魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ - ตอนที่ 9 สามคนกำลังคุยกับฟักทอง ณ คาเฟ่บนโลกเวทมนตร์
ตอนที่ 1-3 สายพันธ์ใหม่ ①
หลังจากที่ต่อสู้กับดิสเสร็จแล้ว เอเลเฟ่น เบลด และเพลซ ก็มารวมตัวกันที่ร้านกาแฟบนโลกเวทมนตร์
เบลดทำอะไรบางอย่างอยู่ในขณะที่เธอจ้องมองไปที่มากิโฟนในมือ และขณะเดียวกันนั้นเองเพลซก็ดูดน้ำแตงโมโซดาปั่นในขณะที่จ้องมองไปยังใบหน้าด้านข้างของเบลด บรรยากาศนั้นเรียกได้ว่าไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ไม่ได้เหมือนกับว่าพวกเธอกำลังจะทะเลาะกันเร็วๆนี้ เมื่อเห็นดังนั้นเอเลเฟ่นจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไร และทำเพียงแค่ตักเอาแพนเค้กเข้าปากอย่างเงียบๆ
ทันใดนั้นเอง เบลด ก็หยุดใช้งานมากิโฟน และทันทีหลังจากนั้น บนโต๊ะที่ล้อมรอบด้วยเด็กสาวทั้งสามก็เริ่มส่องแสง และแจ็คที่มีหัวเป็นฟักทองก็ปรากฏตัวขึ้น
“ไม่น้าา~ ผมมาสายไปแล้ว! ขอโต๊ดน้าา~ รัน!”
“สาวน้อยเวทมนตร์คนนั้นคืออะไรกันคะ?”
เมื่อแจ็คเริ่มพูดเขาทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นพิเศษเหมือนเดิมดั่งเช่นสมัยที่เขาเคยสนับสนุนทั้งสามสาวในอดีต
หลังจากการต่อสู้ เบลด ก็ติดต่อ แจ็ค ทันทีเพื่อขอฟังเกี่ยวกับ สาวน้อยเวทมนตร์ ไทแรนด์ ซิลฟ์ ซึ่งโดยปกติแล้วเบลดจะไม่ค่อยได้แวะเข้ามาที่โลกเวทมนตร์มากนักแต่ที่เธอยอมมาอยู่ที่นี่ในวันนี้เป็นเพราะ แจ็ค เป็นผู้กำหนดสถานที่นัดพบเป็นที่แห่งนี้
ถ้าไม่อยากเล่าเขาก็แค่ไม่ต้องนัดสถานที่ก็ได้ แต่ในเมื่อเขานัดมาแล้วและแม้ว่าเธอไม่รู้ว่าแจ็คเต็มใจที่จะเล่าเรื่องของ ไทแรนด์ ซิลฟ์ มากน้อยแค่ไหนก็ตามแต่เบลดก็ตัดสินใจที่จะมาที่นี่และถามในสิ่งที่เธอต้องการจะได้รู้โดยข้ามขั้นตอนที่ไม่จำเป็นไปทั้งหมด
“พวกเธอไม่ได้หาข้อมูลสักหน่อยเหรอ รัน! ผมอยากให้เธอลองคิดดูนะว่าการผมไปอยู่เคียงข้างเด็กสาวคนนั้นหมายความว่ายังไง รัน!”
“สาวน้อยเวทมนตร์ ไทแรนด์ ซิลฟ์ เป็นสาวน้อยเวทมนตร์คนใหม่เพียงคนเดียวในเมืองซากุระ และเป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เธอได้กลายเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ และเธอใช้เวทมนตร์แห่งลม นั่นคือทั้งหมดที่ฉันพบค่ะ”
“คิดเอาไว้แล้วเชียว สมแล้วที่เป็นเบลด รัน! มันสมองของทีมนั้นยังคงมีชีวิตชีวาและสบายดีสินะ รัน!”
“ไม่จำเป็นต้องยกยอค่ะ คุณรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร ความแข็งแกร่งของเธอนั่นมันอะไรกันคะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอเป็นมือใหม่”
เบลดไม่ได้มีท่าทางที่สนใจในการสนทนาเรื่องอื่นเลยเธอนั้นตั้งใจถามเพียงแค่เรื่องซิลฟ์อย่างเดียว และตอนนั้นเองที่เพลซและเอเลเฟ่นก็หยุดปากและมือของพวกเธอและส่งสายตาจ้องมองไปยังแจ็ค
เบลดเป็นแบบนี้มาได้พักใหญ่ๆแล้วและเธอก็เข้ากับแจ็คได้ไม่ค่อยดีนักแต่เธอก็ยังสามารถพูดล้อเล่นกับเพลซได้ในระดับนึง และสามารถพูดคุยกับเอเลเฟ่นได้ตามปกติ
ในความเป็นจริงแล้วการที่เธอทั้งคู่ยอมปิดปากสนิทและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของเบลดนั้นหมายความอีกนัยนึงว่าคำถามของ เบลด คือความเห็นพ้องต้องกันของพวกเธอทั้งทีม
สำหรับแจ็คแล้วแม้ว่าเขามีความตั้งใจจะเคารพความปรารถนาของไทแรนท์ ซิลฟ์ สาวน้อยเวทมนตร์คนปัจจุบันที่เขาสนับสนุนอยู่ แต่ความลับที่มากเกินไปของเธออาจจะสร้างความสงสัยอย่างไม่รู้จบได้
หลังจากหยุดเงียบไปครู่ใหญ่แจ็คก็พูดออกมาราวกับว่าเขาได้ครุ่นคิดแล้ว
“ไม่แปลกใจเลยที่พวกเธอจะสงสัย รัน! เมื่อฉันเห็นเธอครั้งแรก ฉันก็คิดว่าเป็นความผิดพลาดเหมือนกัน รัน! เอเลเฟ่น เธอจำดิสที่เธอต่อสู้คนเดียวเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้รึเปล่า รัน!”
“เอ๊ะ? อืม.. มันน่าจะเป็นดิสคลาสทั่วไป…? ประมาณสัปดาห์ที่แล้ว…”
เอเลเฟ่นที่ถูกถามอย่างกระทันหัน พยายามขุดคุ้ยความทรงจำของเธอในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเธอเตะดิสคลาสทั่วไปด้วยตัวคนเดียว
เพราะว่าไม่จำเป็นต้องมีสาวน้อยเวทมนตร์ 3 คนเพื่อเอาชนะดิสระดับทั่วไปเธอจึงเข้าต่อสู้เพียงลำพังในวันนั้น
นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และเอเลเฟ่นก็จำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น
“ความเข้าใจของเอเลเฟ่นไม่ผิด รัน! สาวน้อยเวทมนตร์และฉันมีความแตกต่างกันมากในการรับรู้คืนนั้น รัน! ไม่มีอะไรพิเศษสำหรับสาวน้อยเวทมนตร์ รัน! มันเป็นเพียงการที่มนุษย์คนหนึ่งหลุดเข้าไปในโลกปลอม รัน!”
“เห จะว่าไปฉันไม่ทันสังเกตเลยค่ะ”
โลกปลอมนั้นมันเป็นโลกหลอกๆที่เลียนแบบโลกแห่งความจริง และปกติแล้วคนธรรมดาที่ไม่ใช่สาวน้อยเวทมนตร์จะไม่สามารถเล็ดลอดเข้าไปได้
แต่ความเป็นไปได้นั้นไม่ใช่ศูนย์ซะทีเดียวยังมีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่จะเกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้น ในอดีตมีกรณีเช่นนี้อยู่สองสามกรณี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทางโลกเวทมนตร์จะสัมผัสได้ทันทีว่ามีมนุษย์แบบนั้นอยู่และจะส่งพวกเขากลับไปยังโลกเดิมในทันที จึงแทบไม่มีสาวน้อยเวทมนตร์คนไหนได้รู้เรื่องนี้เลย
“นั่นคือซิลฟี่จังเหรอ?”
“ถูกต้อง รัน! เธอมีพรสวรรค์ในฐานะสาวน้อยเวทมนตร์อย่างท่วมท้น รัน! ฉันเข้าใจเรื่องนั้นดี รัน! และไม่สามารถที่จะมองข้ามพรสวรรค์พวกนั้นไปได้ รัน! ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม รัน!”
“อา~ นั่นคือสาเหตุที่จู่ๆ คุณก็หายไปในวันนั้นสินะคะ แต่ว่าอย่างสุดท้ายที่พูดนั่นฟังดูอันตรายจังค่ะ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ แล้วไงต่อ? บังเอิญคุณพบเด็กสาวที่มีพรสวรรค์ แล้วก็บังเอิญอีกที่เธอก็ตกลงที่จะเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ และเมื่อเธอเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ก็ดันแข็งแกร่งมากขนาดนั้นทั้งๆ ที่ยังเป็นมือใหม่เหรอคะ ฟังดูแปลกนะคะไม่ว่าเธอจะผ่านการต่อสู้มามากแค่ไหนแต่ก็ไม่น่าจะสามารถแข็งแกร่งได้ขนาดนั้นด้วยระยะเวลาแค่สัปดาห์เดียวค่ะ”
จะมีคนเก่งๆ ที่กลายเป็นสาวน้อยเวทมนตร์นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถึงกระนั้น เบลด ก็ไม่อาจทำใจเชื่อได้ลงเลยว่าเธอได้รับความแข็งแกร่งมากมายขนาดนั้นในระยะเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ที่เธอต่อสู้ในฐานะสาวน้อยเวทมนตร์ด้วยตัวของเธอเองตามลำพัง และไม่มีปฏิสัมพันธ์กับสาวน้อยเวทมนตร์คนอื่นๆเลย ดังนั้นเธอจึงไม่รู้สึกว่าที่แจ็คพูดมาเป็นความจริงทั้งหมด
ตัวอย่างเช่น สมมติว่ามีคนธรรมดาที่ไม่มีทั้งความสามารถและพรสวรรค์ อุทิศตนเพื่อเป็นนักกีฬาเป็นเวลาหนึ่งปี มันเป็นไปได้ไหมที่จะก้าวข้ามสิ่งนั้นที่สร้างมาด้วยประสบการณ์ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์เพียงเพราะคุณมีพรสวรรค์และความสามารถมากมายมหาศาล?
“มันไม่ได้เกินจริง รัน! เวทมนตร์เป็นเทคโนโลยีที่แตกต่างโดยพื้นฐานจากอารยธรรมทางวิทยาศาสตร์ที่มนุษย์กำลังสร้างอยู่ตอนนี้ รัน! และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงได้ รัน!”
“แต่ซิลฟ์จัง ที่ตัดสินใจจะเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ในทันทีหลังจากที่ได้รับเชิญให้เป็นสาวน้อยเวทมนตร์แบบนี้ดูเป็นเด็กที่น่าเป็นห่วงจัง แต่ฉันก็ดีใจนะคะที่เธอมาเป็นเหมือนพวกเรา”
เอเลเฟ่นพึมพำออกด้วยความดีใจอย่างถึงที่สุด
ในความเป็นจริงแล้ว เด็กสาวที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายโดยปราศจากความยุ่งวุ่นวาย มักจะไม่มีใครอยากเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ และจะไม่ยอมตอบตกลงเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ในทันที แต่จะเป็นก็ต่อเมื่อพวกเธอได้คิดไตร่ตรองดูแล้ว แต่ก็ไม่อาจมองข้ามความจริงที่ว่ามีเด็กสาวบางส่วนได้กลายเป็นสาวน้อยเวทมนตร์หลังผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายที่ต้องทนทุกข์ทรมานในระดับนึง พวกเธออาจจะถูกกักขังหรือไม่ก็สามารถทนอยู่กับความเป็นจริงได้
“ม๊าา~ ก็แบบว่าซิลฟีจังเป็นน้องใหม่ที่แข็งแกร่งมากสุดๆเลยใช่ไหม? แล้วเธอเป็นเด็กผู้หญิงแบบไหนเหรอ? ช่วยบอกฉันหน่อยสิ แจ็ค~”
“มันไม่มีอะไรมากที่ผมสามารถพูดได้นะ รัน! หากดูที่หน้าแนะนำตัวเธอจะเข้าใจได้เอง รัน! เธอเป็นเด็กที่ไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นที่รู้จักน่ะ รัน!”
“เอ๋~ ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอจัง~ แจ็คช่วยบอกเธอให้ทีสิ”
เอเลเฟ่นพยายามเกลี่ยกล่อมแจ็คและเพรสก็เข้ามาร่วมวงด้วย แม้ว่าเอเลเฟ่นสัมผัสได้ว่าเบลดมีความรู้สึกบางอย่างต่อ ไทแรนท์ ซิลฟ์ แต่เธอก็รู้สึกขอบคุณมากกว่าอยู่ดี เพราะถ้า ไทแรนท์ ซิลฟ์ ไม่มาช่วยพวกเขาแล้วล่ะก็พวกเธอทั้งสามคงจะต้องพ่ายแพ้ไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย และหากเธอเป็นบุคคลที่อันตรายจริง เธอก็คงจะไม่มาช่วยเหลือพวกเธอในวันนี้แน่ๆ
“เพื่อความมั่นใจฉันขอยืนยันเรื่องนี้หน่อยนะคะ เธอไม่ใช่เด็กไม่ดีใช่ไหมคะ?”
“เธอไม่ใช่เด็กไม่ดี รัน! แล้วก็ไม่ได้ใจดีเป็นนักบุญเหมือนกันนะ รัน! เป็นเด็กที่ไม่น่าจะเรียกได้ว่าเด็กดีได้ด้วยนะ รัน!”
“…ก็ไม่เป็นไรค่ะ เอาเป็นว่าช่วยบอกเธอให้หน่อยนะคะ ว่าถ้าไม่อยากถูกระแวงช่วยหาโอกาสให้ฉันได้คุยกับเธอสักครั้งนึง และแน่นอนถ้าเธอจะเป็นฝ่ายนัดสถานที่ให้ฉันไปหา ฉันก็ไม่ว่าอะไรค่ะ”
เบลดเองก็ไม่ได้สงสัยว่าคนที่มาช่วยพวกเธอว่าเป็นคนไม่ดีจากก้นบึ้งของหัวใจ และเธอรู้สึกเช่นเดียวกับเอเลเฟ่นเธอรู้สึกขอบคุณซิลฟ์อยู่มาก
อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ปกติแล้วจะไม่จากไปโดยไม่พูดอะไรในสถานการณ์นั้น ถ้าเธอเป็นสาวน้อยเวทมนตร์จากเขตอื่นและจากไปเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นที่อาณาเขตของเธอก็ว่าไปอย่าง แต่ ไทแรนท์ ซิลฟ์ คือสาวน้อยเวทมนตร์ของเมืองซากุระ ดิสก็ตายไปแล้วและไม่มีเหตุผลที่จะต้องหนีเลย
ผู้คนกลัวสิ่งที่ไม่รู้จัก มันเป็นความกลัวโดยกำเนิดจากสัญชาตญาณ และนั่นคือสาเหตุว่าทำไมผู้คนถึงได้ใช้ไฟเพื่อส่องสว่างในตอนกลางคืน
แม้ว่ามันจะเป็นการดำรงอยู่ที่ไม่เป็นอันตราย หากเป็นอีกฝ่ายไม่รู้จัก มันก็จะรู้สึกหวาดระแวง ความกลัวก็จะเกิดขึ้น และมันจะพัฒนาไปสู่การต่อสู้กันในที่สุด ความเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นสิ่งสำคัญหากต้องรักษาความสงบสุขเอาไว้
“อยากทำความรู้จักกับเธอ และถ้าเป็นไปได้ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอค่ะ”
“ฉันด้วย ฉันก็ด้วย~! บอกเธอว่าเราจะไปอาร์เคดด้วยกันน้าาครั้งหน้า~”
ตรงกันข้ามกับเบลดที่พึมพำด้วยความเหนื่อยล้า เพรสพูดกับแจ็คอย่างร่าเริง
“ผมจะบอกให้นะแต่อย่าคาดหวังล่ะ รัน! เรื่องของพวกเธอจบแล้วงั้นถึงตาผมพูดกับพวกเธอบ้างนะ รัน!”
“มีอะไรเหรอคะ?”
บรรยากาศของแจ็คก่อนหน้านี้ที่เป็นสบายๆและไร้กังวัลแปรเปลี่ยนเป็นบรรยากาศที่จริงจัง
เอเลเฟ่นค่อนข้างตกใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้และอดไม่ได้ที่จะถามกลับไป
“มันเกี่ยวกันดิสที่พวกเธอสู้วันนี้น่ะ รัน! ฉันมั่นใจว่าเดี๋ยวมากิโฟนก็คงแจ้งเตือนตอนเย็นวันนี้แต่จะบอกไว้ล่วงหน้าก่อนนะ รัน!”
“ใช่แล้ว ฉันเองก็อยากจะถามเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ”
“ในการแจ้งเตือนมันเป็นระดับบารอน และแน่นอนมันแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ จู่ๆ มันก็แข็งแกร่งขึ้นอีก ใช่ไหมล้าา~”
เพลซหัวเราะอย่างมีความสุขแต่อีกเด็กสาวอีกสองคนรวมถึงแจ็คกลับดูจริงจังจนน่าขนลุก บรรยากาศแตกต่างจากปกติโดยสิ้นเชิง จนเธอเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน และสงสัยว่าเธอทำผิดไปหรือเปล่า
“เราต้องแข็งแกร่งขึ้นเหมือนซิลฟ์จัง!”
เอเลเฟ่นยื่นกำปั้นที่กำแน่นด้วยมือทั้งสองไปข้างหน้า และพ่นเสียงอย่างดุดันเพื่อแสดงความมุ่งมั่น
“นั่นก็ถูก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นค่ะ”
“เบลดพูดถูกต้องแล้ว รัน! เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่จริงก็เพิ่งจะเมื่อวานนี้เองที่มีหลายกรณีที่จู่ๆ ดิส ก็แข็งแกร่งขึ้นในโลกปลอม รัน! โลกเวทมนตร์กำลังเคลื่อนไหวเพื่อสืบสวนหาสาเหตุอยู่ รัน! แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้อะไรเลย รัน!”
“ปกติแล้วเราจัดการได้มากสุดแค่ระดับคลาสบารอน แต่วันนี้ที่เจอมันคลาสอะไรล่ะคะ?”
“คลาส ไวเคานต์ แถมยังเป็นแบบที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกมันเลย รัน!”
เดิมทีตอนที่ก่อนที่เบลดจะเข้าต่อสู้มันก็แข็งแกร่งพอ ๆ กับคลาสบารอนทั่วไป แต่ทันทีที่เธอเข้ามานั้นมันก็เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นสู่จุดสูงสุดของคลาส ไวเคานต์
“จากข้อมูลของเมื่อวานนี้และวันนี้ มีกรณีที่การเพิ่มระดับขึ้นไปมากสูงสุดถึงสองระดับ รัน! ถ้าไปสู้บารอนคลาสในตอนนี้อาจเจออันตรายเทียบเท่าระดับเอิร์ลคลาสเลย รัน!”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับสาวน้อยเวทมนตร์ที่กำลังต่อสู้อยู่ตอนนั้นคะ?”
“โชคดีที่ แม่มดพอยซัน บัค บังเอิญอยู่ใกล้ๆ รัน! เลยไม่มีใครบาดเจ็บ รัน!”
“แม่มด…เธอเป็นสาวน้อยเวทมนตร์เฟส 3”
จากสาวน้อยเวทมนตร์จำนวนกว่า 10,000 คน มีเพียง 12 คนเท่านั้นที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่จุดกำเนิดของสาวน้อยเวทมนตร์ พวกเธอทั้งหมดนั้นแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะ มาควิสคลาส ได้ด้วยตัวคนเดียว และถ้ามีคนหลายคนรวมตัวกัน พวกเธอก็สามารถเอาชนะ ดยุกคลาส ได้ นั่นแหละคือเฟส 3 สาวน้อยเวทมนตร์ที่เปิดประตูที่สามได้ส่วนใหญ่จะเป็นที่รู้จักกันในนาม แม่มด
“แม่มดไม่สามารถมาช่วยได้เสมอไป รัน! จากนี้ไปพวกเธอจะได้รับแจ้งเตือนลดลงหนึ่งระดับจากระดับเดิมที่ตั้งค่าไว้นะ รัน!”
“เอ๊ะ! รายได้ของฉันจะลดลง!”
เพรสที่เงียบไปและกุมขมับก้มหน้าลงแล้วเริ่มคิดคำนวนอยู่ในใจ ถ้าเธอไม่ได้รับการแจ้งเตือน เธอจะไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อเอาชนะ ดิส ได้ และถ้าระดับของการแจ้งเตือนลดลง เป็นเรื่องธรรมดาที่คะแนนที่เธอจะได้รับจะลดลง
“อย่างกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีกลายพันธุ์เลยนะ ว่าไปนั่น…”
ไม่ใช่ทุกเขตที่จะมีแม่มดหรือสาวน้อยเวทมนตร์เฟส 2 มีหลายเขตที่มีแต่สาวน้อยเวทมนตร์เฟส 1 อย่างเช่นเมืองซากุระก็ด้วย
หากรอยแยกที่รุนแรงเกิดขึ้นและดิสปรากฏตัวในเขตดังกล่าว การแจ้งเตือนถูกออกแบบมาเพื่อแจ้งให้สาวน้อยเวทมนตร์ในเขตใกล้เคียงได้ทราบ ดังนั้นหากไม่มีสาวน้อยเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งอยู่ใกล้ ๆ สาวน้อยเวทมนตร์ที่อยู่ใกล้ ๆ เกือบทั้งหมดจะได้รับการแจ้งเตือน นั่นหมายความว่าจะต้องเอาจำนวนเข้าสู้ แต่อย่างไรก็ตาม ยิ่งระยะทางอยู่ไกลเท่าไร ก็ยิ่งใช้เวลาในการเคลื่อนย้ายนานมากขึ้นเท่านั้น
แต่สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเมืองซากุระเพราะโชคยังดีที่มีสาวน้อยเวทมนตร์ที่โด่งดังและอยู่ในเฟส 2 ใกล้ๆกับเมืองซากุระ แถมเบลดยังรู้จักคุ้นเคยกับสาวน้อยเวทมนตร์คนนี้เป็นอย่างดี และรู้สึกขอบคุณที่เธอช่วยล่า ดิส ที่แข็งแกร่งในเมืองนี้ให้
นับจากนี้ไป ไทแรนด์ ซิลฟ์ น่าจะเข้ามามีบทบาทที่ว่าไปแทน และยิ่งไปกว่านั้น ความจริงที่ว่าการแจ้งเตือนไปยังเบลดนั้นลดลงหนึ่งระดับ หมายความว่าความถี่ที่ซิลฟ์จะต้องสู้นั้นสูงขึ้นกว่าเดิม
เดิมทีนั้น เบลด รู้สึกไม่สบายใจที่ได้รับความช่วยเหลือจากสาวน้อยเวทมนตร์จากเขตอื่น แต่ถึงอย่างนั้น อัตราการเกิดของคลาส ไวเคานต์ ขึ้นไปก็ไม่สูงมากนัก นั่นเป็นเหตุผลที่เธอถูกบอกมาว่ามันไม่ได้เป็นภาระหนักหนาขนาดนั้นที่จะมาช่วย และแม้ว่าเธอจะรู้ว่าพวกเธอจะดูแลให้แต่เธอก็ไม่อยากรบกวนมากเกินไปจนเสียนิสัย
“อย่างที่เอเลเฟ่นบอก เรามาแข็งแกร่งกันเถอะค่ะ อย่างน้อยก็ให้เราสามคนพอจะเอาชนะคลาส ไวเคานต์ ได้ค่ะ”
บารอน และ ไวเคานต์ มีความแตกต่างกันอย่างมากในด้านการปราฏตัวและความแข็งแกร่งจะเรียกว่ามันเป็นกำแพงชนิดหนึ่งที่ต้องก้าวข้ามไปก็ได้
จนถึงตอนนี้ เบลด คิดว่าคงจะดีหากค่อยๆ เพิ่มความแข็งแกร่งของเธอ แต่เธอไม่สามารถพูดแบบนั้นได้อีกต่อไป
“ฉันจะให้รุ่นน้องในเขตเดียวกันดูถูกฉันไม่ได้ค่ะ”
“สึรุจัง…”
เอเลเฟ่นแอบมองไปที่เบลดกำลังพูดอยู่อย่างเงียบ ๆ แต่เมื่อได้เห็นดวงตาที่เปล่งประกายนั้นของเธอ เอเลเฟ่นยิ้มอย่างมีเลศนัย โดยคิดว่ามันเหมือนกับทุกครั้ง
อย่างที่แจ็คพูด เบลดเป็นมันสมองของทีมและมักจะเย็นชาในบางครั้งและคอยรวบรวมข้อมูล แต่เธอก็เป็นคนที่สดใสที่สุดเช่นกัน
เอเลเฟ่นรู้ดีว่าโดยธรรมชาติแล้ว เธอจะต้องรู้สึกว่าไม่สามารถสร้างภาระให้กับรุ่นน้องได้ แต่เธอก็แค่อายที่จะพูดแบบนั้นจึงพูดออกมาว่าเธอไม่ต้องการจะโดนดูถูกแทน
“ฉันมีความสุขมากที่พวกเธอได้รับแรงบันดาลใจนะ รัน! แทนที่จะตั้งเป้าหมายไว้ที่ ไวเคานต์ ทำไม่มุ่งเป้าไปเป็นแม่มดเลยล่ะ รัน!”
“เอ๊ะ! เป็นไปได้ไหมว่าซิลฟีจังเป็นแม่มดไปแล้วน่ะ!?”
“ฮะ?” “ไม่มีทาง…”
“เดี๋ยวพวกเธอจะเข้าใจเองแหละ รัน! คอยตรวจสอบเว็บไซต์เราบ่อยๆสิ รัน!”
ทั้งเฟส 2 และเฟส 3 ไกลตัวเกินไปสำหรับ เบลด แล้วก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะรับรู้ความแตกต่างของมันได้อย่างแม่นยำ
อย่างไรก็ตาม พวกเธอได้ปักใจเชื่อโดยจิตสำนึกไปแล้วว่าเธอไม่ใช่แม่มด และเธอยังเป็นเพียงสาวน้อยเวทมนตร์เฟส 2
“งั้นผมจะกลับแล้วนะ รัน!”
แจ็คเปิดใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายและหายตัวไป ทิ้งเบลดที่กำลังสับสนไว้เบื้องหลัง
“ไทแรนท์ ซิลฟ์ หืม…”
คำพูดที่จู่ๆใครบางคนพึมพำออกราวกับว่ามันกำลังสะกิดใจ แต่ทว่าคำๆนั้นค่อยๆลอยหายไปในอากาศโดยไม่มาถึงหูของพวกเธอ