะพยายามออกไปที่โลกจริง รัน! เพราะแบบนั้นเธอจึงต้องเอาชนะ ดิส ให้ได้ก่อนที่มันจะหนีไปที่อื่น รัน! ไม่อย่างงั้นได้เกิดปัญหาใหญ่แน่ รัน!”
ไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ห้องสมุดเวทมนตร์ แจ็คที่มาที่นี่ด้วยพร้อมกันกับฉันรีบพูดอธิบายอย่างรวดเร็ว
ฉันเดาว่าเจ้านกสีดำที่บินอยู่บนหัวนี่คือสัตว์ประหลาดที่เรียกว่า ดิส ค่ะ แล้วความจริงคือมันดูตัวใหญ่มากแม้ว่าฉันจะมองดูมันจากระยะไกลและนั่นก็หมายความตัวจริงๆของว่ามันอาจจะใหญ่กว่าที่เห็นมาก บางทีสัตว์ประหลาดตัวนี้ฉันคงสามารถเรียกได้ว่ามันเป็นนกที่ขนาดมหึมาเลยค่ะ
“กรุณาเงียบด้วยค่ะ”
ช่างเป็นเรื่องที่น่าประหลาด แม้ว่าฉันจะไม่ต้องการจะต่อสู้และไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเกี่ยวกับมันมาเลย แต่ทันทีที่ฉันได้เห็นสัตว์ประหลาด ความลังเลใจของฉันก็หายวับไปในทันทีค่ะ
ฉันไม่ใช่คนที่ต้องการต่อสู้เพื่อคนอื่นหรือต้องการที่จะปกป้องโลกค่ะ ถึงจะไม่ได้ป่าวประกาศออกมาแต่ลึกๆ แล้วฉันเป็นคนประเภทที่มีแนวคิดว่าถ้ายังรู้สึกว่าตัวเองยังสบายดีอยู่ ตอนนั้นก็เท่ากับว่าฉันยังสบายดีอยู่ค่ะ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันไม่สามารถปล่อยสัตว์ประหลาดพวกนี้ทิ้งไว้ได้ และฉันคิดว่าฉันต้องเอาชนะพวกมันให้ได้ค่ะ
บางทีมันอาจจะเป็นไปได้ว่าความรู้สึกรักในความยุติธรรมของฉันถูกปลุกขึ้นมาจากการที่เจอภัยคุกคามที่ดูเป็นรูปธรรมตรงหน้าก็ได้ค่ะ
“ด้วยปีกแห่งสายลม ปีกเหินเวหา”
[TL : ปีกกางเหินไป! ไม่มีวัน! แผ่วปลาย!]
กระแสลมที่มองไม่เห็นยกร่างของฉันขึ้น
หลังจากมั่นใจว่าตอนนี้ได้ใช้เวทมนตร์แล้ว ฉันก็พุ่งตรงเข้าหาสัตว์ประหลาดนกโดยไม่มีความลังเลค่ะ
ฉันเข้าใจวิธีใช้เวทมนตร์ได้เองราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ มันเหมือนกับตอนที่ฉันได้แปลงร่างเป็นครั้งแรก ทั้งคีย์เวิร์ดและเวทมนตร์ต่างๆ ที่ฉันใช้ได้พวกมันเองก็ผุดขึ้นในหัวของฉันเองค่ะ
ฉันสามารถรับรู้ได้ว่ามันเป็นเวทมนตร์ประเภทไหนใช้งานยังไง คีย์เวิร์ดเพื่อเปิดใช้งานคือคำอะไร และทุกๆเรื่องเกี่ยวกับมันเลยค่ะ
นี่คือพลังของสาวน้อยเวทมนตร์ค่ะ
“คมดาบวายุ ใบมีดสายลม”
ในฐานะสาวน้อยเวทมนตร์ ฉันใช้ท่าโจมตีแรกที่ได้รับมาเพื่อโจมตีใส่สัตว์ประหลาดนกในทันทีที่บินเข้ามาใกล้ค่ะ มันอาจจะเหลือเชื่อเกินจริงไปหน่อยถ้ามันสามารถตัดผ่านได้ทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ แต่เท่าที่ฉันเห็นมันก็เป็นเวทมนตร์ที่ยิงใบมีดคมกริบที่ทำจากสายลมเท่านั้นเองค่ะ
“เคี้ยกกกกกกก!”
สัตว์ประหลาดนกดูเหมือนจะสังเกตเห็นฉันหลังจากถูกโจมตีเข้าไป และมันกระพือปีกโผบินเข้ามาหาฉันพร้อมกับส่งเสียงร้องแปลกๆ
มันโดนใบมีดสายลมเข้าไปเต็มๆจึงทำให้ร่างกายที่เป็นสีดำของมันได้รับบาดเจ็บ แต่ดูเหมือนว่าจะห่างไกลจากคำว่าบาดแผลร้ายแรงอยู่มากค่ะ
ฉันหลบสัตว์ประหลาดนกที่พยายามจะเสียบฉันด้วยจะงอยปากแหลมๆของมันจากทางด้านหน้า และกระแทกไม้เท้าขนาดใหญ่ของฉันเข้ากับโคนปีกของมันค่ะ
ปีกแห่งสายลม เป็นเวทมนตร์ที่ช่วยให้ฉันเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระบนอากาศมากกว่าตอนที่ฉันอยู่บนพื้นอีกค่ะ เดิมทีแล้วสัตว์ประหลาดนกตัวนี้ซึ่งมีจุดแข็งที่ความสามารถในการบินบนฟ้านั้นควรที่จะเป็นศัตรูที่น่าเกรงขาม แต่ว่าดูเหมือนว่ามันจะมาเจอคู่ต่อสู้ผิดคนค่ะ
“คมดาบวายุ ใบมีดสายลม”
เมื่อฉันใช้เวทมนตร์อัดเข้าไปยังโคนปีกโดยตรงดูเหมือนว่าครั้งนี้ฉันประสบความสำเร็จในการตัดปีกออกจากร่างของมัน
“กรี๊สสสสสสสสสสสสสสส!”
เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดนกที่กรีดร้องขณะที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้า ก็ทำให้ฉันรู้สึกใจหายเพราะว่าลืมคิดไปเสียสนิทเลยค่ะว่าสิ่งเหลืออยู่ให้ฉันทำต่อจากนี้มีก็แค่การโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวจากบนท้องฟ้าเท่านั้นเองค่ะ
อย่างไรก็ตาม มีบางสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดเกิดขึ้นค่ะ
“จิ๊จิ๊!”
ปีกที่ซึ่งขาดไปแล้วที่ควรจะร่วงหล่นลงไปพร้อมกับสัตว์ประหลาดนกนั้นกลับบิดงอเหมือนกลายสภาพเป็นของเหลวและพุ่งกลับไปหาตัวของสัตว์ประหลาดนก
สัตว์ประหลาดนกที่ได้ปีกคืน ขยับปีกชี้เข้าหาฉันแม้ว่ามันจะกำลังร่วงลงก็ตาม…และนี่ไม่ใช่ความพยายามที่จะกลับขึ้นสู่ท้องฟ้า
ทันใดนั้นเอง ขนนกสีดำมากมายก็พุ่งออกมาจากปีกราวกับกระสุนของปืน และมันเป็นการลอบจู่โจมทีเผลอ
แต่
“เกราะแห่งสายลม วินด์อาร์เมอร์”
น่าเสียดายที่การโจมตีที่ยิงมาที่ฉันด้วยความสิ้นหวังของมันนั้นไม่สามารถทำลายการป้องกันของฉันได้ค่ะ ขนนกสีดำถูกลมหมุนที่ล้อมรอบป้องกันตัวของฉันอยู่ปัดออกได้จนหมดค่ะ
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดนกกำลังพยายามทำอะไรอยู่ค่ะ บางทีมันอาจจะพยายามทำให้ฉันใช้เวทมนตร์จนหมด หรือทำให้ฉันหมดแรงล่ะมั้งคะ เพราะตัวมันยังคงยิงขนปีกสีดำของมันออกมาอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่ามันร่วงลงไปนอนอยู่บนพื้นแล้วก็ตาม
มันคงจะอันตรายมากหากการโจมตีของมันรุนแรงมากกว่านี้จนเจาะทะลุเกราะแห่งสายลมมาได้ แล้วฉันไม่สามารถหลบมันได้เพราะตอบสนองช้าเกินไปในตอนแรกค่ะ ว่ากันตามตรงแม้ว่าในตอนนี้ระยะห่างของฉันกับมันจะมีมากแค่ไหนแต่ฉันก็ไม่สามารถลดการป้องกันลงได้เลยค่ะ
ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะมาลงเอยแบบนี้ค่ะ
บางอาจจะต้องใช้วิธีการพิเศษในการจัดการ ดิส ก็ได้ค่ะ
“เรียวอิจิ อย่าลดการป้องกันลงนะ รัน! นี่มันอันตรายมากเลยนะ รัน!!”
ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว แจ็คที่มาแอบอยู่ข้างๆ ก็กำลังเอะอะโวยวายในเรื่องเห็นได้ชัดจนไม่ว่าใครก็รู้ได้โดยที่ไม่ต้องให้เขามาบอกอยู่ค่ะ บางทีฉันก็หวังว่าเขาจะให้คำแนะนำแบบนั้นกับฉันให้เร็วกว่านี้สักหน่อยนะคะ
เดี๋ยวนะหรือว่า!! นี่คุณกำลังหลบอยู่ข้างหลังของฉันเหรอคะ ไม่มีสักวิธีที่จะการป้องกันตัวของตัวเองได้เลยเหรอคะ?
“ดิส แค่เพียงเลียนแบบรูปร่างของสิ่งมีชีวิตเท่านั้น รัน! ดันนั้นไม่ว่ามันจะถูกตัดหรือถูกเจาะมันก็สามารถฟื้นฟูได้ตราบใดที่มันยังมีพลังเหลืออยู่ รัน! จะต้องโจมตีมันไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะหายไปเองนะ รัน! คลาส วิกันต์ (Vikanto) อย่างเจ้าตัวนี้ถ้าเธอโจมตีมันเหมือนเมื่อกี้อีกสัก 2-3 ทีมันก็จะสลายหายไปแล้วล่ะรัน!!”
กรุณาบอกเรื่องสำคัญขนาดนี้ให้เร็วกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ?
“ฉันไม่รู้ว่าคลาส วิกันต์ คืออะไรหรอกนะคะ แต่มันต้องทำมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“ขึ้นอยู่กับความเสียหายที่ทำได้ รัน! หากเป็นการโจมตีที่ไม่เหลือแม้แต่ฝุ่นแค่ครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว รัน!!”
เมื่อได้ยินแบบนั้นฉันก็พยายามตรวจสอบเวทมนตร์ทั้งหมดที่ฉันสามารถใช้ได้ค่ะ ดูเหมือนว่าในตอนนี้ฉันจะยังไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้เยอะนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเวทมนตร์บทนึงที่ค่อนข้างทรงพลังมาก แต่คิดว่าคงไม่ถึงกับระดับที่ทำให้ดิสไม่เหลือแม้กระทั่งฝุ่นได้หรอกค่ะ”
ดูเหมือนว่าจะใช้กับคู่ต่อสู้ที่เคลื่อนไหวไปมาได้ยากด้วยค่ะ แต่โชคดีที่สัตว์ประหลาดนกยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมเหมือนพวกป้อมปืนที่ขยับไม่ได้ ตอนนี้คงเป็นโอกาสเดียวที่จะใช้มันแล้วค่ะ
“คุณแจ็คพอรู้ไหมคะ? ว่าทำไมสัตว์ประหลาดนกตัวนั้นถึงเอาแต่โจมตีแบบเดิมซ้ำๆล่ะคะ?”
“ดิส รู้จักเรียนรู้ รัน! เพราะการปะทะกันครั้งก่อนทำให้มันรับรู้ได้ว่าไม่สามารถสู้ทั้งระยะประชิดและบนฟ้าได้ รัน! ดังนั้นมันพยายามจึงใช้การโจมตีระยะไกลแทน รัน! มันคิดว่าจะสามารถชนะเธอได้ด้วยการโจมตีระยะไกลยังไงล่ะ รัน!! “
“แต่ตอนนี้ฉันยังไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลยนะคะ”
“มันเป็นกลยุทธ์เชิงรับน่ะ รัน! เพราะมันเห็นว่าเธอทำได้แค่ป้องกันขนนกแล้วไม่สามารถสู้กลับได้น่ะสิ รัน! ไม่จริงเหรอ? รัน?”
“ไม่เลยค่ะเสียใจที่ต้องพูดแบบนี้นะคะ แต่ที่จริงแล้วที่ฉันไม่โจมตีกลับน่ะเป็นเพราะกำลังคุยอยู่กับแจ็คต่างหากค่ะ เลยตัดสินใจว่าหยุดโจมตีไปก่อนชั่วคราวค่ะ”
ในเมื่อฉันก็ได้ฟังในสิ่งที่ฉันสงสัยแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลากลับมาสนใจสัตว์ประหลาดนกแล้วค่ะเพราะถ้าปล่อยเอาไว้นานกว่านี้จนมันเริ่มเคลื่อนไหวคงจะต้องเสียเวลาเพิ่มอีกและยุ่งยากมากแน่ๆค่ะ เอาล่ะตัดสินใจแล้วมาปิดฉากกันเลยดีกว่าค่ะ
ขณะที่ฉันลอยอยู่บนอากาศด้วยปีกแห่งสายลม และป้องกันการโจมตีของสัตว์ประหลาดนกด้วยวินอาร์เมอร์ ฉันก็คว้าจับไม้เท้ายาวด้วยมือทั้งสองข้างและชี้ปลายของมันลงไปยังสัตว์ประหลาดนกเพื่อสั่งใช้งานเวทมนตร์ที่สามของฉัน ซึ่งมันเป็นเวทมนตร์ที่ิค่อนข้างพิเศษกว่าที่ผ่านๆมาค่ะ
“พายุทอร์นาโด ทอร์นาโดมิกเซอร์”
ทันใดนั้นเองที่พายุทอร์นาโดขนาดยักษ์ถูกปลดปล่อยออกมาจากไม้เท้ายาวแล้วกลืนกินสัตว์ประหลาดนกเข้าไปในทันที มันบดขยี้อาคารทั้งหมดที่อยู่ในเส้นทางรวมไปถึงคว้านเอาพื้นดินออกไปจนทำให้เกิดพื้นที่ว่างเปล่าเป็นเส้นตรงยาวหลายร้อยเมตร
แน่นอนว่าไม่มีสัตว์ประหลาดนกอยู่ตรงนั้น เจ้าสัตว์ประหลาดสีดำผู้โชคร้ายได้แหลกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและดูเหมือนมันจะหายไปก่อนที่จะมีใครรู้ตัวเสียอีก
และด้วยเหตุนี้เอง การต่อสู้ครั้งแรกของฉันจึงจบลงอย่างง่ายดายค่ะ